Produce101 season2 การประกาศการจ ดอ นด บคร งแรก ม ใครบ าง

ช่วงเช้าของวันพุธที่ 18 พ.ย. 2020 ศาลเกาหลีพิจารณาอุทธรณ์คดีโกงโหวตของรายการเรียลลิตี้เฟ้นหาวงไอดอลหน้าใหม่ของเกาหลีชื่อดัง Produce 101 อีกครั้ง

• Produce 101 เจอสอบสวนโกงโหวต 4 ซีซั่นรวด! ตำรวจจ่อขยายผล หลังพบเงื่อนงำ

หลังจากที่ผู้อำนวยการสร้าง (PD) อันจุนยอง ได้รับโทษจำคุก 2 ปีพร้อมโทษปรับ และหัวหน้าโปรดิวเซอร์ คิมยองบอม ได้รับโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน จากคดีรับสินบนโกงคะแนนโหวตของผู้เข้าแข่งขันในรายการ ศาลได้รับคำร้องพิจารณาอุทธรณ์ในคดีนี้อีกครั้ง และสุดท้ายแล้วศาลตัดสินให้ยังคงโทษเอาไว้เช่นเดิม

นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง และค่ายเพลงอีก 5 ค่ายที่มีส่วนร่วมในคดีนี้ ที่เคยได้รับโทษปรับมาแล้ว ล่าสุดยังได้รับโทษจำคุกเพิ่มอีก 8 เดือน และรอพิจารณาคดีอีก 2 ปี

สำหรับการพิจารณาคดีในครั้งนี้ ศาลได้เปิดเผยรายชื่อของผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจากการแทรกแซงผลโหวตอย่างไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ โดยศาลเห็นว่าการเปิดเผยรายชื่อในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ได้รับค่าตอบแทนจากความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการโกงคะแนนโหวตที่ผ่านมา ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับประโยชน์จากคดีนี้จะยังไม่เปิดเผยรายชื่อ เพราะพวกเขาไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อพวกเขาเองในภายหลังได้

รายชื่อผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการยืนยันว่าโดนปรับคะแนนโหวต และถูกคัดออกจากรายการอย่างไม่เป็นธรรม มีดังนี้:

จบไปอีกหนึ่งรายการเซอร์ไววัล สำหรับ Produce 101 Japan Season 2 ที่ประกาศผลรอบไฟนอล 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เพียงแค่เริ่มโปรเจกต์ก็มีดราม่าทันที เมื่อทางรายการประกาศว่าซีซันนี้จะเป็นการเฟ้นหาบอยแบนด์อีกครั้ง (ต่างกับรายการต้นฉบับของเกาหลีที่สลับชาย/หญิงในแต่ละปี) แฟนคลับของ JO1 วงที่เดบิวต์จากซีซันแรกก็โวยวายว่าวงเดิมยังสร้างฐานแฟนคลับได้ไม่มากเลย ไหนจะอดโปรโมตต่างประเทศเพราะโควิด ทำไมสร้างวงผู้ชายมาแย่งซีนกันเองอีกล่ะ ซึ่งวิเคราะห์กันว่ารายการคงไม่อยากทำวงเกิร์ลกรุ๊ปเพราะสาวๆ ตระกูล 48 และ 46 ยังครองตลาดอยู่ (แม้กระแสจะแผ่วลงไปแล้วก็ตาม)

ความน่าสนใจลำดับต้นๆ ของ Produce 101 Japan Season 2 อาจไม่ใช่เรื่องของเด็กฝึก แต่เป็นการถ่ายทำรายการที่มีเด็กผู้ชายมารวมตัวกันมากมายในยุคโควิด-19 นั่นทำให้ซีซันนี้เริ่มต้นด้วยการคัดผู้เข้าแข่งขัน 101 คนเหลือ 60 คนจากการโหวตออนไลน์ (และเมื่อจำนวนคนลดลง ผู้ชมก็จำเด็กฝึกได้ง่ายขึ้น) ส่วนในแคมป์ฝึกหัด ไม่มีการนอนรวมอีกต่อไป แต่ละคนได้ห้องส่วนตัวไปเลย และรายการยังให้เด็กๆ มีปฏิสัมพันธ์ด้วยการชนกำปั้นแทนการจับมือและสวมกอด

ขณะที่รายการฝั่งเกาหลีช่วงโควิดไม่มีผู้ชมในห้องส่งเป็นส่วนใหญ่ Produce 101 Japan Season 2 ก็อุตส่าห์ให้คนดูมาเชียร์ได้ แต่ต้องใส่ทั้งหน้ากากและเฟสชีลด์ อีกทั้งห้ามส่งเสียงกรี๊ด นั่งดูได้เงียบๆ เท่านั้น บรรยากาศปีนี้เลยแปลกไปหน่อย แต่ถึงจะระวังขนาดไหนก็มีเด็กฝึกคนหนึ่งติดโควิด-19 (จากนอกรายการ) เป็นผลให้เขาต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย

ในแง่คาแรกเตอร์ของเด็กฝึกก็คล้ายกับซีซั่นที่แล้ว เนื่องจากผู้เข้าแข่ง Produce 101 Japan จะต้องไม่มีสังกัด บางคนอาจเคยผ่านการฝึกในค่ายมาบ้าง บางคนก็ฝึกด้วยตัวเองหรือกระทั่งไม่มีประสบการณ์เลย ผู้แข่งขันเลยอาจจะไม่ครบเครื่องแบบ Produce ฝั่งเกาหลี แต่รายการจะเน้นที่ความพยายามและไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเราจึงได้เห็นเด็กฝึกจำนวนมากที่พัฒนาตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง

นอกจากเด็กฝึกแล้ว ฝั่งเทรนเนอร์ของซีซันสองก็มีสีสันไม่แพ้กัน โดดเด่นที่สุดคงเป็น ริโนะ นาคาโซเนะ นักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง แม้บุคลิกจะดูแรง แต่ที่จริงแล้วเธอใส่ใจเด็กๆ อย่างมาก, เคนโซ วง DA PUMP แม้จะชอบมีซีนดราม่าแบบงงๆ อยู่บ้าง แต่ก็เป็นคนให้คำแนะนำที่ดี นอกจากนั้นยังมี เธลมา อาโอยามะ และ KEN THE 390 ที่เป็นสายใจดี ส่วนครู ซุไก ฮิเดโนริ ซีซันนี้ดูจะโวยวายเล่นใหญ่เกินไปหน่อย ไม่แน่ใจว่าโดนรายการแกงตัดแต่ซีนแย่ๆ มาหรือเปล่า

ด้านโปรดักชันการถ่ายทำของซีซันสองถือว่าพัฒนาขึ้นมาก ไม่ว่าจะไลท์ติ้งและการใช้จอกราฟิกที่ล้วนส่งเสริมโชว์ได้ดี (แต่แน่นอนว่ายังห่างไกลจากฝั่งเกาหลีหลายขุม) แต่ที่ต้องปรับปรุงคงเป็นเรื่องแฟนแคมเดี่ยวของเด็กฝึกที่ถ่ายออกมาไม่ใกล้ชิดและคมชัดเท่าที่ควร แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่สุดของ Produce 101 Japan Season 2 เป็นการออนแอร์ทางยูทูบพร้อมซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ ไม่ต้องลำบากรอแฟนซับแบบซีซันแรก

ทีนี้ลองมาพูดถึง INI (อ่านว่า ไอ-เอ็น-ไอ) วงที่เดบิวต์จากซีซันนี้ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 11 คน แม้ซีซันสองจะมีเด็กฝึกหลากหลายสัญชาติทั้งอินโดเนเซีย ฟิลิปปินส์ หรือลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไนจีเรีย แต่สุดท้ายก็มีเพียง สวี่เฟิงฝาน จากประเทศจีนที่เข้าไปถึงรอบสิบเอ็ดคนสุดท้ายได้ ส่วนสมาชิก 10 ที่เหลือก็เป็นคนญี่ปุ่นจากหลากหลายเมือง ทั้งโตเกียว, โอซากะ, ฟุกุโอกะ, คาโกชิมะ ไปจนถึงโอกินาวะ

สมาชิกที่โดดเด่นที่สุดของ INI หนีไม่พ้น มาซายะ คิมูระ ผู้เป็นเซนเตอร์เพลงธีมรายการ มีผลคะแนนอยู่ในอันดับ 1 หรือ 2 มาตลอด และสุดท้ายเขาก็คว้าอันดับหนึ่งและตำแหน่งเซนเซอร์วงไป คิมูระได้รับความนิยมเพราะเป็นคนเก่งรอบด้านและมีความเป็นผู้นำสูง ส่วนอีกคนที่เป็นสายครบเครื่องเหมือนกันก็คือ โชโกะ ทาจิมะ ที่ได้คะแนนอันดับสาม

ถ้ามองในแง่ตำแหน่ง INI ถือเป็นวงที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว มีเมนโวคอลแล้วอย่างน้อย 2 คน คือ ฮิโรมุ ทาคาสึกะ ที่เด่นด้านเสียงแหลมสูง และ เคียวสุเกะ ฟูจิมากิ ที่เสียงหวานน่าฟัง ตำแหน่งแร็ปน่าจะเป็น ริฮิโตะ อิเคซากิ ผู้มากับเสียงทุ้มต่ำไม่เหมือนใคร และยังมี ฮิโรโตะ นิชิ ที่ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นคนเต้นเก่งที่สุดในรายการ ส่วนด้านวิชวลก็หลากหลาย ทั้งสายหวาน (ทาคุมิ โอซากิ) สายเจ้าชาย (ทาเครุ โกโตะ) และสายเท่ (จิน มัตสึดะ)

ผู้เขียนเชื่อว่าไม่ว่าจะทั้งวง INI หรือเหล่าเด็กฝึกที่ตกรอบก็ล้วนมีศักยภาพที่จะก้าวเดินต่อไปได้ แต่การเป็นไอดอลในยุคโควิดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย INI น่าจะเสียโอกาสการโปรโมตในต่างประเทศหรือกระทั่งทัวร์ในประเทศตัวเอง (ในยุคก่อนโควิด คอนเสิร์ตญี่ปุ่นสามารถจัดได้ในหลายเมืองใหญ่และสร้างรายได้มหาศาล) อีกทั้งสถานการณ์โรคระบาดในญี่ปุ่นไม่น่าจะคลี่คลายแบบหมดจดภายในปี 2021 เราเพียงได้แต่เป็นกำลังใจให้พวกเขาได้ออกโบยบินเหมือน "Let Me Fly" ชื่อเพลงธีมของรายการ