หลายคนอาจจะภาคภูมิใจใน “จุดเด่น”ของคนไทยเราที่ชาวต่างชาติมาเยือนต่างชื่นชมกันหลายประการ แต่เราลองหันมามองอีกแง่มุมหนึ่งบ้าง กล่าวคือ เมื่อไม่นานมานี้ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ได้กล่าวถึง“จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อ ว่าไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเหมือนที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น คือ Show 1 . คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม คือ เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็น ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ
ผมเคยเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องคุณธรรมนำความรู้ให้แก่ครู ก็ได้นำเสนอกระบวนการและเทคนิคการสร้างเสริม รวมทั้งแนวทางการจัดการเรียนรู้เรื่องนี้แก่ครู จึงขอนำสาระโดยย่อมาเล่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อ กล่าวคือ 1.กระบวนการสร้างเสริมค่านิยม ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นคุณลักษณะภายใน การจะสอนโดยบอก สั่ง บังคับ คงไม่สำเร็จ ถ้าทำเช่นนั้นเราก็จะได้เห็นพฤติกรรมที่ไม่คงทน สิ่งที่เราต้องการให้เกิดคือพฤติกรรมที่แสดงออกจนเป็นนิสัยที่ถาวร เกิดเป็นค่านิยมของเขาตลอดไป ดังนั้นจึงควรมีกระบวนการที่แยบยลดังที่ หลุยส์ แรธส์ ได้นำเสนอคือ 1.1 ให้โอกาสเลือกอย่างเสรี 1.2 มีทางเลือกหลายๆทาง 1.3 ให้คิดพิจารณาอย่างรอบคอบ 1.4 ยอมรับ มีความพอใจหลังการเลือก 1.5 เต็มใจที่จะยืนยันความคิดตามที่ตน ตัดสินใจ 1.6 ได้แสดงพฤติกรรมต่อทางเลือกที่ตน ตัดสินใจ 1.7 ปฏิบัติซ้ำจนเป็นนิสัย 2.เทคนิคการสร้างเสริมคุณธรรมนำความรู้ เพื่อให้กระบวนการทั้ง 7 ขั้นตอน เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เราคงต้องหาเทคนิควิธีการที่เหมาะสมมาใช้ เช่น 2.1 การกล่อมเกลาทางสังคม(Social Learning :SL) โดยใช้การซึมซับ ตัวแบบ และกระบวนการกลุ่ม 2.2 การกระจ่างในค่านิยม( Value Clarification : VC ) โดยใช้เทคนิคการตั้งคำถามให้เขาเกิดความกระจ่างในค่านิยมของตนเอง 2.3 การให้เหตุผลเชิงจริยธรรม(Moral Reasoning :MR) โดยใช้สถานการณ์ให้เขาเลือกตัดสินใจ แล้วดูระดับจริยธรรมของเขาเพื่อหาทางสร้างเสริม 2.4 การปรับพฤติกรรม ( Behavior Modification : BM )โดยเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม เช่น การแต่งพฤติกรรม การใช้ตัวแบบ การวางเงื่อนไข การควบคุมตนเอง การเสริมแรง ฯลฯ 2.5 การเชื่อมโยงหลักธรรม/ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการวิเคราะห์สาระ แก่นแท้ของหลักธรรมที่สำคัญและ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง(3ห่วง2 เงื่อนไข)เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงาน/โครงการแต่ละเรื่อง ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นต้น 3. แนวทางการจัดการเรียนรู้ อาจดำเนินการได้หลายวิธี ที่เน้นการซึมซับในวิถีชีวิตมากกว่าการโปรยหว่านหรือเพื่อสร้างภาพ อาจดำเนินการผ่านกิจกรรมปกติในโรงเรียน เช่น -สอดแทรกการสอนในรายวิชาต่างๆ -ประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน -โครงการ/โครงงาน -กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน -ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน -จัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเพื่อกล่อมเกลา(ครูที่พูดไม่ได้) -ใช้ดนตรี กีฬา ศิลปะ -เล่านิทาน /ใช้สื่อคอมพิวเตอร์/เข้าค่าย -จัดกิจกรรมซึมซับที่ทำอย่างต่อเนื่อง เช่น ใส่บาตร สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฯลฯ
หากจะถามว่า ทำไมเราจึงต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของผู้เรียนอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วย ก็อยากจะบอกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของคน เราไม่สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ดุจดังภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมีปริมาณน้ำแข็งมากกว่าส่วนที่โผล่พ้นน้ำออกมาให้เราได้เห็น ขอเล่านิทานสักเรื่องหนึ่ง กล่าวคือ กาลครั้งหนึ่ง มีสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของสำนักที่สำคัญ 2 สำนัก คือ สำนักฤษีผู้ปฏิบัติธรรม และสำนักนางโลม สำนักทั้งสองตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกัน หัวหน้าสำนักทั้งสองต่างปฏิบัติหน้าที่ตามอุดมการณ์ที่ตนมุ่งหวัง โดยฤษีก็มุ่งปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรภาวนา มีผู้มากราบไหว้ฟังธรรมไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนสำนักนางโลมก็เปิดกิจการให้บริการลูกค้าชายที่มาเที่ยวเกิดความประทับใจและมาใช้บริการอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง วันเวลาผ่านไป ทั้งฤษีและหัวหน้าสำนักนางโลมปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความราบรื่น ไม่เกิดความขัดแย้งหรือบาดหมางกันแต่ประการใด จนทั้งสองแก่เฒ่าและสิ้นอายุขัยในเวลาไล่เลี่ยกัน บุคคลทั้งสองหนีไม่พ้นต้องถูกยมทูตพาดวงวิญญาณมาที่ยมโลกเพื่อให้พญายมพิพากษาตามผลกรรมที่แต่ละคนได้กระทำไว้ ซึ่งมีผู้บันทึกข้อมูลแยกประเภทไว้อย่างละเอียดลออ 2 คน คือ สุวรรณ และ สุวาน ถ้าใครทำความดี สุวรรณก็จะบันทึกไว้ในแผ่นทอง ถ้าใครทำความชั่ว สุวานก็จะบันทึกไว้ในหนังสุนัข เมื่อฤษีและหัวหน้าสำนักนางโลมมาอยู่ต่อหน้าพญายมเพื่อรอรับบัญชาจากท่านด้วยหัวใจที่ระทึก พญายมจึงขอบัญชีจากทั้งสุวรรณและสุวานมาตรวจดูข้อมูลผลกรรมของบุคคลทั้งสอง พลิกไปพลิกมาอย่างถี่ถ้วนแล้วมีบัญชาด้วยเสียงอันดังว่า “ฤษี ไปลงนรก หัวหน้าสำนักนางโลมขึ้นสวรรค์” ฤษีตกตะลึงในคำบัญชาของพญายม พอได้สติฤษีจึงยกมือขึ้นประท้วงทันที “ท่านดูข้อมูลถี่ถ้วนแล้วหรือยัง เพราะตลอดอายุของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญศีล ภาวนาอย่างเคร่งครัด” พญายมจึงขอบัญชีจากสุวรรณและสุวานมาตรวจดูอีกครั้ง และยืนยันหนักแน่น “ฤษีไปลงนรก หัวหน้าสำนักนางโลมขึ้นสวรรค์” พร้อมทั้งกล่าวต่อ “ข้อมูล ปรากฏชัดเจนว่าระหว่างที่ฤษีปฏิบัติธรรมอยู่นั้น จิตใจของท่านไม่ได้จดจ่ออยู่ที่หลักธรรม แต่กลับวอกแวกมุ่งสนใจแต่สำนักนางโลมที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ส่วนหัวหน้าสำนักนางโลมนั้น ระหว่างปฏิบัติงานอยู่นั้น เกิดความตระหนักอยู่เสมอว่า งานในหน้าที่ของตนเป็นงานที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากสังคม จึงเกิดความทุกข์ใจและมีจิตที่แนวแน่มุ่งไปที่สำนักฤษีฝั่งตรงข้าม หวังอาศัยธรรมะเป็นที่พึ่ง เป็นที่หล่อเลี้ยงจิตใจมาโดยตลอด ดังนั้น จึงขอยืนยันคำตัดสินเดิม” เห็นหรือยังว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง” ... จึงอยากเชิญชวนให้มาช่วยกันปลูกฝังเยาวชนด้วยวิธีซึมซับมากกว่าการใช้วิธีโปรยหว่านกันดีกว่า ******************************************************** การปลูกฝั่งคุณธรรมควรทําอย่างไรปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้เด็กไทย. การสั่งสอนอบรมโดยสามารถอ้างอิงจากหลักคำสอนทางศาสนามาอธิบายให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม หรือการสอนอย่างเป็นธรรมชาติผ่านข่าวสารที่เกิดขึ้นรอบตัว. การเห็นแบบอย่าง โดยคนในครอบครัวต้องเป็นแบบอย่างชีวิตในการทำดีและยืนหยัดในคุณธรรมหรือชี้นำให้เรียนแบบอย่างบุคคลสำคัญที่กระทำความดีงามใน. คุณธรรมจริยธรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ เพราะอะไรคุณธรรมจริยธรรมนับว่าเป็นพื้นฐานที่สาคัญของคนทุกคนและทุกวิชาชีพ หากบุคคลใดหรือวิชาชีพ ใดไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเป็นหลักยึดเบื้องต้นแล้วก็ยากที่จะก้าวไปสู่ความสาเร็จแห่งตนและแห่งวิชาชีพนั้นๆ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือการขาดคุณธรรมจริยธรรมทั้งในส่วนบุคคลและในวิชาชีพ อาจมีผลร้ายต่อตนเอง สังคมและ วงการวิชาชีพในอนาคตได้อีกด้วย
ทำไมต้องเรียนจริยธรรมนอกจากจะเรียนรู้ถึงคุณธรรมสำคัญแล้ว วิชาจริยธรรมยังสอนให้เด็กได้เห็นคุณค่าของตนเอง รู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองมีคุณค่าและได้พยายามเพื่อทำฝันให้สำเร็จ อีกทั้งยังสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าของคนอื่น ในเด็กที่เรียนชั้นสูงขึ้นก็จะมีเรื่องราวที่สอนให้เด็กได้คิดเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น เรียนรู้หลักคิดเพื่อเลือกทางที่ดีที่สุดแก่ ...
ทำไมต้องมีคุณธรรมคุณธรรม เป็นการสร้างความสบายใจ ซึ่งนอกจากจะสบายใจเพราะการกระทำแต่สิ่งที่เหมาะที่ควรแล้ว ยังสบายใจที่ไม่ต้องระมัดระวังภัยอันตรายที่จะมีมาอีกด้วย เพราะผู้ที่มีคุณธรรมจะเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแต่ในทางที่ถูกต้องและไม่ทำผิดใดๆ ทั้งจะเป็นผู้ที่น่ารักน่าคบค้าสมาคมอีกด้วย
|