ในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2309 พระยาตากเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียให้แก่พม่า จึงตัดสินใจกับพระยาพิชัย พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี พร้อมด้วยทหารกล้าราว 500 คน โดยมีปืนเพียงกระบอกเดียว Show รุ่งเช้า ได้ต่อสู้กับกองทหารพม่าจนล้มตายและบางส่วนแตกหนีไป ก่อนเดินทางไปตั้งค่ายพักอยู่บ้านพรานนก ชาวบ้านที่หลบซ่อนพม่าอยู่ พอรู้ข่าวว่าพระยาตากรบชนะพม่าก็พากันเข้ามาสมัครเป็นพรรคพวก พระยาตากได้ยกกองทัพผ่านเมืองฉะเชิงเทรา ชลบุรี แล้วจึงเดินทางต่อไปยังบ้านนาเกลือ แขวงเมืองบางละมุง เมื่อถึงเมืองระยอง เจ้าเมืองระยองซึ่งได้ยินกิติศัพท์ของพระยาตากก็ยอมอ่อนน้อมเชิญให้เข้าเมือง นับตั้งแต่ได้ถอนตัวออกจากการป้องกันพระนครนั้น ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ก็สามารถยึดเมืองระยองเป็นที่มั่นได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่เหนือกว่าชุมนุมอื่น ๆ ในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา การประกาศยึดเมืองระยองได้กระทำกลางทุ่งนาและคนทั่วไปพลจำนวนมาก พระยาตากได้ประทับ ณ บริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล และได้ประกาศแสดงแสนยานุภาพ แล้วเกิดพายุหมุนจนทำให้ต้นตาลต้นหนึ่งหมุนเป็นเกลียว เมื่อพายุหมุนหยุดแล้ว ต้นตาลที่หมุนจึงขดเป็นวงไม่คลายตัว ปัจจุบันต้นตาลต้นนั้นยังอยู่หน้าวัดประดู่ ชาวบ้านเรียกกันว่า ตาลขด หลังจากนั้น บรรดาแม่ทัพนายกองที่สวามิภักดิ์ ต่างพร้อมใจกันยกพระยาตากขึ้นเป็นผู้นำขบวนการกอบกู้แผ่นดิน และเรียกพระยาตากว่า เจ้าตาก นับตั้งแต่นั้นมา ถึงแม้จะเป็นเสมือนผู้ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เจ้าตากก็ระวังตนมิได้คิดตั้งตัวเป็นกบฏ ให้เรียกคำสั่งว่าพระประศาสน์อย่างเจ้าเมืองเอกเท่านั้น อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 พม่าจุดไฟเผาเมืองจนวอดวาย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า มีพระบรมราชโองการให้จับพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ และรวบรวมสมบัติทั้งหมดของอยุธยาส่งกลับไปพม่า ข่าวกรุงแตกได้แพร่กระจาย ขณะที่พระยาตากอยู่ที่เมืองระยอง พระยาตากจึงได้ประกาศตนเป็นผู้นำในการที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และกอบกู้กรุงศรีอยุธยาให้กลับรุ่งเรืองดังเดิม
เจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้าบางกระจะ มุ่งยึดจันทบุรี เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ เจ้าตากต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่นเพื่อรวบรวมกำลังมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า
ในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2310 ครั้นถึงเวลา 19.00 น. 6.6 �������稾����ҵҡ�Թ����Ҫ�֧���͡�ѹ����������ͧ�����ͧ���������觾ѡ��� �ͧ�Ѿ ��ѧ�ҡ�ս�Ҿ����͡�������ا�����ظ����������� ? �������ç���͡�ʴ�����ͧ����1. ������价ҧ���ѹ�͡������˵ؼ��������»�С�ùѺ������õս�Ҿ��� ���͡�Ѻ���ͧ�ҡ������觷���������� �е�ͧ��ҹ�Թᴹ��ǹ���١�����ִ���������� ����ͧ�ҡ�ͧ������㹤�����ͺ��ͧ�ͧ���� ��С���Ӥѭ����ѡ���������չѡ����ѵ���ʵ��Ԩ�óҡѹ�ѡ��� ���ͧ�ѹ����������ͧ������稾����ҡ�ا������ ���ʴ��Ҥ�Ң�� ��з����ͧ���繹�¡ͧ���¹���������ͧ�ҡ ��鹷ҧ�ҡ-��ظ�� �ź��� ���ͧ �ѹ����� ��� ��鹷ҧ�����ͧ����������դ����ӹҭ ��觷���Ӥѭ����ش��� �ѹ����� �����ͧ����ժ����������������ҵ��á�ҡ����˹��� �����դ�������¡Ѻ����ҵҡ 㹰ҹз���繨չ����������ǡѹ ����Թ�ҧ����ͧ�ѹ����ա��� ����Թ�ҧ��Ѻ����Թᴹ��赹���ѡ �������֡��ʹ�������褹������ѡ�ѡ���������� ����������� �˵ؼ�����Ѻ���ͧ����ç���͡�ѹ����������ͧ�ѡ��� ��Ы�ͧ����ͧ�Ѿ (�Ը� ��������ǧ��, 2529 : 69 ; ��ѡ���ͧ�ѹ�������л���ѵ���ʵ�����ͧ�ѹ�����, 2536 : 61 ) เพราะเหตุใดพระยาตากพร้อมพรรคพวกจึงตัดสินใจตีฝ่าวงล้อมพม่าไปทางทิศตะวันออกในสงครามเสียกรุงศรีมีคำถามเสมอว่า เหตุใดพระเจ้าตากจึงตัดสินใจมุ่งหน้า “หนี” มาทางตะวันออก เหตุผลตรงไปตรงมาที่สุดคือฝากตะวันออกของกรุงศรีอยุธยามีกองกำลังของพม่าน้อยที่สุด ส่วนทางเหนือ ใต้ และตะวันตก เต็มไปด้วยกองทัพขนาดใหญ่ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทั้งสิ้น
เหตุผลสำคัญที่พระเจ้าตากตีฝ่าวงล้อมของพม่าไปทางหัวเมืองชายทะเลคืออะไรจากการศึกษาวิเคราะห์ ว่าทำไมพระเจ้าตากจึงเลือกที่จะตีฝ่าวงล้อมออกจากกรุงศรีอยุธยาไปในวันนั้น สรุปได้ว่า เพราะพระเจ้าตากทรงวิเคราะห์อนาคตของกรุงศรีอยุธยาแล้วว่า กรุงศรีอยุธยาจะต้องเสียเมืองแก่กองทัพฝ่ายพม่าอังวะอย่างแน่นอน
เพราะเหตุใดพระยาตาก(สิน)จึงตัดสินใจฝ่าวงล้อมพม่าหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาสาเหตุของการหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา ในขณะที่ไทยกับพม่ากำลังทำสงครามกันอยู่นั้น พระยาตาก (สิน) เกิดความท้อใจ และมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะข้าศึกได้เลย ทั้งนี้ เพราะพระยาตาก (สิน) ขาดความคล่องตัวในการตัดสินใจ ดังเช่นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันจำเป็นต้องยิงปืนใหญ่ทำลายข้าศึกก็ต้องขออนุญาตเสียก่อน เพราะนโยบายประหยัด ...
เพราะเหตุใดพระยาตากจึงไปตั้งทัพที่เมืองจันทบุรีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จันทบุรี เป็นเมืองที่มีชุมชนชาวแต้จิ๋วเข้ามาตั้งรกรากอยู่หนาแน่น ย่อมมีความคุ้นเคยกับพระยาตาก ในฐานะที่เป็นจีนเชื้อสายเดียวกัน การเดินทางไปเมืองจันทบุรีก็คือ การเดินทางกลับไปสู่ดินแดนที่ตนรู้จัก และรู้สึกปลอดภัยในหมู่คนที่รู้จักมักคุ้นและไว้ใจ
|