-��֡�ҡ����� ���¤����չ��� ������������ó ��.085-9604258 -�Դ��ͷҧ����� : -��֡�ҡ����¼�ҹ�ҧ�Ź� �ʹ��Ź� (5) ID line : (1) @leenont ���� (2) @leenont1 ���� (3) @peesirilaw ���� (4) peesirilaw (5) leenont -Line Official Account : ����������� QR CODE
�������ʡ����ٵԺѵ��ѧ����繺صêͺ���¡����� ��÷��Դ���駡���Դ����Թ������ص������ʡ�� (���ʡ��) �ͧ�� �ժ����繺Դ���ٵԺѵ� �ػ��������§�ٵ�����Դ���ҧ�蹺ԴҡѺ�ص÷��� � � ���ѧ���������繺صêͺ���¡����� ���С����¡�˹����ص÷���Դ�ҡ�Դ� ��ôҷ������騴����¹���ʡѹ��� ���繺صêͺ���¡������� 3 �óդ�� 1. �Դ���ô����ʡѹ������ѧ 2. �Դ��騴����¹����繺ص� 3. ��žԾҡ������繺ص� �ҵ�� 1547 ���Դ�ҡ�Դ���ôҷ���������ʡѹ ���繺صêͺ���¡����µ������ͺԴ���ô������ʡѹ������ѧ���ͺԴ��騴����¹����繺ص�������žԾҡ������繺ص�
15 Nov เมื่อลูกต้องไปเป็นบุตรบุญธรรมคนอื่นPosted at 06:51h in ครอบครัว / มรดก การยกลูกของตนเองให้เป็นลูกบุญธรรมคนอื่นหรือตามกฎหมายเรียกว่า “บุตรบุญธรรม” คงได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่มีทั้ง ทำตามธรรมเนียม และตามกฎหมาย ที่ได้รับความคุ้มครอง อาจเนื่องมาจากสาเหตุแตกต่างกันไป บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะมีความขัดสนด้านเงินทอง การยกบุตรให้เป็นบุตรคนอื่นอาจจะทำให้ลูกตนเองได้อยู่สุขสบาย และไม่เป็นภาระของพ่อแม่ หรือการที่ญาติพี่น้องไม่มีลูก อยากได้บุตรคนอื่นมาเป็นลูกแค่ในนาม หรือจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งพ่อแม่หลายท่านคงยังไม่ทราบว่าการดำเนินการตามกฎหมายนั้นมีผลผูกพันพ่อแม่ และผู้รับบุตรบุญธรรมอย่างไร มีผลกระทบและผลได้ผลเสียในเรื่องใดบ้าง การพิจารณาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แล้ว ตกลงว่าจะยกลูกตนเองให้เป็นบุตรบุญธรรมคนอื่น มิใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกคน กฎหมายมีการกำหนดกฎเกณฑ์ไว้เพื่อคุ้มครองป้องกันตัวเด็กให้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนด ต้องมีความเหมาะสมในส่วนของผู้รับบุตรบุญธรรม โดยภาพรวมแล้ว การยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมนั้น เด็กต้องไม่มีชีวิตที่แย่ลง และมีความเหมาะสมในทุก ๆ ด้าน จึงจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งรัฐเองได้กำหนดกฎเกณฑ์ไว้หลายประการ เช่น
เมื่อมีการรับบุตรบุญธรรมโดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ย่อมมีผลทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องตามมา โดยให้บุตรบุญธรรมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรม หมายถึงเปรียบเสมือนลูกที่คลอดออกมา แต่บุตรก็ไม่เสียสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวที่เกิดมา คือบุตรนั้นยังคงมีสิทธิและหน้าที่ต่อพ่อแม่ที่แท้จริงอยู่เช่นเดิม เช่น มีสิทธิได้รับมรดก หรือมีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูบุพการีผู้ให้กำเนิด เป็นต้น ส่วนพ่อแม่โดยกำเนิดจะหมดอำนาจปกครองนับแต่เวลาที่เด็กได้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้รับบุตรบุญธรรมไปแล้ว กล่าวคือ อำนาจปกครองบุตรจะไปอยู่ที่ผู้รับบุตรบุญธรรมจนกว่าจะปรรลุนิติภาวะ ผู้รับบุตรบุญธรรมมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษากับบุตรบุญธรรม กรณีเด็กทำผิดแล้วผู้ปกครองต้องรับผิดเช่น เด็กไปแข่งรถบนถนนถูกตำรวจจับ ผู้ที่ต้องรับโทษแทนจะเป็นผู้รับบุตรบุญธรรม ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว รวมทั้งเด็กจะมีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมเมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมถึงแก่ความตายด้วย ในทางกลับกันเมื่อเด็กที่ไปเป็นบุตรบุญธรรมต่อมาได้เติบโตและสามารถประกอบสัมมาอาชีพได้แล้วก็ต้องมีหน้าที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูทั้งพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและผู้รับบุตรบุญธรรมเช่นกัน อำนาจปกครองบุตรจากเดิมเป็นของพ่อแม่ที่แท้จริง เมื่อยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นแล้ว อำนาจปกครองบุตรต่างๆ ดังต่อไปนี้ จะเป็นของผู้รับบุตรบุญธรรมทันที
ทั้งนี้อำนาจปกครองบุตรบุญธรรมจะสิ้นสุดลงไปด้วยเหตุ 3 ประการนี้
ดังนั้นการรับบุตรบุญธรรมมีผลทางกฎหมายในหลายกรณี หากประสงค์ที่จะได้รับความคุ้มครองตามสิทธิต่างๆ แล้วควรที่จะไปดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ที่มา: บทความในนิตยสาร “บันทึกคุณแม่” คอลัมส์ “กฎหมายน่ารู้” โดย ชัชวัสส์ เศรษฐลักษณ์ ที่ปรึกษากฎหมาย-ธุรกิจ/ ทนายความ อดีตพิธีกรรายการ “คุยกฎหมายกับทนายมวลชน” ฉบับเดือน สิงหาคม 2558 (Vol.23 Issue 265 August 2015/ Page 104-106) |