ภาพจากซ้ายไปขวา: , พระเจ้าลิ้นดำตะเบ็งชะเวตี้ (Tabinshwehti- แปลว่า สุวรรณเอกฉัตร), ที่มา: madmonarchist.blogspot.com, วันที่เข้าถึง 3 กรกฎาคม 2562, และ พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา (Bayinnaung Kyawhtin Nawratha), ถ่ายจากหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมียนมาร์, ที่มา: th.wikipedig.org, วันที่เข้าถึง 3 กรกฎาคม 2562. หลังจากนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถูกลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าบุเรงนองก็ได้ครองกรุงหงสาวดี และได้นำกองทัพเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยาหมายจะตีกรุงศรีฯ ให้แตก (โดยทัพหลวงของพระเจ้าบุเรงนองตั้งกำลังไว้แถบบริเวณวัดมเหยงคณ์03 ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง) ซึ่งเรียกว่า สงครามช้างเผือก โดยในช่วงแรกพระเจ้าบุเรงนองได้ส่งสาส์นมาขอช้างเผือก (จำนวน 2 ช้าง เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้นมีช้างเผือกอยู่ทั้งหมด 7 ช้าง)07,08 ฝ่ายขุนนางได้มีความเห็นเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ส่งช้างเผือกไปถวายแก่พระเจ้าบุเรงนอง เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ส่วนอีกฝ่าย อันได้แก่พระราเมศวร พระยาจักรี พระสุนทรสงคราม ไม่เห็นด้วยกับการส่งช้างเผือกไป เนื่องจากจะเป็นการอ่อนข้อให้หงสาวดี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ส่งพระราชสาส์นตอบกล่าวไปว่า "ถ้าประสงค์จะได้ช้างเผือก ก็ให้เสด็จมาเอาโดยพระองค์เองเถิด" ในบางหลักฐานเนื้อหาในสาส์นจะเป็นว่า "ช้างเผือกย่อมเกิดสำหรับบุญบารมีของพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นเจ้าของ เมื่อพระเจ้าหงสาวดีได้บำเพ็ญธรรมให้ไพบูรณ์คงจะได้ช้างเผือกมาสู่บารมีเป็นมั่นคงอย่าได้ทรงวิตกเลย" ทำให้พระเจ้าบุเรงนองถือเอาสาส์นนี้เป็นเหตุยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา. แต่อีกหลักฐานหนึ่ง (ที่มา: www.thairath.co.th/content/332077, วันที่เข้าถึง 27 กรกฎาคม 2562.) กล่าวว่า "พระเจ้าบุเรงนองส่งพระราชสาส์น ไปถึงพระเจ้าช้างเผือก (พระมหาจักรพรรดิ) ว่า .....บัดนี้เราทราบว่าพระมหาจักรพรรดิ มีเศวตกุญชรชาติพลายพังถึงสี่ช้าง เราขอสักช้างหนึ่ง มิให้พลทหารของเราได้รับความลำบาก แม้พระมหาจักรพรรดิจะถวายแก่เรา ในระหว่างไปขอนี้ สักช้างหนึ่ง บัวก็ไม่ช้ำ น้ำก็จะไม่ขุ่นเป็นแน่ พงศาวฉบับหอแก้วของพม่า ฉบับแปลโดยนายต่อ เขียนว่า ...พระมหาจักรพรรดิ...ทรงดำริว่า พระมหากษัตริย์โบราณ ผู้ให้กับผู้ขอเขามีบุญญาธิการมาก เขาให้กันและกันง่าย เราไม่แจ้งว่าพระเจ้าบุเรงนองจะอยู่ในทศพิธราชธรรมหรือไม่ ถ้าอยู่ เราจะให้ช้างเชือกหนึ่ง พระราชสาส์นจากอยุธยา ไปถึงพระเจ้าหงสาวดี ท้ายพระราชสาส์นนั้น มีเลขหนึ่งอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า เอก พระเจ้าบุเรงนอง ทอดพระเนตรเลขหนึ่งแล้ว ก็ทรงปรึกษากับพระยาทะละ ได้ความว่าเลขหนึ่ง นี้ บาลีว่าเอกา โหราศาสตร์ว่าเอก ภาษาพม่าว่าติด ภาษารามัญว่า ไอ้ (อ้าย) การที่พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา ทำเลขไอ้มาเช่นนี้ พวกข้าพุทธเจ้ารามัญหมายความว่า "กูไม่กลัว" พระยาทะละกราบทูลให้พระเจ้าบุเรงนอง มีพระราชสาส์นตอบ เขียนท้ายพระราชสาส์นเป็นเลขสอง เลขสองนี้บาลีว่า ทวา โหราศาสตร์ว่า จันทร์ ภาษาพม่าว่า ติด ภาษารามัญว่า ทวี ซึ่งมีความหมายเป็นภาษารามัญว่า ทวิตะแล้ดทวีตะเลข ซึ่งหมายถึงว่า ถ้าไม่กลัวจะเอาเชือกผูก พงศาวดารหอแก้วของพม่า เขียนว่า เมื่อพระราชสาส์น มีเลขสองกำกับท้ายจากพม่าไปถึงกรุงศรีอยุธยา พระมหาจักรพรรดิ ทรงเห็นว่า พระเจ้าหงสาวดีรู้เท่าทัน ก็ตกพระทัย ตรัสตอบด้วยถ้อยคำอันไม่ไพเราะ เมื่อทูตกลับไปรายงาน พระเจ้าหงสาวดี ก็ถือเป็นเหตุผล ที่จะทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยา... ช้างเผือก, ที่มา: www.himmapan.com, วันที่เข้าถืง 27 กรกฎาคม 2562. สงครามช้างเผือก ภาพจากซ้ายไปขวา: พระประธานวัดพระเมรุสาธิการราม หรือ วัดหน้าพระเมรุ (ถ่ายเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2560) และวัดหัสดาวาส (ถ่ายเมื่อ 30 มิถุนายน 2561) ถึงแม้ว่าพม่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงดังนี้ แต่พระเจ้าบุเรงนองยังไม่ทรงประสบความสำเร็จในการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองประเทศราช ดังนั้นพระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพยายามดำริหาวิธีในการเอาชนะกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะมารบอีกครั้งหนึ่ง. พระมหาธรรมราชาเอาพระทัยออกห่าง แผนที่อาณาจักรล้านช้าง, ที่มา: www.aseanthau.net, วันที่เข้าถึง 19 กรกฎาคม 2562 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบก็ทรงเสียพระทัย จึงเสด็จไปประทับที่วังหลัง ให้พระมหินทร์พระโอรสว่าราชการแทน เมื่อพระชนมายุประมาณ 59 พรรษา ต่อมาได้เสด็จออกผนวชใน ปี พ.ศ.2109 โดยมีข้าราชการออกบวชด้วยจำนวนมาก ซึ่งพระมหินทร์ พระราชโอรสทรงได้ว่าราชการแทน ต่อมาทรงมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกับพระมหาธรรมราชาจนเกิดความร้าวฉานระหว่างพิษณุโลกกับกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากพระองค์สมคบกับพระไชยเชษฐา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างยกทัพไปตีเมืองพิษณุโลก เพื่อกำจัดพระมหาธรรมราชา จนพระองค์มิอาจรั้งราชการแผ่นดิน จึงทูลเชิญให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาผนวช หลังจากที่ผนวชได้ไม่นาน แล้วกลับมาว่าราชการดังเดิม. ก่อนเสียกรุง การเตรียมการของฝ่ายอยุธยา ลำดับเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา06 ตัวอย่างปืนใหญ่กรุงศรีฯ กระบอกหนึ่ง (พม่าขนไปจากอยุธยา และอังกฤษก็ขนจากพม่าไปไว้ที่อินเดียอีกทอดหนึ่ง) ลวดลายสวยงามมาก, ที่มา: https://pantip.com, ซึ่งได้อ้างต่อไปยัง https://www.facebook.com/thailandcoup/photos/a.300125233487991.1073741875.298177807016067/326814554152392/?type=1&theater, ค้นหาไม่พบแล้ว, วันที่สืบค้น 22 กรกฎาคม 2562. |