เนื่องในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้จะเป็นวันรณรงค์ป้องกันกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (non-communicable diseases; NCDs) มาทำความรู้จักกันว่ากลุ่มโรคนี้คืออะไรและสามารถป้องกันได้หรือไม่ อย่างไร Show โรค NCDs คืออะไรโรค NCDs หรือ non-communicable diseases เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งจะมีการดำเนินโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีอาการของโรคแล้วมักจะเกิดการเรื้อรังของโรคด้วย จึงอาจจัดว่าโรค NCDs เป็นกลุ่มโรคเรื้อรังได้ ตัวอย่างของโรค NCDsพฤติกรรมเสี่ยง...ตัวการก่อโรค NCDsสาเหตุหลักสำคัญของกลุ่มโรค NCDs คือพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย การนอนดึก การมีความเครียดสูง การรับประทานยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เป็นต้น ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมการดำเนินชีวิตเช่นนี้จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค NCDs ได้มากกว่าคนอื่นๆ ความรุนแรงของโรค NCDsแม้โรค NCDs จะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมากลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยมีคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 300,000 คนต่อปี และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี ความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในทุกความสัมพันธ์แบบครอบครัว ทั้งระหว่างสามีภรรยา บุตรหลานกับพ่อแม่ หรือญาติมิตร ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นความรุนแรงในครอบครัวขึ้น ทุกคนในครอบครัวมักได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น การเรียนรู้วิธีรับมือและป้องกันตนเอง รวมถึงหมั่นสังเกตและช่วยเหลือคนรอบข้างจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอาจช่วยให้ตนเองหรือผู้ที่กำลังเผชิญความรุนแรงผ่านพ้นปัญหานี้ไปด้วยดี และปรับความเข้าใจใช้ชีวิตร่วมกับสมาชิกในครอบครัวได้อย่างปกติสุข ประเภทของความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัวนั้นเกิดขึ้นได้ทั้งกับเพศหญิงและเพศชาย แต่ผู้หญิงมักตกเป็นเหยื่อมากกว่าผู้ชาย และอาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ในหลายรูปแบบแตกต่างกัน ดังนี้
ผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว เหยื่อที่เผชิญความรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อมอาจเกิดความเครียดอย่างต่อเนื่องจนส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ โดยเฉพาะเด็กที่บางครั้งก็เป็นเหยื่อเอง หรือบางครั้งก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการเห็นพ่อแม่ทะเลาะหรือใช้กำลังทำร้ายกัน ซึ่งมักเป็นผลกระทบในระยะยาวและอาจกินเวลานานจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ การถูกใช้ความรุนแรงหรือเห็นผู้อื่นในครอบครัวเผชิญความรุนแรงอาจทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัว เศร้า สับสน และไม่มีความสุข เพราะไม่รู้ว่าจะป้องกันตัวเองและหาทางแก้ไขอย่างไร รวมทั้งอาจรู้สึกกังวลถึงความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่อาจได้รับผลกระทบจากความรุนแรงนั้น และยังมีเด็กอีกหลายคนที่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้ ความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เด็กรู้สึกหดหู่จนมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัว ปวดท้อง หรือร้องไห้อย่างหนัก ไม่รับประทานอาหารหรือไม่รู้สึกอยากอาหาร นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ฝันร้ายจนปัสสาวะรดที่นอน มีปัญหาในการพูดและการจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ไม่อยากไปโรงเรียน รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องยาก ไม่อยากทำการบ้านและหมดความสนใจในการเล่นหรือพูดคุยกับเพื่อน บางรายอาจรู้สึกโกรธจนทำร้ายผู้อื่น ทำลายข้าวของ ตลอดจนอาจหันไปพึ่งยาเสพติดหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบรรเทาความทุกข์ สัญญาณของความรุนแรงในครอบครัว เหยื่อที่เผชิญความรุนแรงในครอบครัวมักไม่กล้าเล่าให้คนอื่นฟังตรง ๆ เนื่องจากกลัวว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงหากผู้ที่กระทำความรุนแรงรู้ว่าตนเองนำเรื่องไปบอกผู้อื่น อีกทั้งบางครั้งเหยื่อก็รู้สึกผิดหรือโทษตัวเองเสียเอง คนรอบข้างจึงควรหมั่นสังเกตสัญญาณของความรุนแรงในครอบครัว หากพบว่าคนใกล้ชิดมีร่องรอยการถูกทำร้ายบนร่างกาย อย่างรอยช้ำ รอยถลอก บาดแผลต่าง ๆ รวมทั้งดูวิตกกังวลหรือซึมเศร้าผิดปกติ และไม่อยากเข้าสังคมหรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเหมือนแต่ก่อน ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าบุคคลดังกล่าวกำลังตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอยู่ นอกจากนี้ เหยื่ออาจแสดงอาการหวาดกลัวต่อผู้กระทำความรุนแรง เช่น ไม่กล้าสบตาและไม่กล้าขัดใจคนในครอบครัวหรือคู่ครองของตนเอง เล่าว่าสามีหรือภรรยามักตัดสินใจคนเดียวทุกอย่าง หรือมีนิสัยขี้หึง เจ้าอารมณ์ ชอบบงการ ตนต้องขออนุญาตก่อนจะทำอะไรหรือไปข้างนอก ต้องรายงานให้รู้ตลอดเวลาว่าอยู่ที่ไหน หรือแสดงความกังวลและไม่อยากปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับคู่ครองของตน เป็นต้น วิธีรับมือเมื่อตนเองหรือคนในครอบครัวเผชิญความรุนแรง ผู้ที่เผชิญความรุนแรงในครอบครัวหรือสงสัยว่าสมาชิกในครอบครัวกำลังเผชิญปัญหานี้ สามารถรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้ตามคำแนะนำต่อไปนี้
ช่วยเหลือผู้ที่เผชิญความรุนแรงในครอบครัวอย่างไร ? หากพบเห็นหรือสงสัยว่าเพื่อนหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญความรุนแรงในครอบครัว ควรพยายามให้ความช่วยเหลือตามคำแนะนำต่อไปนี้
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว การใช้ความรุนแรงในครอบครัวถือเป็นสิ่งผิดในทุกกรณี ซึ่งไม่มีข้ออ้างสำหรับความชอบธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ควรมีการกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเหยื่อโดยตัดสินจากสถานการณ์ในครอบครัวหรือพฤติกรรมของเหยื่อเอง นอกจากนี้ การนำสภาพจิตใจ ประวัติเบื้องหลัง การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ของผู้ก่อความรุนแรงมาพิจารณาถึงสาเหตุที่ใช้ความรุนแรงก็ไม่ได้ทำให้บุคคลดังกล่าวพ้นผิดหรือผิดน้อยลงแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ที่เผชิญความรุนแรงควรถอยห่างและหาทางออกมาจากสถานการณ์อันตรายโดยเร็วที่สุด ส่วนคนรอบข้างที่ทราบเรื่องก็ควรใส่ใจ เชื่อใจ เคารพการตัดสินใจ และพยายามให้ความช่วยเหลือเหยื่ออย่างเต็มที่ อย่าเลิกยุ่งเกี่ยวเพียงเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว เหยื่อทนอยู่กับความรุนแรงมาได้นานแล้ว หรือเพราะเหยื่อและผู้กระทำความรุนแรงเคยกลับมาคืนดีกันแต่เกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นอีก โดยให้ตระหนักไว้ว่าเหยื่อความรุนแรงควรได้รับความช่วยเหลือในทุกกรณี เพราะความรุนแรงเป็นอาชญากรรม หาใช่เป็นเพียงเรื่องของสามีภรรยาหรือคนในครอบครัวเท่านั้น เหยื่อไม่ควรถูกละเลยหรือไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้อง ข้อใดเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงแนวทางป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงใน ครอบครัวและสังคม 1. ปลูกฝังความรักและความเข้าใจกันในครอบครัว 2. หลีกเลื่องปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความรุ่นแรง 3. จัดการกับอารมณ์และความเครียด 4. มีค่านิยมที่ถูกต้อง 5. เจ้าหน้าที่ต ารวจต้องให้ความร่วมมือ
ข้อใดเป็นความรุนแรงประเภททําร้ายจิตใจ2. ความรุนแรงทางจิตใจ - ใช้คำพูด ดุ ด่า ว่ากล่าว ตะคอก - ใช้คำพูด / ภาษาที่หยาบคาย ดูถูกเหยียดหยาม ข่มขู่ - มีผลเสียต่อจิตใจ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ขาดความนับถือตนเอง
พฤติกรรมในข้อใดที่เสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงในสังคมมากที่สุดการทําร้ายทางเพศ 35.29% มาก สาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสังคม 5 อันดับแรก อันดับ 1 สุรา/ยาเสพติด อันดับ 2 การอบรมเลี้ยงดู อันดับ 3 การคบเพื่อน อันดับ 4 ความเครียด อันดับ 5 นิสัยส่วนตัว ความรุนแรงในครอบครัวมีผลให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว/เก็บกด
ข้อใดเป็นผลกระทบของการใช้ความรุนแรงในวัยรุ่นสำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนที่ถูกกระทำความรุนแรง แบ่งได้เป็น ทางด้านร่างกาย เช่น มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ผิดปกติ ขาดสารอาหาร พิการ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือตั้งครรภ์ เป็นต้น ทางด้านจิตใจ ได้แก่ ขาดความมั่นคงทางจิตใจ รู้สึกไม่ปลอดภัย ซึมเศร้า หวาดระแวง มีปัญหาสุขภาพจิตหรือความเครียดอย่างรุนแรง ...
|