ข้อ ใด เป็น สูตร ในการ คำนวณ ผลรวม ตาม เงื่อนไข

        ถ้าต้องการหาผลรวมของตัวเลขหลายๆ ตำแหน่ง ให้คุณใช้ฟังก์ชั่นของการหาผลรวมเข้ามาช่วย

1. เลือกเซลล์ที่ต้องการแสดงผลลัพธ์ จากตัวอย่างนี้  ตำแหน่งเซลล์อยู่ที่ H4
2. ที่แท็บHome คลิก

ข้อ ใด เป็น สูตร ในการ คำนวณ ผลรวม ตาม เงื่อนไข
ปุ่ม  Sum บนทูลบาร์
3. จะปรากฏสูตรคำนวณ=SUM(B4:G4) ให้ดูช่วงข้อมูลตัวเลขที่จะคำนวณว่าถูกต้องหรือไม่ สังเกตจากเส้นประวิ่งรอบๆ ข้อมูล ถ้าถูกต้องแล้วกดปุ่ม Enter ถ้าไม่ถูกต้อง drag คลุมช่วงข้อมูลใหม่แล้ว กดปุ่ม Enter

การสร้างสูตรด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อย

          โปรแกรม Excel จะทำการแบ่งชุดของสูตรคำนวณตามประเภทการใช้งาน ถ้าคุณต้องการใช้สูตรคำนวณประเภทใด คลิกเลือกปุ่มนั้นได้เลย หรือคลิกปุ่ม Insert Function ก็ได้ สูตรคำนวณที่นำมายกตัวอย่างจะเป็นสูตรที่ใช้งานบ่อยๆ มีขั้นตอนดังนี้

1. เลือกเซลล์ที่ต้องการแสดงผลลัพธ์ จากตัวอย่างนี้ ตำแหน่งเซลล์อยู่ที่ C13

2. ที่แท็บ Formula จะแสดงประเภทของสูตรคำนวณให้เลือกใช้ ในที่นี้คลิกปุ่มลูกศรลงของ AutoSum

ข้อ ใด เป็น สูตร ในการ คำนวณ ผลรวม ตาม เงื่อนไข

3. จะปรากฏสูตรคำนวณที่ใช้งานบ่อยๆ ให้เลือก

ข้อ ใด เป็น สูตร ในการ คำนวณ ผลรวม ตาม เงื่อนไข

Average                   สูตรการหาค่าเฉลี่ย
Count Numbers        สูตรการนับจำนวนข้อมูล
Max                        สูตรการหาค่าสูงสุด
Min                         สูตรการหาค่าต่ำสุด
More Functions         สูตรอื่นๆ


4. ในที่นี้เลือกค่าสูงสุด คลิกที่ฟังก์ชั่น Max -> drag คลุมช่วงข้อมูลตัวเลขที่ต้องการ เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter

รายการฟังก์ชันของ Google ชีต

 Google ชีตสนับสนุนสูตรของเซลล์ที่มักพบในโปรแกรมสเปรดชีตบนเดสก์ท็อปทั่วไป คุณจะใช้ฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อสร้างสูตรที่จัดการกับข้อมูล และคำนวณสตริงและตัวเลขได้

นี่คือรายการของฟังก์ชันทั้งหมดที่พร้อมใช้งานในแต่ละประเภท เมื่อใช้ฟังก์ชันเหล่านี้ โปรดอย่าลืมใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคอมโพเนนต์ของฟังก์ชันทั้งหมดที่เป็นตัวอักษรซึ่งไม่ได้อ้างอิงถึงเซลล์หรือคอลัมน์

คุณเปลี่ยนภาษาของฟังก์ชัน Google ชีตจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นอีก 21 ภาษาได้

TypeNameSyntaxDescriptionDATEDATE(year, month, day)สำหรับวันที่จะแปลงปี เดือน และวันที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDATEDIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)สำหรับวันที่จะคำนวณจำนวนวัน เดือน หรือปีระหว่างวันที่ 2 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมDATEVALUEDATEVALUE(date_string)สำหรับวันที่จะแปลงสตริงวันที่ที่ระบุในรูปแบบที่รู้จักเป็นค่าวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAYDAY(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันของเดือนที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAYSDAYS(end_date, start_date)สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันระหว่างวันที่สองวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม DAYS360DAYS360(start_date, end_date, [method])สำหรับวันที่จะแสดงผลส่วนต่างระหว่างวันที่ 2 วัน โดยใช้ 360 วันต่อปี ซึ่งใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยทางการเงิน ดูข้อมูลเพิ่มเติมEDATEEDATE(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่ระบุตัวเลขของเดือนก่อน/หลังวันอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมEOMONTHEOMONTH(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่แทนวันสุดท้ายของเดือน ซึ่งอยู่ก่อนหรือหลังวันอื่นเป็นจำนวนเดือนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHOURHOUR(time)สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของชั่วโมงในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมISOWEEKNUMISOWEEKNUM(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลเลขที่สัปดาห์ ISO ของปีที่ตรงกับวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINUTEDATEDIF(start_date, end_date, unit)0สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของนาทีในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมMONTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)1สำหรับวันที่จะแสดงผลเดือนของปีที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมNETWORKDAYSDATEDIF(start_date, end_date, unit)2สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันสองวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมNETWORKDAYS.INTLDATEDIF(start_date, end_date, unit)3สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันที่กำหนดให้ โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOWDATEDIF(start_date, end_date, unit)4สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่และเวลาในขณะนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECONDDATEDIF(start_date, end_date, unit)5สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของวินาทีในเวลาที่เฉพาะเจาะจงในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมTIMEDATEDIF(start_date, end_date, unit)6สำหรับวันที่จะแปลงชั่วโมง นาที และวินาทีที่ให้เป็นเวลา ดูข้อมูลเพิ่มเติมTIMEVALUEDATEDIF(start_date, end_date, unit)7สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าเวลาเป็นเศษส่วนของวันแบบ 24 ชั่วโมง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTODAYDATEDIF(start_date, end_date, unit)8สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEEKDAYDATEDIF(start_date, end_date, unit)9สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขบอกวันในสัปดาห์ของวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEEKNUMDATEVALUE(date_string)0สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขซึ่งแสดงสัปดาห์ในปีสำหรับวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมWORKDAYDATEVALUE(date_string)1สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่สิ้นสุดหลังจากจำนวนวันทำงานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWORKDAY.INTLDATEVALUE(date_string)2สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่หลังจำนวนวันทำงานที่กำหนด โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมYEARDATEVALUE(date_string)3สำหรับวันที่จะแสดงผลปีซึ่งระบุตามวันที่ที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมYEARFRACDATEVALUE(date_string)4สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนปีรวมถึงปีแบบมีเศษระหว่างวันที่สองวัน โดยใช้วิธีนับวันตามที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2DECDATEVALUE(date_string)5ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2HEXDATEVALUE(date_string)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2OCTDATEVALUE(date_string)7ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมBITANDDATEVALUE(date_string)8ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์ AND บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITLSHIFTDATEVALUE(date_string)9ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางซ้ายเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBITORDAY(date)0ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์โอเปอเรเตอร์บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITRSHIFTDAY(date)1ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางขวาเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITXORDAY(date)2ทางวิศวกรรมจะะบิตไวส์ XOR (โอเปอเรเตอร์แบบเฉพาะ) ของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม COMPLEXDAY(date)3ทางวิศวกรรมจะสร้างจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุสัมประสิทธิ์จำนวนจริงและสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2BINDAY(date)4ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2HEXDAY(date)5ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 10 เป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2OCTDAY(date)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมDELTADAY(date)7ทางวิศวกรรมจะเปรียบเทียบค่าตัวเลขสองรายการ และแสดงผลเลข 1 ถ้าค่าเท่ากัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFDAY(date)8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าปริพันธ์ของฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์ในช่วงของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมERF.PRECISEDAY(date)9โปรดดู ERFGESTEPDAYS(end_date, start_date)0ทางวิศวกรรมจะแสดงผล 1 ถ้าอัตรามากกว่าหรือเท่ากับค่าขั้นที่ระบุ หรือไม่เช่นนั้นจะแสดงผล 0 แต่ถ้าไม่ได้ระบุค่าขั้นไว้ จะใช้ 0 เป็นค่าเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม HEX2BINDAYS(end_date, start_date)1ทางวิศวกรรมจะแปลงตัวเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับไปเป็นรูปแบบฐาน 2 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHEX2DECDAYS(end_date, start_date)2ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHEX2OCTDAYS(end_date, start_date)3ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMABSDAYS(end_date, start_date)4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMAGINARYDAYS(end_date, start_date)5ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMARGUMENTDAYS(end_date, start_date)6ทางวิศวกรรมจะแสดงผลมุม (หรือที่เรียกกันว่าอาร์กิวเมนต์หรือ \เธต้า) ของจำนวนเชิงซ้อนเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCONJUGATEDAYS(end_date, start_date)7ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสังยุคเชิงซ้อนของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOSDAYS(end_date, start_date)8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOSHDAYS(end_date, start_date)9จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cosh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOTDAYS360(start_date, end_date, [method])0จะแสดงผลค่าโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cot(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOTHDAYS360(start_date, end_date, [method])1จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "coth(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCSCDAYS360(start_date, end_date, [method])2ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCSCHDAYS360(start_date, end_date, [method])3จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "csch(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMEXPDAYS360(start_date, end_date, [method])4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ที่ยกกำลังด้วยจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOGDAYS360(start_date, end_date, [method])5จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนในฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOG10DAYS360(start_date, end_date, [method])6จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOG2DAYS360(start_date, end_date, [method])7จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMREALDAYS360(start_date, end_date, [method])8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมประสิทธิ์จริงของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSECDAYS360(start_date, end_date, [method])9จะแสดงผลค่าซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sec(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSECHEDATE(start_date, months)0จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sech(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSINEDATE(start_date, months)1ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSINHEDATE(start_date, months)2จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sinh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSUBEDATE(start_date, months)3ทางวิศวกรรมจะแสดงผลต่างระหว่างจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMTANEDATE(start_date, months)4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMTANHEDATE(start_date, months)5จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "tanh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2BINEDATE(start_date, months)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2DECEDATE(start_date, months)7ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2HEXEDATE(start_date, months)8ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 8 ที่มีเครื่องหมายกำกับเป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMDIVEDATE(start_date, months)9ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อน 1 จำนวนที่หารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPRODUCTEOMONTH(start_date, months)0ทางวิศวกรรมจะแสดงผลลัพธ์ของการคูณจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่งเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSUMEOMONTH(start_date, months)1ทางวิศวกรรมจะแสดงผลรวมของจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมFILTEREOMONTH(start_date, months)2สำหรับตัวกรองจะแสดงผลช่วงที่มาในเวอร์ชันที่กรองแล้ว โดยส่งคืนเฉพาะแถวหรือคอลัมน์ที่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSORTEOMONTH(start_date, months)3สำหรับตัวกรองจะจัดเรียงแถวของอาร์เรย์หรือช่วงที่ให้ตามค่าในคอลัมน์อย่างน้อยหนึ่งคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNIQUEEOMONTH(start_date, months)4สำหรับตัวกรองจะแสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติมSORTNEOMONTH(start_date, months)5สำหรับตัวกรองจะแสดงผล n รายการแรกในชุดข้อมูลหลังจากจัดเรียง ดูข้อมูลเพิ่มเติมACCRINTEOMONTH(start_date, months)6ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติมACCRINTMEOMONTH(start_date, months)7ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่ชำระเมื่อครบกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมAMORLINCEOMONTH(start_date, months)8ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาสำหรับงวดบัญชี หรือค่าเสื่อมราคาที่แบ่งตามส่วนถ้าซื้อสินทรัพย์ในกลางงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติม COUPDAYBSEOMONTH(start_date, months)9ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันนับจากคูปองใบแรกหรือการชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPDAYSHOUR(time)0ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันในคูปอง หรือการชำระดอกเบี้ย ในงวดซึ่งมีวันที่ส่งมอบที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPDAYSNCHOUR(time)1ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันโดยนับจากวันที่ส่งมอบ จนถึงคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยครั้งต่อไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPNCDHOUR(time)2ทางการเงินจะคำนวณวันที่คูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) หลังจากวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPNUMHOUR(time)3ทางการเงินจะคำนวณจำนวนคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยในระหว่างวันที่ส่งมอบและวันที่ครบกำหนดการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPPCDHOUR(time)4ทางการเงินจะคำนวณวันที่ของคูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) ก่อนถึงวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCUMIPMTHOUR(time)5ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCUMPRINCHOUR(time)6ทางการเงินจะคำนวณเงินต้นสะสมที่ชำระในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDBHOUR(time)7ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีตามมูลค่าต้นทุนที่ลดลงตามหลักคณิตศาสตร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDDBHOUR(time)8ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีคิดยอดคงเหลือแบบลดลงทวีคูณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDISCHOUR(time)9ทางการเงินจะคำนวณอัตราส่วนลดของหลักทรัพย์ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมDOLLARDEISOWEEKNUM(date)0ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นเศษส่วนให้เป็นค่าทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติมDOLLARFRISOWEEKNUM(date)1ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นค่าทศนิยมให้เป็นเศษส่วน ดูข้อมูลเพิ่มเติมDURATIONISOWEEKNUM(date)2 ทางการเงินจะคำนวณจำนวนงวดรวมที่จำเป็นสำหรับการลงทุนที่มีมูลค่าปัจจุบันที่ระบุและมีอัตราการเพิ่มมูลค่าตามที่กำหนด เพื่อให้ถึงมูลค่าเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมEFFECTISOWEEKNUM(date)3ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี โดยพิจารณาอัตรากลางและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมFVISOWEEKNUM(date)4ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าในอนาคตของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFVSCHEDULEISOWEEKNUM(date)5ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าเงินต้นในอนาคตจากอัตราดอกเบี้ยต่างๆ ที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINTRATEISOWEEKNUM(date)6ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เกิดขึ้นเมื่อซื้อการลงทุนที่ราคาหนึ่ง และขายไปอีกราคาหนึ่งโดยไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผลจากการลงทุนนั้นเอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIPMTISOWEEKNUM(date)7ทางการเงินจะคำนวณการชำระดอกเบี้ยของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIRRISOWEEKNUM(date)8ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติมISPMTISOWEEKNUM(date)9ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยที่ชำระ ณ งวดหนึ่งของการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมMDURATIONDATEDIF(start_date, end_date, unit)00ทางการเงินจะคำนวณระยะเวลา Macaulay ที่แก้ไขของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIRRDATEDIF(start_date, end_date, unit)01ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในที่แก้ไขของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวดๆ และผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ชำระในการจัดไฟแนนซ์และผลตอบแทนที่ได้รับจากรายได้ที่นำไปลงทุนซ้ำ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOMINALDATEDIF(start_date, end_date, unit)02ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยกลางประจำปี โดยพิจารณาอัตราที่แท้จริงและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมNPERDATEDIF(start_date, end_date, unit)03ทางการเงินจะคำนวณจำนวนของงวดการชำระเงินสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)04ทางการเงินPDURATIONDATEDIF(start_date, end_date, unit)05จะแสดงผลจำนวนงวดที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการในอัตราที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPMTDATEDIF(start_date, end_date, unit)06ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินรายงวดสำหรับเงินรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPPMTDATEDIF(start_date, end_date, unit)07ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินต้นของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEDATEDIF(start_date, end_date, unit)08ทางการเงินจะคำนวณราคาหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEDISCDATEDIF(start_date, end_date, unit)09ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEMATDATEDIF(start_date, end_date, unit)10ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)11ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)12ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRECEIVEDDATEDIF(start_date, end_date, unit)13ทางการเงินจะคำนวณจำนวนเงินที่ได้รับ ณ วันครบกำหนดอายุการลงทุนในตราสารหนี้ที่ซื้อไว้ ณ วันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมRRIDATEDIF(start_date, end_date, unit)14จะแสดงผลอัตราดอกเบี้ยที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการภายในจำนวนงวดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSLNDATEDIF(start_date, end_date, unit)15ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีเส้นตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSYDDATEDIF(start_date, end_date, unit)16ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีผลรวมจำนวนปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLEQDATEDIF(start_date, end_date, unit)17ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนเทียบเท่ารายปีสำหรับตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLPRICEDATEDIF(start_date, end_date, unit)18ทางการเงินจะคำนวณราคาตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLYIELDDATEDIF(start_date, end_date, unit)19ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมVDBDATEDIF(start_date, end_date, unit)20ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำหรับงวดที่ระบุ (หรือไม่เต็มงวด) ดูข้อมูลเพิ่มเติมXIRRDATEDIF(start_date, end_date, unit)21ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุนตามกระแสเงินสดแบบไม่เป็นงวดที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมXNPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)22ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุนโดยอิงจากชุดกระแสเงินสดที่อาจมีช่วงเวลาห่างไม่คงที่และอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDDATEDIF(start_date, end_date, unit)23ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDDISCDATEDIF(start_date, end_date, unit)24ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDMATDATEDIF(start_date, end_date, unit)25ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนรายปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมARRAYFORMULADATEDIF(start_date, end_date, unit)26สำหรับ Googleจะอนุญาตให้แสดงค่าที่ได้จากสูตรอาร์เรย์ในหลายแถวและ/หรือหลายคอลัมน์ และให้ใช้ฟังก์ชันที่ไม่ใช่อาร์เรย์กับอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDETECTLANGUAGEDATEDIF(start_date, end_date, unit)27สำหรับ Googleจะระบุภาษาที่ใช้ในข้อความภายในช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGOOGLEFINANCEDATEDIF(start_date, end_date, unit)28สำหรับ Googleจะเรียกดูข้อมูลหลักทรัพย์ในปัจจุบันหรือในอดีตจาก Google Finance ดูข้อมูลเพิ่มเติมGOOGLETRANSLATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)29สำหรับ Googleจะแปลข้อความจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษา ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMAGEDATEDIF(start_date, end_date, unit)30สำหรับ Googleจะแทรกรูปภาพในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUERYDATEDIF(start_date, end_date, unit)31สำหรับ Googleจะเรียกใช้การค้นหาของ Google Visualization API Query Language จากข้อมูลทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSPARKLINEDATEDIF(start_date, end_date, unit)32สำหรับ Googleจะสร้างแผนภูมิขนาดเล็กในเซลล์เดี่ยว ดูข้อมูลเพิ่มเติมERROR.TYPEDATEDIF(start_date, end_date, unit)33สำหรับข้อมูลจะแสดงผลหมายเลขที่สอดคล้องกับค่าความผิดพลาดในอีกเซลล์หนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมISBLANKDATEDIF(start_date, end_date, unit)34สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเซลล์ที่อ้างอิงว่างเปล่าหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISDATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)35สำหรับข้อมูลจะแสดงผลว่าค่าเป็นวันที่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ISEMAILDATEDIF(start_date, end_date, unit)36สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นที่อยู่อีเมลที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISERRDATEDIF(start_date, end_date, unit)37สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดนอกเหนือจาก "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISERRORDATEDIF(start_date, end_date, unit)38สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISFORMULADATEDIF(start_date, end_date, unit)39สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่ามีสูตรในเซลล์ที่อ้างอิงหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISLOGICALDATEDIF(start_date, end_date, unit)40สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็น "TRUE" หรือ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNADATEDIF(start_date, end_date, unit)41สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาด "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNONTEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)42สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าไม่ใช่ข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNUMBERDATEDIF(start_date, end_date, unit)43สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นตัวเลขหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISREFDATEDIF(start_date, end_date, unit)44สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่ามีการอ้างอิงเซลล์ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISTEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)45สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNDATEDIF(start_date, end_date, unit)46สำหรับข้อมูลจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์ที่ระบุเป็นจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมNADATEDIF(start_date, end_date, unit)47สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อผิดพลาด "ค่าไม่พร้อมใช้งาน" หรือ "#N/A" ดูข้อมูลเพิ่มเติมTYPEDATEDIF(start_date, end_date, unit)48สำหรับข้อมูลจะแสดงผลจำนวนที่เกี่ยวข้องกับประเภทข้อมูลที่ส่งผ่านไปยังฟังก์ชัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCELLDATEDIF(start_date, end_date, unit)49สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อมูลที่ต้องการเกี่ยวกับเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมANDDATEDIF(start_date, end_date, unit)50ทางตรรกะFALSEDATEDIF(start_date, end_date, unit)51ทางตรรกะจะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)52ทางตรรกะจะแสดงผลค่าหนึ่งหากนิพจน์เชิงตรรกะเป็น "TRUE" และอีกค่าหนึ่งหากเป็น "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFERRORDATEDIF(start_date, end_date, unit)53ทางตรรกะจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์แรกหากไม่ใช่ค่าผิดพลาด ไม่เช่นนั้นจะส่งกลับอาร์กิวเมนต์ที่สอง (ถ้ามี) หรือเป็นค่าว่างถ้าไม่มีอาร์กิวเมนต์ที่สอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFNADATEDIF(start_date, end_date, unit)54จะประเมินค่า หากค่าดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาด #N/A ก็จะแสดงผลค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFSDATEDIF(start_date, end_date, unit)55ทางตรรกะจะประเมินเงื่อนไขจำนวนมากและแสดงผลค่าที่สอดคล้องกับเงื่อนไขแรกที่เป็นจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมแบบตรรกะLAMBDADATEDIF(start_date, end_date, unit)56สร้างและแสดงผลฟังก์ชันที่กําหนดเองซึ่งมีชุดของชื่อและ formula_expression ที่ใช้ฟังก์ชันดังกล่าว หากต้องการคำนวณ formula_expression คุณสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันที่แสดงผลพร้อมกับค่าต่างๆ ได้มากเท่าที่ "name" ประกาศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)57ทางตรรกะจะแสดงผลค่าตรรกะที่ตรงกันข้าม - "NOT(TRUE)" แสดงผล "FALSE" ส่วน "NOT(FALSE)" แสดง "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมORDATEDIF(start_date, end_date, unit)58ทางตรรกะSWITCHDATEDIF(start_date, end_date, unit)59ทางตรรกะจะทดสอบนิพจน์เทียบกับกรณีต่างๆ และแสดงผลค่าที่สอดคล้องกันของกรณีแรกที่ตรงกัน พร้อมกับค่าเริ่มต้นแบบเลือกได้ หากไม่มีกรณีตรงกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRUEDATEDIF(start_date, end_date, unit)60ทางตรรกะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมXORDATEDIF(start_date, end_date, unit)61ทางตรรกะADDRESSDATEDIF(start_date, end_date, unit)62สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์เป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHOOSEDATEDIF(start_date, end_date, unit)63สำหรับการค้นหาCOLUMNDATEDIF(start_date, end_date, unit)64สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขคอลัมน์ของเซลล์ที่ระบุ โดยที่ "A=1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOLUMNSDATEDIF(start_date, end_date, unit)65สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนคอลัมน์ในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORMULATEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)66จะแสดงผลสูตรเป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมGETPIVOTDATADATEDIF(start_date, end_date, unit)67สำหรับการค้นหาจะดึงค่าการรวมจากตาราง Pivot ซึ่งตรงกับส่วนหัวของแถวและคอลัมน์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)68สำหรับการค้นหาแนวนอนจะค้นหาแถวแรกของช่วงทั้งหมดเพื่อหาคีย์และส่งคืนค่าของเซลล์ที่ระบุในคอลัมน์ที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINDEXDATEDIF(start_date, end_date, unit)69สำหรับการค้นหาจะแสดงผลเนื้อหาของเซลล์ที่ระบุโดยค่าออฟเซ็ตของแถวและคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINDIRECTDATEDIF(start_date, end_date, unit)70สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์ที่ระบุโดยสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)71สำหรับการค้นหาจะค้นหาคีย์ในแถวหรือคอลัมน์ และแสดงผลค่าเซลล์ในช่วงผลลัพธ์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับแถวหรือคอลัมน์ที่ค้นหา ดูข้อมูลเพิ่มเติมMATCHDATEDIF(start_date, end_date, unit)72สำหรับการค้นหาจะแสดงผลตำแหน่งสัมพัทธ์ของรายการในช่วงที่ตรงกับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมOFFSETDATEDIF(start_date, end_date, unit)73สำหรับการค้นหาจะแสดงผลช่วงการอ้างอิงที่เลือกเป็นจำนวนแถวและคอลัมน์ที่ระบุจากเซลล์อ้างอิงเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมROWDATEDIF(start_date, end_date, unit)74สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขแถวของเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมROWSDATEDIF(start_date, end_date, unit)75สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนแถวในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมVLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)76สำหรับการค้นหาแนวตั้งจะค้นหาตามคอลัมน์แรกของช่วงลงมาเพื่อหาคีย์และแสดงผลค่าของเซลล์ที่ระบุในแถวที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมค้นหาXLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)77แสดงผลค่าในช่วงผลลัพธ์ตามตำแหน่งซึ่งพบรายการที่ตรงกันในช่วงการค้นหา หากไม่พบรายการที่ตรงกัน ระบบจะแสดงผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมABSDATEDIF(start_date, end_date, unit)78ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOSDATEDIF(start_date, end_date, unit)79ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคไซน์ผกผันของค่า เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOSHDATEDIF(start_date, end_date, unit)80ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)81ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)82ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน โดยต้องไม่ใช่ค่าตั้งแต่ "-1" ถึง "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมASINDATEDIF(start_date, end_date, unit)83ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ผกผันเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมASINHDATEDIF(start_date, end_date, unit)84ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATANDATEDIF(start_date, end_date, unit)85ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATAN2DATEDIF(start_date, end_date, unit)86ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลมุมระหว่างแกน x และส่วนของเส้นตรงจากจุดเริ่มต้น (0,0) ไปยังคู่พิกัดที่ระบุ ("x", "y") เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATANHDATEDIF(start_date, end_date, unit)87ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมBASEDATEDIF(start_date, end_date, unit)88ทางคณิตศาสตร์จะแปลงตัวเลขเป็นการนำเสนอแบบตัวอักษรในฐานอื่น เช่น ฐาน 2 สำหรับไบนารี ดูข้อมูลเพิ่มเติมCEILINGDATEDIF(start_date, end_date, unit)89ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCEILING.MATHDATEDIF(start_date, end_date, unit)90ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม CEILING.PRECISEDATEDIF(start_date, end_date, unit)91ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด หากจำนวนเป็นค่าบวกหรือค่าลบ จะมีการปัดเศษขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม COMBINDATEDIF(start_date, end_date, unit)92ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของวิธีการที่จะเลือกจำนวนของวัตถุบางอย่างจากกลุ่มตัวเลือกของวัตถุซึ่งมีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOMBINADATEDIF(start_date, end_date, unit)93ทางคณิตศาสตร์แสดงผลจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุจำนวนหนึ่งจากกลุ่มวัตถุที่มีจำนวนที่ระบุ รวมถึงจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุเดียวกันซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOSDATEDIF(start_date, end_date, unit)94ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOSHDATEDIF(start_date, end_date, unit)95ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)96ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)97ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTBLANKDATEDIF(start_date, end_date, unit)98ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของเซลล์ที่ว่างในช่วงที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)99ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลการนับที่มีเงื่อนไขในช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTIFSDATEVALUE(date_string)00COUNTUNIQUEDATEVALUE(date_string)01ทางคณิตศาสตร์CSCDATEVALUE(date_string)02ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคซีแคนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCSCHDATEVALUE(date_string)03ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDECIMALDATEVALUE(date_string)04ทางคณิตศาสตร์จะแปลงการนำเสนอจำนวนแบบอักษรในฐานอื่นเป็นฐาน 10 (ทศนิยม) ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEGREESDATEVALUE(date_string)05ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมในเรเดียนให้เป็นองศา ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFCDATEVALUE(date_string)06ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์เสริมของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFC.PRECISEDATEVALUE(date_string)07โปรดดู ERFCEVENDATEVALUE(date_string)08ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคู่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมEXPDATEVALUE(date_string)09ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมFACTDATEVALUE(date_string)10ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมFACTDOUBLEDATEVALUE(date_string)11ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า "ดับเบิลแฟกทอเรียล" ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมFLOORDATEVALUE(date_string)12ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของ "ตัวประกอบ" ที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมFLOOR.MATHDATEVALUE(date_string)13ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม FLOOR.PRECISEDATEVALUE(date_string)14ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มหรือค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMALNDATEVALUE(date_string)15ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของฟังก์ชันแกมมาที่ระบุ ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMALN.PRECISEDATEVALUE(date_string)16โปรดดู GAMMALNGCDDATEVALUE(date_string)17ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวหารร่วมมากของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLNDATEVALUE(date_string)18ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อน ฐาน e (ตัวเลขของออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPOWERDATEVALUE(date_string)19ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อนที่เพิ่มตามเลขยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSQRTDATEVALUE(date_string)20ทางคณิตศาสตร์จะคำนวณรากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมINTDATEVALUE(date_string)21ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนลงไปยังจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนนั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมISEVENDATEVALUE(date_string)22ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคู่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISO.CEILINGDATEVALUE(date_string)23โปรดดู CEILING.PRECISEISODDDATEVALUE(date_string)24ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคี่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLCMDATEVALUE(date_string)25ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวคูณร่วมน้อยของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมLNDATEVALUE(date_string)26ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวน ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGDATEVALUE(date_string)27ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนที่กำหนดฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOG10DATEVALUE(date_string)28ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODDATEVALUE(date_string)29ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของโอเปอเรเตอร์โมดูโลและเศษหลังการหาร ดูข้อมูลเพิ่มเติมMROUNDDATEVALUE(date_string)30ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนหนึ่งขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มทวีคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของอีกจำนวนหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMULTINOMIALDATEVALUE(date_string)31ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของผลรวมของค่า หารด้วยผลลัพธ์ของแฟกทอเรียลของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมMUNITDATEVALUE(date_string)32จะแสดงผลเมทริกซ์หน่วยของขนาดเป็น ขนาด x ขนาด ดูข้อมูลเพิ่มเติมODDDATEVALUE(date_string)33ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคี่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมPIDATEVALUE(date_string)34ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า Pi จนถึงทศนิยมหลักที่ 14 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOWERDATEVALUE(date_string)35ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRODUCTDATEVALUE(date_string)36ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของการคูณกลุ่มจำนวนเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUOTIENTDATEVALUE(date_string)37ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลหมายเลขหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมRADIANSDATEVALUE(date_string)38ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมที่เป็นองศาให้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDDATEVALUE(date_string)39ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 (รวม 0 แต่ไม่รวม 1) ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDARRAYDATEVALUE(date_string)40ทางคณิตศาสตร์จะสร้างอาร์เรย์ของจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDBETWEENDATEVALUE(date_string)41ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเต็มแบบสุ่มที่สม่ำเสมอระหว่างสองค่า โดยรวมทั้งสองค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDDATEVALUE(date_string)42ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนที่ระบุเป็นจำนวนหลักทศนิยมที่กำหนดตามกฎเกณฑ์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDDOWNDATEVALUE(date_string)43ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดลงไปหาจำนวนที่ถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDUPDATEVALUE(date_string)44ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดขึ้นไปหาจำนวนต่อไปที่ถูกต้องเสมอ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECDATEVALUE(date_string)45ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลซีแคนต์ของมุมที่วัดเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECHDATEVALUE(date_string)46ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของมุม ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEQUENCEDATEVALUE(date_string)47จะแสดงผลอาร์เรย์ของตัวเลขที่เรียงตามลำดับ เช่น 1, 2, 3, 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติมSERIESSUMDATEVALUE(date_string)48ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลอนุกรมกำลังโดยรวม a1xn + a2x(n+m) + ... + aix(n+(i-1)m) หากพารามิเตอร์เป็น DATEVALUE(date_string)49, DATEVALUE(date_string)50, DATEVALUE(date_string)51 และ DATEVALUE(date_string)52 โดย i คือจำนวนข้อมูลในช่วง "a"ดูข้อมูลเพิ่มเติมSIGNDATEVALUE(date_string)53ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผล "-1" ถ้าตัวเลขเป็นลบ "1" ถ้าเป็นบวก และ "0" ถ้าเป็นศูนย์ โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติมSINDATEVALUE(date_string)54ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSINHDATEVALUE(date_string)55ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSQRTDATEVALUE(date_string)56ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของจำนวนบวก ดูข้อมูลเพิ่มเติมSQRTPIDATEVALUE(date_string)57ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของผลลัพธ์ของ Pi และจำนวนบวกที่ให้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUBTOTALDATEVALUE(date_string)58ทางคณิตศาสตร์SUMDATEVALUE(date_string)59ทางคณิตศาสตร์SUMIFDATEVALUE(date_string)60ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลรวมแบบมีเงื่อนไขตลอดช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMIFSDATEVALUE(date_string)61ทางคณิตศาสตร์SUMSQDATEVALUE(date_string)62ทางคณิตศาสตร์TANDATEVALUE(date_string)63ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTANHDATEVALUE(date_string)64ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRUNCDATEVALUE(date_string)65ทางคณิตศาสตร์จะตัดทอนจำนวนให้เหลือจำนวนเลขนัยสำคัญที่กำหนด โดยละจำนวนที่มีความสำคัญน้อยกว่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมADDDATEVALUE(date_string)66สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลรวมของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "+" ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONCATDATEVALUE(date_string)67สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลการเชื่อมสองค่าเข้าด้วยกัน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "&" ดูข้อมูลเพิ่มเติมDIVIDEDATEVALUE(date_string)68สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "/" ดูข้อมูลเพิ่มเติมEQDATEVALUE(date_string)69สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุเท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมGTDATEVALUE(date_string)70สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่ามากกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">" ดูข้อมูลเพิ่มเติมGTEDATEVALUE(date_string)71สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกมากกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมโอเปอเรเตอร์ISBETWEENDATEVALUE(date_string)72ตรวจสอบว่าหมายเลขที่ระบุอยู่ระหว่างหมายเลขอื่น 2 หมายเลข โดยนับรวมหรือไม่นับรวมหมายเลขเหล่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมLTDATEVALUE(date_string)73สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่าน้อยกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<" ดูข้อมูลเพิ่มเติมLTEDATEVALUE(date_string)74สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกน้อยกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINUSDATEVALUE(date_string)75สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลต่างของสองจำนวนโดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "-" ดูข้อมูลเพิ่มเติมMULTIPLYDATEVALUE(date_string)76สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลคูณของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "*" ดูข้อมูลเพิ่มเติมNEDATEVALUE(date_string)77สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุไม่เท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเทียบเท่ากับเครื่องหมาย "<>" ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOWDATEVALUE(date_string)78สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมUMINUSDATEVALUE(date_string)79สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนที่มีเครื่องหมายตรงกันข้าม ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNARY_PERCENTDATEVALUE(date_string)80สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลค่าตีความว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ "UNARY_PERCENT (100)" เท่ากับ "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมโอเปอเรเตอร์UNIQUEDATEVALUE(date_string)81แสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงของแหล่งที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติมUPLUSDATEVALUE(date_string)82สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่เปลี่ยนแปลง ดูข้อมูลเพิ่มเติมAVEDEVDATEVALUE(date_string)83ทางสถิติAVERAGEDATEVALUE(date_string)84ทางสถิติAVERAGEADATEVALUE(date_string)85ทางสถิติAVERAGEIFDATEVALUE(date_string)86ทางสถิติจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของช่วงโดยขึ้นอยู่กับเกณฑ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมAVERAGEIFSDATEVALUE(date_string)87ทางสถิติAVERAGE.WEIGHTEDDATEVALUE(date_string)88ทางสถิติจะค้นหาค่าเฉลี่ยการถ่วงน้ำหนักของชุดค่า โดยพิจารณาจากค่าและการถ่วงน้ำหนักที่เกี่ยวข้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมBETADISTDATEVALUE(date_string)89ทางสถิติจะแสดงผลความน่าจะเป็นของค่าที่กำหนดตามฟังก์ชันการแจกแจงแบบเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมBETA.DISTDATEVALUE(date_string)90ทางสถิติโปรดดู BETADISTBETAINVDATEVALUE(date_string)91ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม BETA.INVDATEVALUE(date_string)92ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม BINOMDISTDATEVALUE(date_string)93ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยมีการแทนที่ค่าที่เสมอกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมBINOM.DISTDATEVALUE(date_string)94โปรดดู BINOMDISTBINOM.INVDATEVALUE(date_string)95โปรดดู CRITBINOMCHIDISTDATEVALUE(date_string)96ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHIINVDATEVALUE(date_string)97ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.DISTDATEVALUE(date_string)98ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.DIST.RTDATEVALUE(date_string)99ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.INVDAY(date)00ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.INV.RTDAY(date)01ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.TESTDAY(date)02โปรดดู CHITESTCHITESTDAY(date)03ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบไคสแควร์ของ Pearson บนข้อมูลสองช่วง โดยคำนวณความเป็นไปได้ที่ข้อมูลกลุ่มที่พบจะมาจากการกระจายที่คาดไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONFIDENCEDAY(date)04ทางสถิติจะคำนวณความกว้างของครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการกระจายปกติ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONFIDENCE.NORMDAY(date)05ทางสถิติโปรดดู CONFIDENCECONFIDENCE.TDAY(date)06จะคำนวณความกว้างครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการแจกแจงแบบทีของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCORRELDAY(date)07ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTDAY(date)08ทางสถิติCOUNTADAY(date)09ทางสถิติCOVARDAY(date)10ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOVARIANCE.PDAY(date)11โปรดดู COVARCOVARIANCE.SDAY(date)12จะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล โดยที่ชุดข้อมูลคือตัวอย่างของประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCRITBINOMDAY(date)13ทางสถิติจะคำนวณจำนวนที่น้อยที่สุดที่การกระจายทวินามสะสมแบบผกผันมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEVSQDAY(date)14ทางสถิติจะคำนวณผลรวมของกำลังสองของความเบี่ยงเบนตามตัวอย่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมสถิติEXPON.DISTDAY(date)15แสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบเลขยกกำลังด้วย LAMBDA เฉพาะในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม สถิติEXPONDISTDAY(date)16โปรดดู EXPON.DISTFDISTDAY(date)17ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.DISTDAY(date)18ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านซ้าย (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x. หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.DIST.RTDAY(date)19ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.INVDAY(date)20ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านซ้าย หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINVDAY(date)21ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.INV.RTDAY(date)22ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมFISHERDAY(date)23ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFISHERINVDAY(date)24ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ผกผันของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORECASTDAY(date)25ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่คาดไว้สำหรับ x ที่ระบุ ตามการถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORECAST.LINEARDAY(date)26โปรดดู FORECASTF.TESTDAY(date)27ทางสถิติโปรดดูฟังก์ชัน FTESTFTESTDAY(date)28ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กับ F-test ที่ใช้ทดสอบความเท่ากันของความแปรปรวน เพื่อพิจารณาว่าตัวอย่างสองกลุ่มมีแนวโน้มว่ามาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่มีค่าความแปรปรวนเท่ากันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMADAY(date)29จะแสดงผลฟังก์ชัน Gamma ซึ่งประเมินที่ค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMADISTDAY(date)30ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMA.DISTDAY(date)31ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMAINVDAY(date)32ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMA.INVDAY(date)33ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAUSSDAY(date)34ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เป็นตัวแปรสุ่มจากการแจกแจงแบบปกติ โดยจะอยู่ระหว่างค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน z ที่สูงกว่า (หรือต่ำกว่า) ค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติมGEOMEANDAY(date)35ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมเรขาคณิตของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมHARMEANDAY(date)36ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมฮาร์โมนิกของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมHYPGEOMDISTDAY(date)37ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยไม่มีการแทนที่ค่าที่เสมอกันดูข้อมูลเพิ่มเติมฟังก์ชันเชิงสถิติHYPGEOM.DISTDAY(date)38โปรดดู HYPGEOMDISTINTERCEPTDAY(date)39ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่เส้นเกิดจากการถดถอยเชิงเส้นของข้อมูลและตัดกับแกน y (x=0) ดูข้อมูลเพิ่มเติมKURTDAY(date)40ทางสถิติจะคำนวณความโด่งของชุดข้อมูล ซึ่งจะอธิบายถึงรูปร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จุดสูงสุด" ของชุดข้อมูลดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมLARGEDAY(date)41ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่ใหญ่เป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGINVDAY(date)42ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGNORMDISTDAY(date)43ทางสถิติจะแสดงผลค่าการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGNORM.DISTDAY(date)44โปรดดู LOGNORMDISTLOGNORM.INVDAY(date)45โปรดดู LOGINVMAXDAY(date)46ทางสถิติMAXADAY(date)47ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนที่สูงสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMAXIFSDAY(date)48ทางสถิติจะแสดงผลค่าสูงสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMEDIANDAY(date)49ทางสถิติMINDAY(date)50ทางสถิติMINADAY(date)51ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนต่ำสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINIFSDAY(date)52ทางสถิติจะแสดงผลค่าต่ำสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODEDAY(date)53ทางสถิติMODE.MULTDAY(date)54จะแสดงผลค่าที่ซ้ำมากที่สุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODE.SNGLDAY(date)55NEGBINOMDISTDAY(date)56ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความล้มเหลวในจำนวนครั้งที่กำหนดก่อนจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยพิจารณาตามความน่าจะเป็นของความสำเร็จในการทดลองอิสระ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNEGBINOM.DISTDAY(date)57โปรดดู NEGBINOMDISTNORMDISTDAY(date)58ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายปกติ (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติ) สำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.DISTDAY(date)59โปรดดู NORMDISTNORMINVDAY(date)60ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายปกติแบบผกผันสำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.INVDAY(date)61โปรดดู NORMINVNORMSDISTDAY(date)62ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติแบบมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.S.DISTDAY(date)63โปรดดู NORMSDISTNORMSINVDAY(date)64ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของฟังก์ชันการกระจายปกติตามมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.S.INVDAY(date)65โปรดดู NORMSINVPEARSONDAY(date)66ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILEDAY(date)67ทางสถิติจะแสดงผลค่าของเปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILE.EXCDAY(date)68จะแสดงผลค่าซึ่งอยู่ที่เปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILE.INCDAY(date)69โปรดดู PERCENTILEPERCENTRANKDAY(date)70ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) ของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTRANK.EXCDAY(date)71ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยไม่รวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTRANK.INCDAY(date)72ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยรวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERMUTATIONADAY(date)73จะแสดงผลการเรียงสับเปลี่ยนสำหรับการเลือกกลุ่มวัตถุ (มีการแทนที่) จากจำนวนวัตถุทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERMUTDAY(date)74ทางสถิติจะแสดงผลจำนวนวิธีการที่จะเลือกจำนวนวัตถุบางอย่างจากกลุ่มของขนาดวัตถุที่ให้ เมื่อพิจารณาลำดับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPHIDAY(date)75ทางสถิติจะแสดงผลค่าของการแจกแจงปกติที่มีค่าเฉลี่ยเป็น 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOISSONDAY(date)76ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบ Poisson (หรือฟังก์ชันกระจายสะสมแบบ Poisson) สำหรับค่าและค่าเฉลี่ยที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOISSON.DISTDAY(date)77ทางสถิติโปรดดู POISSONPROBDAY(date)78ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นที่ค่าที่สุ่มเลือกจะอยู่ระหว่างค่าจำกัดสองค่าโดยพิจารณาจากกลุ่มของค่าและความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILEDAY(date)79ทางสถิติจะแสดงผลค่าที่ใกล้เคียงที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILE.EXCDAY(date)80จะแสดงผลค่าที่ใกล้ที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILE.INCDAY(date)81โปรดดู QUARTILERANKDAY(date)82ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANK.AVGDAY(date)83ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูลมีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับเฉลี่ยของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANK.EQDAY(date)84ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูล มีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับสูงสุดของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมRSQDAY(date)85ทางสถิติจะคำนวณกำลังสองของ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมSKEWDAY(date)86ทางสถิติจะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลซึ่งอธิบายถึงความสมมาตรของชุดข้อมูลที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติมSKEW.PDAY(date)87จะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลที่เป็นตัวแทนประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSLOPEDAY(date)88ทางสถิติจะคำนวณความชันของเส้นซึ่งเป็นผลจากความถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมSMALLDAY(date)89ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่เล็กเป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTANDARDIZEDAY(date)90ทางสถิติจะคำนวณค่าเทียบเท่ามาตรฐานของตัวแปรสุ่ม หากการกระจายมีค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEVDAY(date)91ทางสถิติSTDEVADAY(date)92ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEV.PDAY(date)93โปรดดู STDEVPSTDEVPDAY(date)94ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจากกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEVPADAY(date)95ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEV.SDAY(date)96โปรดดู STDEVSTEYXDAY(date)97ทางสถิติจะคำนวณข้อผิดพลาดมาตรฐานของการคาดคะเนค่า y สำหรับค่า x แต่ละค่าในการถดถอยของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมTDISTDAY(date)98ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นสำหรับการแจกแจงค่า t กับข้อมูลที่กำหนด (x) ของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DISTDAY(date)99จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DIST.2TDAYS(end_date, start_date)00จะแสดงผลการแจงแจกนักเรียนแบบ 2 ด้านของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DIST.RTDAYS(end_date, start_date)01จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมTINVDAYS(end_date, start_date)02ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.INVDAYS(end_date, start_date)03ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันที่เป็นลบของฟังก์ชัน TDIST แบบด้านเดียว ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.INV.2TDAYS(end_date, start_date)04ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRIMMEANDAYS(end_date, start_date)05ทางสถิติจะคำนวณค่าเฉลี่ยชุดข้อมูลโดยไม่รวมข้อมูลส่วนหนึ่งจากปลายที่สูงและต่ำของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมTTESTDAYS(end_date, start_date)06ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่ได้จากการทำ t-Test เพื่อพิจารณาว่า ตัวอย่างสองกลุ่มมาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่เหมือนกัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากันใช่ไหม ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.TESTDAYS(end_date, start_date)07ทางสถิติโปรดดู TTESTVARDAYS(end_date, start_date)08ทางสถิติVARADAYS(end_date, start_date)09ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนโดยประมาณตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมVAR.PDAYS(end_date, start_date)10โปรดดู VARPVARPDAYS(end_date, start_date)11ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมVARPADAYS(end_date, start_date)12ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมVAR.SDAYS(end_date, start_date)13โปรดดู VARWEIBULLDAYS(end_date, start_date)14ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายแบบ Weibull (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมแบบ Weibull) สำหรับรูปทรงและขั้นคะแนนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEIBULL.DISTDAYS(end_date, start_date)15โปรดดู WEIBULLZ.TESTDAYS(end_date, start_date)16ทางสถิติโปรดดู ZTESTZTESTDAYS(end_date, start_date)17ทางสถิติจะแสดงผลค่า p ด้านเดียวของการทดสอบ z กับการกระจายมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมARABICDAYS(end_date, start_date)18สำหรับข้อความจะคำนวณค่าของเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมASCDAYS(end_date, start_date)19สำหรับข้อความจะแปลงอักขระ ASCII และอักขระ katakana ความกว้างเต็มเป็นแบบครึ่งความกว้าง อักขระความกว้างมาตรฐานทั้งหมดจะยังคงเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติม CHARDAYS(end_date, start_date)20สำหรับข้อความจะแปลงตัวเลขเป็นอักขระตามตาราง Unicode ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCODEDAYS(end_date, start_date)21สำหรับข้อความจะแสดงผลตัวเลขรหัสคู่ของอักขระแรกในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONCATENATEDAYS(end_date, start_date)22สำหรับข้อความDOLLARDAYS(end_date, start_date)23สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนให้เป็นรูปแบบสกุลเงินสำหรับท้องถิ่นที่ต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมEXACTDAYS(end_date, start_date)24สำหรับข้อความจะทดสอบว่าสตริงทั้งสองเหมือนกันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINDDAYS(end_date, start_date)25สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINDBDAYS(end_date, start_date)26สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมFIXEDDAYS(end_date, start_date)27สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบตัวเลขด้วยจำนวนคงที่ของตำแหน่งทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติมJOINDAYS(end_date, start_date)28สำหรับข้อความLEFTDAYS(end_date, start_date)29สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากช่วงแรกของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLEFTBDAYS(end_date, start_date)30จะแสดงผลสตริงส่วนซ้ายตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLENDAYS(end_date, start_date)31สำหรับข้อความจะแสดงผลความยาวของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมLENBDAYS(end_date, start_date)32จะแสดงผลความยาวของสตริงในหน่วยไบต์" ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOWERDAYS(end_date, start_date)33สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่เฉพาะเจาะจงให้เป็นอักษรตัวพิมพ์เล็ก ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIDDAYS(end_date, start_date)34สำหรับข้อความจะแสดงผลส่วนของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIDBDAYS(end_date, start_date)35จะแสดงผลส่วนของสตริงที่เริ่มต้นจากอักขระที่กำหนดตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPROPERDAYS(end_date, start_date)36สำหรับข้อความจะขึ้นต้นแต่ละคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXEXTRACTDAYS(end_date, start_date)37สำหรับข้อความจะแยกสตริงย่อยที่ตรงกันตามนิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXMATCHDAYS(end_date, start_date)38สำหรับข้อความจะดูว่าข้อความส่วนหนึ่งตรงกับนิพจน์ทั่วไปหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXREPLACEDAYS(end_date, start_date)39สำหรับข้อความจะแทนที่ส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความที่แตกต่างกันโดยใช้นิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPLACEDAYS(end_date, start_date)40สำหรับข้อความจะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPLACEBDAYS(end_date, start_date)41จะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความเดิมด้วยสตริงข้อความอื่นตามจำนวนไบต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPTDAYS(end_date, start_date)42สำหรับข้อความจะแสดงผลข้อความที่ระบุซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมRIGHTDAYS(end_date, start_date)43สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากตอนปลายของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRIGHTBDAYS(end_date, start_date)44จะแสดงผลสตริงส่วนขวาตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมROMANDAYS(end_date, start_date)45สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนเป็นเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEARCHDAYS(end_date, start_date)46สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEARCHBDAYS(end_date, start_date)47สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมSPLITDAYS(end_date, start_date)48สำหรับข้อความจะแบ่งข้อความตามอักขระหรือสตริงที่ระบุ และวางส่วนย่อยแต่ละส่วนในเซลล์แยกต่างหากในแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUBSTITUTEDAYS(end_date, start_date)49สำหรับข้อความจะแทนที่ข้อความที่มีอยู่ด้วยข้อความใหม่ในสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTDAYS(end_date, start_date)50สำหรับข้อความจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์สตริงเป็นข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTEXTDAYS(end_date, start_date)51สำหรับข้อความจะแปลงจำนวนเป็นข้อความตามรูปแบบที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTEXTJOINDAYS(end_date, start_date)52สำหรับข้อความจะรวมข้อความจากสตริงและ/หรืออาร์เรย์หลายรายการ พร้อมตัวคั่นที่กำหนดได้ซึ่งแยกข้อความที่แตกต่างจากกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRIMDAYS(end_date, start_date)53สำหรับข้อความจะนำช่องว่างนำและช่องว่างที่ต่อท้ายในสตริงที่ระบุออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNICHARDAYS(end_date, start_date)54จะแสดงผลอักขระ Unicode ของตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมUPPERDAYS(end_date, start_date)55สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่ระบุให้เป็นอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมVALUEDAYS(end_date, start_date)56สำหรับข้อความจะแปลงสตริงในรูปแบบวันที่ เวลา หรือจำนวนที่ Google ชีตอ่านข้อมูลได้เป็นตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมข้อความCLEANDAYS(end_date, start_date)57ส่งกลับข้อความโดยนำอักขระ ASCII ที่ไม่สามารถพิมพ์ได้ออกแล้ว เรียนรู้เพิ่มเติมUNICODEDAYS(end_date, start_date)58สำหรับข้อความจะแสดงผลค่า Unicode ที่เป็นทศนิยมของอักขระตัวแรกในสตริงอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAVERAGEDAYS(end_date, start_date)59สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของกลุ่มค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDCOUNTDAYS(end_date, start_date)60สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDCOUNTADAYS(end_date, start_date)61สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนซึ่งรวมทั้งข้อความที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDGETDAYS(end_date, start_date)62สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเดี่ยวจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDMAXDAYS(end_date, start_date)63สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าสูงสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDMINDAYS(end_date, start_date)64สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าต่ำสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตารางหรือช่วง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDPRODUCTDAYS(end_date, start_date)65สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลคูณของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSTDEVDAYS(end_date, start_date)66สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSTDEVPDAYS(end_date, start_date)67สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSUMDAYS(end_date, start_date)68สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลรวมของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้ข้อความค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDVARDAYS(end_date, start_date)69สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDVARPDAYS(end_date, start_date)70สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONVERTDAYS(end_date, start_date)71สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าตัวเลขให้เป็นหน่วยวัดที่แตกต่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_DATEDAYS(end_date, start_date)72สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_DOLLARSDAYS(end_date, start_date)73สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นค่าเงินดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_PERCENTDAYS(end_date, start_date)74สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ให้ไว้เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_PURE_NUMBERDAYS(end_date, start_date)75สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงวันที่/เวลา ค่าเปอร์เซ็นต์ สกุลเงิน หรือค่าตัวเลขที่จัดอยู่ในรูปแบบเป็นตัวเลขล้วนๆ โดยไม่มีการจัดรูปแบบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_TEXTDAYS(end_date, start_date)76สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าจำนวนที่กำหนดเป็นค่าที่เป็นข้อความดูข้อมูลเพิ่มเติมARRAY_CONSTRAINDAYS(end_date, start_date)77สำหรับอาร์เรย์จะจำกัดอาร์เรย์ผลลัพธ์ให้มีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์BYCOLDAYS(end_date, start_date)78จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามคอลัมน์โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์BYROWDAYS(end_date, start_date)79จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามแถวโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติมFREQUENCYDAYS(end_date, start_date)80สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณการกระจายความถี่ของอาร์เรย์แบบหนึ่งคอลัมน์เป็นประเภทที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGROWTHDAYS(end_date, start_date)81สำหรับอาร์เรย์จะลองหาแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไป จากข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติมLINESTDAYS(end_date, start_date)82สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองน้อยที่สุด โดยใช้ข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGESTDAYS(end_date, start_date)83สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณหาพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ โดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์MAKEARRAYDAYS(end_date, start_date)84แสดงผลอาร์เรย์ของมิติข้อมูลที่ระบุพร้อมด้วยค่าที่คํานวณโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์MAPDAYS(end_date, start_date)85จับคู่แต่ละค่าในอาร์เรย์ที่ระบุกับค่าใหม่โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมMDETERMDAYS(end_date, start_date)86สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลดีเทอร์มิแนนต์ของเมทริกช์ของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINVERSEDAYS(end_date, start_date)87สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMMULTDAYS(end_date, start_date)88สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลคูณเมทริกซ์ของสองเมทริกซ์ที่ระบุเป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์REDUCEDAYS(end_date, start_date)89ตัดทอนอาร์เรย์เป็นผลลัพธ์แบบรวมโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์SCANDAYS(end_date, start_date)90สแกนอาร์เรย์และสร้างค่ากลางโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า โดยจะแสดงผลอาร์เรย์ของค่ากลางที่ได้มาจากแต่ละขั้นตอน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMPRODUCTDAYS(end_date, start_date)91สำหรับอาร์เรย์SUMX2MY2DAYS(end_date, start_date)92สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลรวมของผลต่างของกำลังสองของค่าที่สอดคล้องกันในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMX2PY2DAYS(end_date, start_date)93สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลรวมค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMXMY2DAYS(end_date, start_date)94สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลต่างของค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRANSPOSEDAYS(end_date, start_date)95สำหรับอาร์เรย์จะสลับแกนของแถวและคอลัมน์ของอาร์เรย์หรือช่วงของเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRENDDAYS(end_date, start_date)96สำหรับอาร์เรย์จะจัดทำแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองที่น้อยที่สุด และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไปโดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์FLATTENDAYS(end_date, start_date)97โปรดดู FLATTENENCODEURLDAYS(end_date, start_date)98สำหรับเว็บจะเข้ารหัสสตริงข้อความเพื่อใช้ในการค้นหา URL ดูข้อมูลเพิ่มเติมHYPERLINKDAYS(end_date, start_date)99สำหรับเว็บจะสร้างไฮเปอร์ลิงก์ภายในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTDATADAYS360(start_date, end_date, [method])00สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจาก URL ที่ระบุในรูปแบบ .csv (ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค) หรือ .tsv (ค่าที่คั่นด้วยแท็บ) ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTFEEDDAYS360(start_date, end_date, [method])01สำหรับเว็บจะนำเข้าฟีด RSS หรือ Atom ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTHTMLDAYS360(start_date, end_date, [method])02สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากตาราง/รายการภายในหน้า HTML ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTRANGEDAYS360(start_date, end_date, [method])03สำหรับเว็บจะนำเข้าช่วงเซลล์จากสเปรดชีตที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTXMLDAYS360(start_date, end_date, [method])04สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากประเภทข้อมูลที่มีโครงสร้างที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง XML, HTML, CSV, TSV และฟีด RSS และ ATOM XML ดูข้อมูลเพิ่มเติมISURLDAYS360(start_date, end_date, [method])05สำหรับเว็บจะตรวจสอบว่าค่าเป็น URL ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมลองใช้คำหลักของคุณใน Google ค้นเว็บ

เคล็ดลับ: คุณจะใช้บางฟังก์ชันจากโปรแกรมสเปรดชีตอื่นๆ ไม่ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันที่ไม่รองรับในชีต

เอกสารนี้ประกอบด้วยเนื้อหาที่ได้รับการแก้ไขจาก Appendix B ของ "Calc Guide" โดย OpenOffice.org ซึ่งเปิดดูได้ที่ https://wiki.openoffice.org/w/images/b/b3/0300CS3-CalcGuide.pdf เนื้อหานี้ได้รับใบอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์สำหรับยอมรับสิทธิของผู้สร้าง (Creative Commons Attribution License) เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีอยู่ที่ https://creativecommons.org/licenses/by/2.0/legalcode

เราได้ปรับเปลี่ยนไวยากรณ์และคำอธิบายเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับรูปแบบของตารางนี้ และให้ตรงกับการนำฟังก์ชันไปใช้และการใช้งานใน Google สเปรดชีต

เราได้ยกประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่พบใน "Calc Guide" ของ OpenOffice.org ในรูปแบบเต็มมาไว้ด้านล่างดังนี้

ลิขสิทธิ์

เอกสารนี้มีลิขสิทธิ์ © 2005 โดยผู้ร่วมเขียนดังที่ปรากฏในส่วนรายการชื่อผู้แต่ง คุณมีสิทธิ์แจกจ่ายและ/หรือแก้ไขเนื้อหาภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู (GNU General Public License) เวอร์ชัน 2 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่านั้น (https://www.gnu.org/licenses/gpl.html) หรือสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์สำหรับยอมรับสิทธิของผู้สร้าง (Creative Commons Attribution License) เวอร์ชัน 2.0 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่านั้น (https://creativecommons.org/licenses/by/2.0/)

ข้อใดเป็นฟังก์ชันในการคำนวณหาผลรวมตามเงื่อนไข

หาผลรวมแบบมีเงื่อนไขด้วยฟังก์ชัน SUMIF. ฟังก์ชัน SUM จะใช้หาผลรวมของข้อมูลทั้งหมด แต่ถ้าต้องการหาผลรวมแบบมีเงื่อนไข สามารถใช้ ฟังก์ชัน SUMIF มาช่วยได้โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ =SUMIF(กลุ่มข้อมูลที่ใช้เป็นเงื่อนไข, เงื่อนไข, กลุ่มข้อมูลที่จะหาผลรวม) ตัวอย่าง ต้องการผลรวมของยอดขาย TV จากข้อมูลตัวอย่าง

การหาผลรวมใช้สูตรใด

การใช้ฟังก์ชัน SUM เพื่อรวมตัวเลขในช่วง.
พิมพ์ =SUM ในเซลล์ ตามด้วยวงเล็บเปิด (..
เมื่อต้องการใส่ช่วงสูตรแรก ซึ่งเรียกว่าอาร์กิวเมนต์ (ข้อมูล ชิ้นหนึ่งที่สูตรต้องการเรียกใช้) ให้พิมพ์ A2:A4 (หรือเลือกเซลล์ A2 แล้วลากผ่านเซลล์ A6).
พิมพ์เครื่องหมายจุลภาค (,) เพื่อแยกอาร์กิวเมนต์แรกออกจากอาร์กิวเมนต์ถัดไป.

ฟังก์ชั่น SUM หมายถึงข้อใด

ฟังก์ชัน SUM จะรวมค่าต่างๆ คุณสามารถเพิ่มค่าทีละค่า การอ้างอิงเซลล์ หรือช่วง หรือผสมกันทั้งสามค่าได้ ตัวอย่างเช่น =SUM(A2:A10) บวกค่าในเซลล์ A2:10.

ข้อใดเป็นสูตรในการคำนวณผลรวมแบบมีเงื่อนไขบนโปรแกรม Microsoft Excel

= SUMIFS เป็นสูตรคณิตศาสตร์ จะคำนวณตัวเลขซึ่งในกรณีนี้อยู่ในคอลัมน์ D ขั้นตอนแรกคือการระบุตำแหน่งที่ตั้งของหมายเลข: =SUMIFS(D2:D11, ในคำอื่นๆคุณต้องการให้สูตรรวมตัวเลขในคอลัมน์นั้นถ้าตรงตามเงื่อนไข ช่วงของเซลล์นั้นเป็นอาร์กิวเมนต์แรกในสูตรนี้ซึ่งเป็นส่วนแรกของข้อมูลที่ฟังก์ชันจำเป็นต้องเป็นการป้อนข้อมูล