เครื่องดื่มในข้อใดจึงจะเหมาะสมกับการลดน้ำหนักมากที่สุด

          ทราบมั้ยคะว่า จากประสบการณ์การทำงานของวาวในการให้คำแนะนำด้านการเลือกอาหารให้กับคนที่ต้องการลดไขมันมา สิ่งที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไขมันสะสมเพิ่มมากขึ้นแบบที่เราไม่ค่อยระวังกัน ไม่ใช่เพราะอาหารแต่กลายเป็นเครื่องดื่มค่ะ หลาย ๆ อย่างเราไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้เฮลตี้อย่างที่เราคิด หรือหลาย ๆ อย่างเราอาจจะพอรู้มาบ้าง แต่เราประเมินความสามารถของเครื่องดื่มนั้นที่จะทำให้เราอ้วนต่ำไปค่ะ! วันนี้วาวเลยจะมาแฉเจ้าเหล่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้หมดเลยค่ะ

        เครื่องดื่มที่เราควรห่างไกลไว้ในช่วงที่เราลดไขมัน หรือพยายามให้น้อยยยยยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ มีดังนี้ค่ะ

1. น้ำผลไม้

          ขอแนะนำเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นอันดับแรกเลยค่ะ เพราะด้วยชื่อของมัน สามารถทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่ามันเฮลตี้และเหมาะที่จะทานในช่วงลดไขมันได้ ถึงขนาดที่บางคนทานแทนข้าวเลยด้วยซ้ำเพราะเข้าใจว่า ก็เป็นผลไม้นี่ มีประโยชน์กับร่างกายแน่ ๆ ซึ่งมันก็มีจริง ๆ ค่ะ มีวิตามิน เกลือแร่มากมายในผลไม้ชนิดต่าง ๆ ที่เราเรียกกันว่า Micronutrient ค่ะ เราต้องการวิตามินเกลือแร่เหล่านี้ ถึงแม้จะไม่ได้ต้องการในปริมาณที่มากเหมือนกลุ่มสารอาหารหลักอย่าง โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แต่เราก็ขาดไม่ได้เช่นกันหากต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดี มีระบบฮอร์โมนต่าง ๆ ระบบการทำงานของร่างกายต่างๆทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เราลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพตามไปด้วย

          อ้าว  แล้วเจ้าน้ำผลไม้ผิดตรงไหนคะ ? ผิดอยู่นิดเดียวค่ะ คือนอกจากจะมีวิตามิน เกลือแร่แล้ว สิ่งที่น้ำผลไม้พามาด้วยคือน้ำตาลค่ะ ถึงแม้ว่าน้ำผลไม้ที่เราทานนั้นจะโฆษณาบอกเราว่า "ไม่เติมน้ำตาล" แต่ด้วยความเป็นผลไม้ มันมีน้ำตาลฟรุคโตสด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วค่ะ และถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติ แต่ในช่วงที่เราพยายามลดไขมันกันอยู่ โอกาสที่น้ำตาลจากน้ำผลไม้ที่หวานอร่อยจะเกินและกลายมาเป็นไขมันสะสมแบบเราไม่รู้ตัวมีโอกาสสูงมาก ดังนั้นเราจึงควรทานผลไม้แบบเป็นผล เป็นลูก จะเหมาะสมกว่า เพราะนอกจากจะมีกากใยที่จะทำให้เราอิ่มมากขึ้น อยู่ท้องมากขึ้น และช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายแล้ว การทานผลไม้เป็นลูก ๆ ยังจะชะลอความเร็วและปริมาณในการทานแต่ละครั้งไปโดยปริยาย เช่น เราอาจจะทานส้มได้ครั้งละ 2 ลูก เรารู้สึกสดชื่น พอใจแล้ว แต่การที่เราทานน้ำส้ม 1-2 แก้ว เราอาจจะดื่มน้ำตาลจากส้ม 10 ลูกที่เขาใช้คั้นในคราวเดียวก็เป็นได้ค่ะ ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้คือแคลอรี่ทั้งนั้น แทนที่เราจะลดไขมันได้สำเร็จ กลับต้องมาตกม้าตายเพราะเจ้าน้ำผลไม้ค่ะ

2. น้ำผลไม้ปั่น

          แล้วผลไม้ปั่นล่ะคะ ?  บางครั้งเขาหั่นผักหั่นผลไม้ใส่ถ้วยไว้ เตรียมให้เราเลือกหรือบางครั้งใส่โยเกิร์ตด้วย ดูเฮลตี้มาก ๆ 

        คำตอบคือหลักการเดียวกับน้ำผลไม้ที่อธิบายด้านบนเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีกากใยจากผลไม้มาปั่นด้วย แต่เราอาจจะได้ปริมาณผลไม้มากกว่าปกติที่เราทานเป็นผล หรือร้านค้าอาจจะต้องเติมน้ำแข็งเพื่อให้ปั่นแล้วมีความเป็นเนื้อข้นเหนียว ทีนี้พอเติมน้ำแข็งเข้าไป รสชาติจะถูกเจือจางให้จืดลง ทำให้ต้องใส่น้ำเชื่อมเติมเข้าไปค่ะ ซึ่งอาจจะไม่ใช่น้ำเชื่อมธรรมดา แต่เป็นน้ำเชื่อมแต่งรส/แต่งกลิ่นผลไม้ต่าง ๆ ทำให้เราเข้าใจไปเองว่าได้ทานผลไม้ปั่นที่รสชาติเข้มข้นด้วยตัวของมันเอง และการเติมโยเกิร์ต ก็เป็นโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลสูงมากค่ะ โยเกิร์ตแท้ ๆ ที่เราทุกคนควรทานเพื่อเติมแบคทีเรียที่ดีเข้าสู่ร่างกายคือ โยเกิร์ตที่มีรสเปรี้ยว ไม่มีรสหวาน หรือหวานน้อยมาก เพราะโยเกิร์ตเกิดจากการหมักตามธรรมชาติจนมีแบคทีเรียและทำให้เกิดรสเปรี้ยวค่ะ ดังนั้นการที่ร้านน้ำปั่นเติมโยเกิร์ตเข้าไป (ไม่น่าจะมีร้านน้ำปั่นไหนเติมโยเกิร์ตแท้ หรือถ้ามีราคาจะสูงขึ้นมาก) เป็นการเพิ่มน้ำตาลเข้าไปอีก และถึงแม้จะเป็นผักปั่น หลักการทานผักปั่น ก็ควรต้องมีผักมากกว่าผลไม้เยอะๆ เช่น ใช้ผัก 85-90% มีผลไม้เล็กน้อยเพียง 5-10% เท่านั้น และไม่มีการเติมน้ำเชื่อมเพิ่ม เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลที่จะมากเกินไปค่ะ (อันนี้ในกรณีที่ต้องการลดไขมันนะคะ แต่ถ้าเป็นในกรณีที่ทานผักผลไม้ปั่นเพื่อเพิ่มน้ำหนัก เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางการกีฬา สามารถลดการระวังเรื่องน้ำตาลลงได้ค่ะ) ดังนั้นครั้งต่อไปที่จะทานน้ำผักปั่น ผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ ระวังให้ดีนะคะ ไม่เช่นนั้น อาจกลายเป็นเติมน้ำตาลส่วนเกินเข้าร่างกายแบบไม่รู้ตัวค่ะ

3. เครื่องดื่มเกลือแร่ / sports drink ต่างๆ

          เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่พอใช้ชื่อว่า "sports drink" ก็ดูเหมาะกับคนออกกำลังกายขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ และพาให้หลาย ๆ คนคิดว่า "ฉันก็ออกกำลังกายนี่ พยายามลดน้ำหนักอยู่ เครื่องดื่มอันนี้ทำมาเพื่อฉันอย่างแน่นอน" ซึ่ง ถูกแค่ครึ่งเดียวค่ะ และครึ่งที่ผิดนี่พาเราท้อแท้ไปไม่ถึงเป้ากันมานักต่อนักแล้วค่ะ

          ถูกในส่วนที่ว่า เครื่องดื่มประเภทนี้เหมาะกับคนออกกำลังกายจริง ๆ ค่ะ แต่เป็นกลุ่มที่ออกกำลังกายแบบหนัก ๆ นาน ๆ ทำกิจกรรมหนักต่อเนื่องกันมากกว่าหนึ่งชั่วโมงขึ้นไป เช่น เล่นไตรกีฬา, วิ่ง Full marathon (42.195 กม.) ฯลฯ และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการลดไขมัน แต่ต้องการเติมน้ำตาล เติมเกลือแร่เข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่ม Performance หรือเพื่อเพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกายนั้น ๆ ให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

          ดังนั้นถึงเราจะออกกำลังกายก็จริง แต่เป้าหมายของเรา ณ. ตอนนี้คือลดไขมัน การที่เราพยายามเติมน้ำตาลกลับไปตลอดเวลาที่เราใช้ออก จึงเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่เราจะสร้าง Calories deficit หรือการที่เราใช้แคลอรี่ออกไปให้มากกว่าแคลอรี่ที่เราทานเข้ามา เป็นไปได้ยากค่ะ

4. ชานม กาแฟเย็น โกโก้เย็น และเครื่องดื่มปั่นต่าง ๆ

        ขวัญใจพนักงานออฟฟิศต้องให้กลุ่มนี้เขาเลยค่ะ ความอันตรายเพิ่มขึ้นตามท้อปปิ้งค่ะ วิปครีมเอย โอรีโอปั่นเอย ไข่มุกเอย เติมอะไรเข้ามาเพิ่ม ยิ่งไปกันใหญ่ค่ะ และถ้าปั่นด้วยแล้ว รสชาติจะถูกเจือจางลงด้วยน้ำแข็ง พ่อค้าแม่ค้าจะเติมไซรัปรสต่าง ๆ เติมน้ำเชื่อมอย่างแน่นอน ลำพังตัวของเครื่องดื่มประเภทนี้เองก็น้ำตาลสูงอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีพวกครีมเทียม ไซรัปเติมเข้าไปด้วยอีก แก้วเดียวสามารถไปได้ถึง 500-600 แคลอรี่!  คิดดูสิคะว่าถ้าเราทานทุกวัน และเรามีไขมันส่วนเกินอยู่แล้ว เราเติมทีละ 500 แคลอรี่ทุกวัน สัปดาห์นึงเราจะมีแคลอรี่เกินมา 3,500 แคลอรี่ และถ้าเราทำติดต่อกัน 1 เดือน เราจะมีแคลอรี่เกินมา 14,000 แคลอรี่ค่ะ!  ซึ่งการที่เราสะสมแคลอรี่ 7,700 แคลอรี่ เราจะมีไขมันเพิ่มขึ้นมา 1 กิโลกรัม ดังนั้นเราสามารถน้ำหนักขึ้นได้เกือบสองกิโลในเดือนเดียว เพียงแค่เราดื่มเจ้าเครื่องดื่มพวกนี้วันละแก้วค่ะ ดังนั้นอย่าได้ไปดูถูกอานุภาพของเขาด้วยการบอกตัวเองว่า "แค่วันละแก้วเอง ออกกำลังกายแล้ว ไม่เป็นไรหรอก" เราอาจจะออกกำลังกายเบิร์นไป 400 แคลอรี่ แต่เติมมา 500 แคลอรี่ทุกวัน จบสิ้นเดือน น้ำหนักขึ้นอยู่ดีค่ะ กลายเป็นยิ่งลดยิ่งอ้วนที่แท้ทรู

5. น้ำอัดลมและน้ำหวานต่างๆ

          ความซ่า ความชื่นใจไม่ได้ได้มาแบบเปล่าๆ แต่มาพร้อมกับน้ำตาลค่ะ ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องสามารถที่จะมีน้ำตาลสูงถึง 40 กรัมเลยทีเดียว และในหลาย ๆ ครั้งเราไม่ได้หยุดที่หนึ่งกระป๋องหรือหนึ่งแก้ว น้ำตาลจึงยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ เราใช้เวลาดื่มน้ำอัดลม /น้ำหวานเพียงครู่เดียว แต่พลังงานที่ได้รับอาจจะสามารถเทียบเท่ากับการทานข้าวอีกจานได้เลย ต่างกันตรงข้าวมีวิตามิน เกลือแร่ มีคาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและอยู่ท้องมากกว่า ในขณะที่น้ำอัดลม / น้ำหวานแทบไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์และอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายในช่วงลดไขมันเลยค่ะ

          "แล้วถ้าเราเลือกทานน้ำอัดลมสูตรที่ไม่มีน้ำตาลหรือ 0 แคลล่ะ"  แน่นอน เราหมดกังวลเรื่องน้ำตาลได้ค่ะ แต่ถ้าคุณต้องการที่จะลดไขมันจริง ๆ สิ่งที่เราพูดกันตลอดคือ การพยายามทานสิ่งที่มาจากธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งน้ำอัดลมห่างไกลจากข้อนี้มากค่ะ การจะลดไขมันได้เร็วแบบที่ควรจะเป็น เราต้องพยายามใส่สารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่แคลอรี่ที่รับเข้ามา ยังน้อยกว่าแคลอรี่ที่ใช้ออกไป ดังนั้นต่อให้เป็นน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล เราก็ควรทานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องรับสารสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกายอย่างเป็นประจำแม้จะไม่ได้มีประเด็นเรื่องมีน้ำตาลหรือมีแคลอรี่อยู่ดีค่ะ

6. แอลกอฮอล์

          เบียร์ เหล้า ไวน์ ฯลฯ ค่อนข้างเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูงค่ะ อันที่จริงแล้วแคลอรี่ของแอลกอฮอล์เกือบจะเทียบเท่ากับแคลอรี่ของไขมันเลยนะคะ ไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 แคลในขณะที่แอลกอฮอล์ 1 กรัมจะให้พลังงานถึง 7 แคลค่ะ ดังนั้นทุกครั้งที่เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันเกือบจะเหมือนเราดื่มไขมันไปโดยปริยายค่ะ จึงไม่แปลกที่ผู้ที่เป็นสายดื่มทั้งหลาย จะมีพุงกันเกือบทุกคน ถึงขนาดกับมีชื่อเล่นเรียกพุงประเภทนี้ว่า Beer Belly เครื่องดื่มประเภทนี้ แทบไม่มีวิตามิน เกลือแร่ใดใดที่อยู่ในปริมาณเหมาะสมกับเราในช่วงที่ตั้งใจจะลดไขมันเลยค่ะ ใครที่สังสรรค์บ่อย เป็นนักดื่ม ถ้าอยากที่จะลดไขมันได้ ควรทำใจห่าง ๆ เครื่องดื่มประเภทนี้ไว้ก่อนนะคะ

7. เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่เราไม่ทราบข้อมูลโภชนาการ

          เครื่องดื่มโฮมเมดต่างๆที่มีผู้หวังดีทำมาให้ หรือเสาะหาซื้อมาให้โดยบอกสรรพคุณเราว่า “จะช่วยลดไขมัน” โดยไม่สามารถระบุสารอาหารหลัก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันได้ ไม่มีฉลากโภชนาการชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นน้ำสมุนไพรที่คุณป้าข้างบ้านหวังดีต้มมาให้ หรือ รุ่นพี่ที่ออฟฟิศไปเจอมาในอินเตอร์เน็ตว่าช่วยลดไขมัน ทานแล้วผอม ฯลฯ ขอให้เราหาทางปฏิเสธความหวังดีเหล่านั้นก่อน เพราะน้ำสมุนไพร (ซึ่งตามปกติจะมีรสขม) ต้องใช้น้ำตาลเยอะมากถึงจะสามารถดื่มได้อย่างหวานอร่อยชื่นใจ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง (ขอย้ำอีกทีว่าไม่มีเครื่องดื่มชนิดใดในโลกที่ทานแล้วผอม หุ่นดี มีกล้าม ไขมันหาย) นอกจากจะกลายมาเป็นการเพิ่มแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นให้เราแล้ว ในหลาย ๆ ครั้งอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดีค่ะ

8. เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีข้อมูลโภชนาการ และมีน้ำตาลมากกว่า 10 กรัม

          นมเปรี้ยว โยเกิร์ตพร้อมดื่ม น้ำชา น้ำสมุนไพร น้ำผักรวม นมช็อคโกแลต นมสตรอเบอร์รี่ นมวานิลา นมกล้วย ฯลฯ ที่มีฉลากโภชนาการ เราควรใส่ใจอ่านทุกครั้งเพื่อดูปริมาณน้ำตาล ซึ่งจะมีระบุว่ากี่กรัม ต่อ 1 หน่วยบริโภค เช่น ใน 1 ขวด ระบุว่า 2 หน่วยบริโภค มีน้ำตาล 9 กรัม แสดงว่า 1 ขวดนี้ เราควรทานแบ่งทาน 2 วัน เราถึงจะได้น้ำตาลครั้งละ 9 กรัม แต่ถ้าเราทานหมดในรวดเดียว เราจะได้รับน้ำตาลถึง 18 กรัม  พยายามเลือกเครื่องดื่มที่น้ำตาลต่ำ และโปรตีนสูง เพื่อให้ได้รับคุณค่าทางอาหารที่เหมาะสมค่ะ

          เอาล่ะค่ะ แจกแจงรายละเอียดของเครื่องดื่มที่เราไม่ควรดื่มในช่วงลดไขมันกันแล้ว ลองมาดูในส่วนของเครื่องดื่มที่เรา “ควรดื่ม” ในช่วงที่ลดไขมันกันบ้างค่ะ

1. น้ำ

          การดื่มน้ำให้พอมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อร่างกายของเราซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% น้ำเป็นสิ่งที่ช่วยพาสารอาหารเข้าสู่กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย นับตั้งแต่เมื่อเรารับสารอาหารเข้าไปจนถึงขับถ่าย อวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ต้องการน้ำเป็นส่วนประกอบ เมื่อเรามีปริมาณน้ำที่เหมาะสม ร่างกายจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า อย่าได้ดูถูกความธรรมดาของแค่การดื่มน้ำนะคะ การปรับร่างกายให้สมดุลและส่งเสริมให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกทางจะเป็นตัวช่วยเร่งการลดไขมันให้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ และอย่าลืมว่า วิธีการดื่มน้ำที่ดี คือการคอยเติมเข้าร่างกายไปเรื่อย ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกหิวน้ำ แสดงว่าเราขาดน้ำแล้วค่ะ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับร่างกายคือ 30 - 60 มล. ของน้ำหนักตัว เช่น น้ำหนักตัว 100 กิโลกรัม เราจะต้องการปริมาณน้ำคร่าวๆ 3 - 6 ลิตรค่ะ และเมื่อเรามีกิจกรรมที่เสียเหงื่อมากขึ้น เราต้องดื่มน้ำมากขึ้นค่ะ

2. เครื่องดื่มโปรตีนสูง

          ไม่ว่าจะเป็นนมโปรตีนสูง น้ำเต้าหู้โปรตีนสูง เวย์โปรตีน โปรตีนพืชแบบชง ฯลฯ เครื่องดื่มเหล่านี้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราได้รับโปรตีนครบถ้วนมากขึ้นในกรณีที่เราไม่สามารถรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้อย่างเพียงพอ หรือในเวลาที่เราเร่งรีบ โปรตีนในรูปแบบของของเหลวอาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่าและสะดวกกว่าค่ะ อย่าลืมว่า ในช่วงที่เราต้องการที่จะลดไขมัน สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือการสร้างกล้ามเนื้อค่ะ ซึ่งการจะสร้างได้ ต้องอาศัย 3 ปัจจัย ความเหมาะสมของโปรแกรมออกกำลังกายที่ใช้แรงต้าน, การพักผ่อนที่เพียงพอ และการรับประทานโปรตีนที่จะช่วยซ่อมแซม เสริมสร้างส่วนที่สึกหรอให้มีความแข็งแรงมากขึ้น มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเปรียบเหมือนเรามีเตาเผาไขมันที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นถ้าอยากลดไขมันได้ ต้องอย่าลืมสร้างกล้ามเนื้อค่ะ

3. ชาเขียวร้อน

          ชาเขียว และชาสมุนไพรที่ไม่เติมน้ำตาลต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันค่ะ ด้วยสารอาหารหลาย ๆ อย่างที่มีอยู่ในพืชเหล่านี้ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้อวัยวะและระบบในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น มีแอนตี้ออกซิเดน ลดการอักเสบ ฯลฯ  รวมไปถึงความผ่อนคลายเมื่อได้จิบชาร้อน ๆ การทานชาที่ไม่มีคาเฟอีนก่อนนอน ยังเป็นการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หลับได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ ย่อมส่งผลดีต่อการซ่อมแซม การหยุดพักของระบบต่าง ๆ ทั้งยังส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ

4. กาแฟดำ

          ที่เราพูดกันว่าคนลดความอ้วน ควรลดการทานกาแฟนั้นเราหมายถึง กาแฟเย็น แบบที่ใส่นม น้ำตาล วิปครีม ซึ่งเป็นส่วนที่มีพลังงาน (มีแคลอรี่) ที่มักจะมากเกินความจำเป็น แต่ถ้านับแค่ตัวกาแฟแล้ว ไม่ได้มีแคลอรี่แต่อย่างใดค่ะ เราจึงสามารถเลือกทานกาแฟดำร้อน กาแฟดำเย็น หรือที่เรียกว่าอเมริกาโน่ได้ หรือจะเป็นลาเต้เย็น ลาเต้ร้อนที่เลือกใส่นมสดแบบที่เราใช้ดื่มทาน ไม่เอานมกระป๋อง ไม่เอานมข้นหวาน ไม่เอาครีมเทียม และเลือกแบบไม่หวาน เพื่อมาเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำผึ้งเอง (โดยที่เราเติมเองให้หวานนิดเดียว) แบบนี้เราก็สามารถตัดแคลอรี่ส่วนเกินออกได้ค่ะ

5. น้ำปั่นที่เราทำเอง น้ำแช่ผัก / ผลไม้ (infused water)

          เราสามารถทำเครื่องดื่มที่สดชื่นๆ มีสารอาหารดี ๆ ที่เหมาะสมได้ เช่น ผักไม่มีกลิ่นต่าง ๆ มาปั่นรวมกัน ใส่น้ำมะนาว ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ใส่ผลไม้ที่มีรสหวานแช่แข็งลงไปปั่น กลายเป็นสมูทตี้ที่เปี่ยมด้วยสารอาหาร, กล้วยหอมสุกปั่นใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาล ใส่เกลือเล็กน้อยกลายเป็นเมนูกล้วยปั่นที่รสออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ , น้ำแช่ด้วยเลมอนฝานและใบสะระแหน่แล้วนำไปแช่เย็น หรือ น้ำชาที่แช่ด้วยเบอร์รี่ต่าง ๆ แล้วนำไปแช่เย็น ฯลฯ เหล่านี้สามารถเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติของน้ำเปล่าให้สามารถเติมของเหลวเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเพียงพอ โดยไม่ต้องได้รับส่วนเกินจากน้ำตาลและสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ค่ะ  

          ถ้าเรารู้เท่าทันเจ้าเครื่องดื่มที่ควรระวัง อย่าไปยอมพลาดท่าอ้วนขึ้นแบบไม่รู้ตัวกับสิ่งที่คิดไปเองว่าเฮลตี้หรือบอกกับตัวเองว่า "ก็แค่แก้วเดียว" บวกกับการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแบบที่มีความหนักที่เหมาะสม เป้าหมายตัวเลขไขมันที่ลดลงเรื่อย ๆ และสุขภาพที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ไกลเกินจริงอย่างแน่นอนค่ะ