สูตร (Formula) คืออะไร?Formula หรือ สูตร คือการสั่งให้ Excel คำนวณค่า โดยระบุความสัมพันธ์ระหว่าง Input และ Output Show
ตัวอย่าง ถ้าจะหาพื้นที่สามเหลี่ยม เมื่อรู้ความสูงและความยาวฐานของรูปสามเหลี่ยม เราสามารถใช้ความสัมพันธ์ คือ
หมายเหตุ
องค์ประกอบของการเขียนสูตรตัวอย่างที่เพิ่งกล่าวไปเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการใส่สูตรเท่านั้น จริงๆ แล้ว Input ของสูตรใน Excel สามารถใส่อะไรลงไปได้อีกมากมาย แล้วมันมีอะไรบ้างล่ะ? เรามาดูกันครับ สิ่งที่เราจะใส่ลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับ (=) สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ
ตัวอย่าง ข้อจำกัดของการเขียนสูตรแม้ว่าการเขียนสูตรจะสามารถดึงค่ามาจาก Cell อื่นๆ โดยใช้ Cell Reference ได้อย่างที่บอกไปตอนต้น แต่ว่าการเขียนสูตรไม่สามารถที่จะดึงรูปแบบการแสดงผล หรือ Format จาก Cell อ้างอิงได้ เช่น Cell อ้างอิงมีสีเขียว เราอยากให้ช่องที่กรอกสูตรดึงสีเขียวมาใช้บ้าง แบบนี้ไม่ได้นะครับ!! ดังนั้นหากต้องการที่จะให้ Format ของ Cell เปลี่ยนแปลงได้ อาจต้องใช้วิธีอื่น เช่น Conditional Formatting หรือเขียน VBA สั่งงานเท่านั้น ประเภทของ Operator (ตัวดำเนินการ)
ลำดับความสำคัญของ Operatorสมมติเราใส่สูตรว่า =2+5*3 คุณคิดว่า Excel จะคิดได้เลข 21 (เอา 2+5 ก่อน แล้วค่อยคูณ 3 ) หรือ จะได้ 17 (เอา 5 คูณ 3 ก่อน แล้วบวก 2) ครับ? ที่ถามเพราะจริงๆแล้ว Operator แต่ละตัวมีลำดับความสำคัญไม่เท่ากัน หากเราเผลอใส่สูตรลงไปโดยที่ไม่ได้คิดถึงประเด็นเรื่องนี้ Excel อาจทำงานผิดพลาดไปจากที่คุณคิดได้เลยล่ะ!! เอาล่ะ ถ้าอยากรู้ว่า Excel คำนวณอะไรก่อนหลัง ดูได้ตามนี้เลยครับ
ดังนั้นในตัวอย่าง =2+5*3 จะเห็นว่า เครื่องหมาย * จะถูกคำนวณก่อน + จะได้ =2+15 = 17 ครับ ไม่ต้องห่วงไป หากคุณจำลำดับพวกนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะสาระสำคัญไม่ใช่อยู่ที่เราต้องจำลำดับความสำคัญ แต่อยู่ที่ว่า เราจะต้องรู้ว่า หากเราไม่แน่ใจเรื่องลำดับความสำคัญ อย่าลืมใส่เครื่องหมายวงเล็บครอบลงไปด้วย เพราะเครื่องหมายวงเล็บมีลำดับความสำคัญสูงที่สุด (Excel จะคำนวณในวงเล็บก่อน) นั่นเอง แต่ถ้าอยากจะลองจำประดับสมองซักหน่อย ผมแนะนำให้จำ 3 ตัวที่ใส่สีแดงไว้ให้ครับ เพราะใช้ค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียว การทำงานกับประเภทของ Data ที่แตกต่างกันประเภทของข้อมูลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเวลาเราทำงานกับฟังก์ชั่น หรือ สูตร มันจะทำงานได้ถูกต้องก็ต้องเมื่อเราใช้ประเภทของข้อมูลได้ถูกต้องเท่านั้น เช่น หากฟังก์ชั่นต้องการข้อมูลประเภทตัวเลข เราจะใส่ข้อมูลประเภท Text ลงไปไม่ได้ แม้ว่าหน้าตามันจะเหมือนตัวเลขทุกประการก็ตาม ดังนั้นเราจะต้องมีความรู้ว่าเราจะจัดการข้อมูลประเภทต่างๆ รวมถึงอาจจะต้องแปลงข้อมูลจากประเภทหนึ่งไปยังอีกประเภทหนึ่งอย่างไร Number vs Textข้อมูล Number และ Text เป็นอะไรที่หน้าตาคล้ายกันมากที่สุด จนแทบไม่มีทางดูออกด้วยตาเปล่าได้เลย เราจะต้องใช้ฟังก์ชั่น TYPE มาทดสอบดูจึงจะรู้ (Numberจะออกมาเป็น 1, ส่วน Text เป็น 2) การแปลงข้อมูลระหว่าง 2 ประเภทนี้มีวิธีทำดังนี้ แปลง Text –> Number : ให้นำไป *1 (คูณ 1) ใน A1 มี text ว่า 00056 เราต้องการแปลงให้เป็น Number ในช่อง A2 จะเขียนว่า =A1*1 แปลง Number –> Text : ให้นำไป &”” (เชื่อมด้วย & และเครื่องหมายคำพูด 2 อันติดกัน ) เช่น ใน A1 มี ตัวเลข ว่า 56 เราต้องการแปลงให้เป็น Text ในช่อง A2 จะเขียนว่า =A1&”” สังเกตเรื่องการจัดวางชิดซ้ายชิดขวาให้ดีนะครับ ว่า number จะชิดขวาโดยอัตโนมัติ ส่วน text จะชิดซ้ายโดยอัตโนมัติเช่นกัน Text vs Defined Nameเวลาต้องการเขียนตัวหนังสือในสูตร จะต้องอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (“ ”) มิฉะนั้น Excel จะตีความว่าเป็นชื่อที่ตั้งเอาไว้ (Defined Name) ซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ส่วนช่องที่ว่างเปล่า(ว่างจริงๆ) เราจะแทนด้วยการเขียน “” (เขียนติดกันไม่มีเว้นวรรค) นะครับ Logic vs Numberเมื่อนำค่า TRUE/FALSE ไปใช้กับเครื่องหมายการคำนวณทางคณิตศาสตร์ มันจะกลายเป็นเลข 1 และ 0 ตามลำดับ ซึ่งนิยมอยู่ 2 วิธี คือ
ตัวอย่างการเขียนสูตรหลังจากที่คุณได้เรียนรู้องค์ประกอบของการเขียนสูตรไปทั้งหมดแล้ว คราวนี้มาดูตัวอย่างการเขียนสูตรกันครับ ว่าจะนำองค์ประกอบแต่ละส่วนมารวมกันเป็นสูตรได้ยังไง? ตัวอย่าง 1 : การคำนวณค่านายหน้า สมมติมีคนมาฝากคุณขายของ โดยบอกว่าถ้าขายได้เท่าไหร่ เค้าจะให้คุณ 10% แล้วคุณขายของได้ 3 ชิ้น คือ100, 300, 900 บาทตามลำดับ คุณจะได้ Commission เท่าไหร่? สูตรที่ผิด : =100+300+900*10% ผิด เพราะว่าถ้าไม่ใส่วงเล็บ Excel จะเอา 10% ไปคูณ 900 ตัวเดียว เนื่องจากลำดับความสำคัญของคูณนั้นมาก่อนการบวก สูตรที่ถูก : =(100+300+900)*10% แบบนี้จึงจะบวกกันก่อน แล้วค่อยคูณ ตัวอย่าง 2 : สมการฟิสิกส์ E=mc2 ของไอน์สไตน์ ถ้าผมจะหาพลังงาน E ที่จะได้จากการเปลี่ยนมวล m (กิโลกรัม) ให้กลายเป็นพลังงาน 100% ว่าจะออกมาได้เท่าไหร่? ผมสามารถคำนวณได้ดังนี้ ผมให้มวลอยู่ในช่อง A1, c ความเร็วแสงอยู่ในช่อง B1 สูตร: =A1*B1*B1 หรือจะใช้ =A1*(B1^2) หรือจะใช้
=A1*B1^2 ก็ได้ แค่นี้คุณก็ใช้สูตรของไอน์สไตน์ได้แล้ว เจ๋งมะ! ตัวอย่าง 3 : สมการซับซ้อนมากๆ เช่น คำนวณยอดผ่อนบ้านโดยใช้สมการคณิตศาสตร์ เฮ้ย นี่มันอะไรกัน! เขียนสมการซับซ้อนนี่ไม่สนุกเอาซะเลย… แต่ไม่ต้องห่วง ตัวช่วยอยู่ในบทถัดไปครับ แชร์ความรู้ให้เพื่อนๆ ของคุณ การป้อนสูตรคำนวณจะต้องใช้เครื่องหมายใดนำหน้าเสมอในการสร้างสูตรคำนวณสามารถป้อนสูตรคำนวณได้โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) นำหน้าเสมอถ้าไม่ใส่เครื่องหมายเท่ากับโปรแกรมจะเข้าใจว่าเป็นข้อความ การคำนวณโปรแกรมสามารถคำนวณได้หลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น 1. การคำนวณค่าคงที่ 1. คลิกเลือกเซลล์ที่ใส่สูตร 2. พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) ตามด้วยค่าคงที่ โดยพิมพ์ลงในเซลล์หรือแถบสูตรก็ได้
เครื่องหมายในข้อใดที่เราต้องพิมพ์นำหน้าเสมอ เมื่อต้องการให้เอ็กเซลคำนวณสูตรจะคํานวณค่าตามลําดับที่ระบุ สูตรจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) เสมอ Excel สำหรับเว็บ จะแปลอักขระที่อยู่หลังเครื่องหมายเท่ากับเป็นสูตร ต่อจากเครื่องหมายเท่ากับ คือองค์ประกอบที่จะคํานวณ (ตัวถูกดําเนินการ) เช่น ค่าคงที่หรือการอ้างอิงเซลล์ ซึ่งคั่นด้วยตัวดําเนินการการคํานวณ Excel สำหรับเว็บ คํานวณสูตรจากซ้ายไปขวา ...
เครื่องหมาย ในสูตรการคำนวณ หมายถึงอะไร<= น้อยกว่าหรือเท่ากับ =40<=30 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False. < > ไม่เท่ากับ =40<>40 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False. 3. เครื่องหมายในการเชื่อมข้อความสองข้อความหรือมากกว่านั้น (Text Formula) Page 3 ตารางที่6 เครื่องหมายในการเชื่อมข้อความสองข้อความหรือมากกว่านั้น(Text Formula) เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่างสูตร
หากต้องการใส่สูตรการคำนวณ ต้องทำที่ใดสร้างสูตรอย่างง่ายใน Excel. บนเวิร์กชีต ให้คลิกเซลล์ที่คุณต้องการจะใส่สูตร. พิมพ์ = (เครื่องหมายเท่ากับ) ตามด้วยค่าคงที่และตัวดำเนินการ (สูงสุด 8192 อักขระ) ที่คุณต้องการใช้ในการคำนวณ ตัวอย่างเช่น ให้พิมพ์ =1+1. หมายเหตุ: ... . กด Enter (Windows) หรือ Return (Mac). |