การเลือกซื้อมอเตอร์ไฟฟ้า
การเลือกซื้อมอเตอร์ไฟฟ้า MOTORมอเตอร์ไฟฟ้า MOTOR มีอยู่ทุกที่พบเห็นได้ทั่วไป ตามบ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม เรียกได้ว่าอยู่ทุกซอกทุกมุม แต่ถ้าคุณจำเป็นต้อง การเลือกซื้อมอเตอร์ เองละจะทำยังไง เราจะพาคุณไปเรียนรู้พื้นฐานของมอเตอร์ไฟฟ้าและวิธีการเลือกซื้อที่ถูกต้อง เนื่องจากมีผู้ขายมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะสอบถามว่าคุณต้องการมอเตอร์แบบใด คำถามแรกที่คุณจะเจอคือ มอเตอร์แบบไหนเหมาะสมกับการใช้งานของคุณและมีข้อกำหนดอะไรบ้าง ก่อนอื่นต้องรู้การทำงานของ การเลือกซื้อมอเตอร์ ก่อน มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานโดยการแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลเพื่อให้เกิดการหมุน พลังงานจะถูกสร้างขึ้นภายในมอเตอร์ผ่านปฏิกิริยาระหว่างสนามแม่เหล็กของกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) หรือไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แรงบิดขึ้นอยู่กับกระแสที่เพิ่มขึ้นตามกฎของโอห์มคือ (V = I*R) โดยที่แรงดันไฟฟ้า (Voltage) ต้องเพิ่มขึ้นเมื่อความต้านทานเพิ่มขึ้นในขณะที่กระแสไฟฟ้ายังคงเท่าเดิม มอเตอร์ไฟฟ้ามีการใช้งานในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น เครื่องเป่าลม เครื่องจักรขนาดใหญ่ พัดลม ปั๊ม งานขนาดเล็กที่ต้องใช้การเคลื่อนไหว เช่น หุ่นยนต์ (robotics) หรือโมดูลที่มีล้อแบบต่าง ๆกฎ 3 ข้อในการเลือกซื้อมอเตอร์ไฟฟ้า 1. กระแสไฟฟ้า (Voltage) เป็นสิ่งที่ทำให้มอเตอร์ทำงานได้และกระแสไฟฟ้าที่มากเกินไปจะเกิดความเสียหายกับมอเตอร์ สำหรับมอเตอร์กระแสตรงการใช้งานและมีความสำคัญ ดังนั้นจึงต้องรู้ก่อนว่า มอเตอร์ที่เราจะนำไปใช้ต้องใช้กับ กระแสไฟประเภทใหน เช่น ไฟ 220V (single phase) หรือ ไฟ 380V. (Three phase) ไฟกระแสไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่คือค่าเฉลี่ยของกระแสที่มอเตอร์คาดว่าจะอยู่ภายใต้แรงบิดทั่วไป กระแสไฟฟ้าสถิตย์ใช้แรงบิดเพียงพอสำหรับมอเตอร์เพื่อให้ทำงานที่การหยุดกลางคัน (0 RPM) ต้องควบคุมไม่ให้กระแสไฟฟ้าเกินและควรมีแผงระบายความร้อนเพื่อป้องกันไม่ให้ขดลวดไหม้ 2. แรงดันไฟฟ้า (Current) ใช้เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลไปในทิศทางเดียวกันและเพื่อป้องกันกระแสย้อนกลับ แรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้น แรงบิดที่สูงขึ้น แรงดันไฟฟ้า จะบอกประสิทธิภาพของมอเตอร์ระหว่างทำงาน ต้องแน่ใจว่าใช้ไฟกี่โวล์ หากใช้น้อยไปมอเตอร์ไม่หมุน หากแรงดันไฟมากไปมอเตอร์อาจไหม้ได้การทำงานของมอเตอร์ต้องคำนึงถึงแรงบิดด้วย เพราะงานบางอย่างจำเป็นต้องอาศัยแรงบิดที่เพียงพอ แรงบิดมีความสำคัญมากกว่าความเร็ว 3. ความเร่งหรือความเร็ว (RPM) โดยทั่วไปมอเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความเร็วสูงสุด แต่หากต้องใช้ระบบเกียร์ การเพิ่มเกียร์จะลดประสิทธิภาพของมอเตอร์ดังนั้นโปรดคำนึงถึงความเร็วและแรงบิดที่ลดลงเช่นกัน สิ่งต่างๆที่กล่าวมาเป็นพื้นฐานที่ท่านสามารถนำไปใช้ในการเลือกซื้อมอเตอร์และประยุกต์ใช้งานให้เหมาะสม กระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า แรงบิด ความเร็ว จะเป็นตัวกำหนดว่ามอเตอร์ใดเหมาะสมที่สุด ดังนั้นต้องดูความต้องการของคุณว่าควรใช้แบบไหน 2) วาวด์โรเตอร์มอเตอร์ (Wound Rotor)ะวาวด์โรเตอร์มอเตอร์ มอเตอร์แบบวาวด์โรเตอร์ (Wound-rotor) หรือแบบ Slip-ring จะมีแกนหมุนพันขดลวดที่มีตัวนำไฟฟ้านำไปสู่ Slip Rings เพื่อสอดแทรกตัวความต้านทานไว้เพิ่มแรงบิดในขณะสตาร์ทและลดกระแสใน การสตาร์ทและยังวางใจได้ต่อการลดความเร็วลง 50% ภายใต้แรงบิดขณะรับภาระเต็มที่ มอเตอร์แบบนี้ เหมาะกับอุปกรณ์ขนถ่ายทุกชนิดที่ต้องควบคุมแรงบิดในขณะสตาร์ท มอเตอร์แบบวาวด์โรเตอร์ อาจจะใช้เป็นมอเตอร์ความเร็วคงที่ หรือเป็นมอเตอร์ปรับความเร็วได้ทั้ง 2 แบบ มอเตอร์แบบวาวด์โรเตอร์ สามารถควบคุมแรงบิดในขณะช่วงเวลาการสตาร์ทได้โดยการเพิ่มความต้านทานภายนอก เข้าไปในขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding) ของมอเตอร์ ผ่านทาง Slip Rings ทำให้ สามารถกำหนดโปรแกรมแรงบิด ระหว่างการสตาร์ท ให้เหมาะสมกับมอเตอร์ที่ขับอุปกรณ์ขนถ่ายแต่ละ แบบการขับประเภทนี้ได้มีการใช้กันอย่างกว้างขวางในสายพานลำเลียงขนาดใหญ่ ๆมอเตอร์ไฟฟ้า จะมีหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล โดยถูกจัดเป็นกลุ่มหลัก ๆ อยู่ 2 กลุ่ม คือ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งจะมีการใช้งานระดับปานกลางมีขนาดมอเตอร์ที่ไม่ใหญ่มากนัก และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งถูกใช้งานในวงอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง กรณีของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับนั้นสามารถแยกได้เป็น 2 ชนิด คือ มอเตอร์ซิงโครนัส (Synchronous motor) และมอเตอร์อินดักชั่น (Induction Motor) โดยมอเตอร์อินดักชั่นจะมีการนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด ทั้งนี้มอเตอร์ซิงโครนัสและมอเตอร์อินดักชั่นนั้นก็จะถูกแยกย่อยออกไปได้อีกหลายแบบ เพื่อที่จะได้เลือกนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้และต่อระบบงานให้มากที่สุด มอเตอร์ซิงโครนัส (Synchronous motor) เหมาะสมกับการนำมาใช้งานในระบบที่ต้องการให้มีความเร็วรอบในการหมุนคงที่ และความเร็วรอบย้อนกลับได้ (Reversed-speed) มอเตอร์อินดักชั่น (Induction motor) นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในวงการอุตสาหกรรมและตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยโดยแทบจะกล่าวได้ว่ามีมากที่สุด เนื่องจากมีขั้นตอนในการรับกระแสไฟฟ้าไม่ยุ่งยากมากนัก กล่าวคือ ระบบป้อนกำลังไฟฟ้าจัดให้มีเพียงไฟฟ้ากระแสสลับก็เพียงพอแล้ว ซึ่งไม่เหมือนกับมอเตอร์ซิงโครนัสที่จะต้องมีทั้งไฟฟ้ากระแสสลับขาเข้า และจะต้องมีไฟฟ้ากระแสตรงสำหรับขดลวดกระตุ้นอีกด้วย โดยมอเตอร์อินดักชั่นหรือมอเตอร์เหนี่ยวนำซึ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับนั้นแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับทั่วไป นอกเหนือจากมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับที่เป็นหลักตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว สามารถนำมาแยกเป้นมอเตอร์ชนิดต่างๆ และชนิดพิเศษตามความเหมาะสมในการใช้งานได้ดังนี้
ส่วนกรณีของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงนั้น ก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดขั้วแม่เหล็กขนาน มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดขั้วแม่เหล็กอนุกรม และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดวงจรขั้วแม่เหล็กผสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ เนื่องจากมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย สินค้าแนะนำ !High Efficiency Motor IE2, IE3มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง CMG มาตรฐานออสเตรเลีย ประหยัดค่าไฟ ได้รับฉลากประสิทธิภาพสูง ดูรายละเอียด มอเตอร์กันระเบิด CMGผลิตภัณฑ์มอเตอร์กันระเบิด CMG สำหรับการใช้งานใน Zone1, Zone2 พร้อมใบรับรอง ดูรายละเอียด Promotion !มอเตอร์ Marathon (IEC Standard) ราคาพิเศษ มีทั้งแบบ EFF1 และ EFF2 มีสินค้าพร้อมส่งทันที รับประกันสินค้า 18 เดือน |