เกิดกระแสการตั้งคำถามอย่างหนัก เมื่อมติครม.ประกาศชื่อ กทม. เป็น Krung Thep Maha Nakhon (Bangkok) ตามสำนักงานสำนักงานราชบัณฑิตเสนอ แม้ต่อมาชี้แจงว่า สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ชื่อ ‘มติชน’ ชวนย้อนไปดูหลักฐานชื่อเมืองหลวงของไทย ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ความทรงจำ สู่เอกสารลายลักษณ์ โดยชื่อบางกอกนี้ สันนิษฐานว่า เป็นชื่อเก่าตั้งแต่ก่อนขุดคลองลัดที่มีคลองสาขาเล็กๆ เรียก ‘คลองบางมะกอก’ เพราะมีต้นมะกอกน้ำจำนวนมาก จึงเรียกชื่อพื้นที่ปากคลองเชื่อมแม่น้ำสายเก่าว่า ‘บางมะกอก’ มีวัดของชุมชนเรียก ‘วัดมะกอก’ ซึ่งปัจจุบันคือ วัดอรุณราชวรารามฯ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ชื่อ Bangkok ที่โลกรู้จัก มาจาก บางกอก ชาวต่างชาติรู้จักกรุงเทพ ในนาม บางกอก ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นชุมชนอยู่อาศัย กระทั่งมีความสำคัญขึ้นตามลำดับหลังขุดคลองลัดที่ขยายออกเป็นเส้นทางการคมนาคมใหม่ที่ปลอดภัยระหว่างอ่าวไทยกับกรุงศรีอยุธยา เป็นจุดพักเรือนานาชาติ เติบโตเป็นเมืองในที่สุด โดยรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ครองราชย์ พ.ศ.2091-2111) ยกฐานะ บางกอก ขึ้นเป็นเมือง มีชื่อในทำเนียบหัวเมือง เรียก ‘ธนบุรีศรีมหาสมุทร’ สื่อถึงการอยู่ใกล้ทะเลสมุทรคืออ่าวไทย นามบางกอกในเอกสารต่างชาติปรากฏหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ วัน วลิต หรือ ฟาน ฟลีต พ่อค้าชาวเนเธอร์แลนด์ พ.ศ.2182 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยในตอนหนึ่ง กล่าวถึงนิทานเรื่อง ‘เจ้าอู่ทอง’ มีเนื้อหากล่าวถึงการสร้างเมือง 2 เมืองก่อนสร้างอยุธยา ความว่า ‘พระเจ้าอู่ทองก็ได้สร้างเมืองคองขุดเทียมและบางกอก’ โดยชื่อตามเอกสาร สะกดว่า Chongh Cout Thiam and Bangkocq บางกอก คือ กรุงเทพในปัจจุบัน ส่วน คอขุดเทียม เชื่อกันว่าอาจหมายถึง บางขุนเทียน บนเส้นทางคลองด่านนั่นเอง นอกจากนี้ ในเอกสารของ นิโกลาส์ แชรแวส ทูตฝรั่งเศส ปรากฏคำว่า BANKOC โดยระบุว่า ‘BANKOC เป็นสถานที่อันมีความสำคัญที่สุดแห่งราชอาณาจักรสยามอย่างปราศจากข้อสงสัย..’
ครั้นเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สถาปนาบางกอกขึ้นเป็นเมืองหลวง พระราชทานนามใหม่ให้สอดคล้องกับนามพระพุทธรัตนปฏิมากรว่า ‘กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์’ หมายถึง พระมหานครที่ดำรงรักษาพระมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นแก้วอย่างดีมีสิริอันประเสริฐสำหรับพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ประดิษฐานกรุงเทพมหานครนี้ สำหรับชื่อเรียกในเอกสารร่วมสมัยในช่วงเวลาดังกล่าวคือ ‘กรุงรัตนโกสินทร์อินทรอยุธยา’ อย่างไรก็ตาม ในสมัยรัชกาลที่ 1- รัชกาลที่ 3 ยังปรากฏชื่อกรุงเทพฯ ว่า ‘กรุงเทพมหานคร บวรทวารวดีศรีอยุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์’ ดังเช่นนามเดิมของกรุงศรีอยุธยาที่ว่า ‘กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา’ สุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒนธรรมเชื่อว่า สิ่งนี้สะท้อนว่า คนยุคต้นกรุงฯ ยังเชื่อคติว่า กรุงเทพฯ มีบรรพบุรุษเป็น ‘ทวารวดี’ และ ‘ศรีอยุธยา’
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลงสร้อยนามกรุงเทพฯ จาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ นอกนั้น คงไว้ตามเดิม โคลงสามกรุง พระนิพนธ์ น.ม.ส. พรรณาว่า กรุงเทพมหานครนี้ นามรบิล
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
|