Show สภาพภูมิศาสตร์
๓.๑ แผนผังพระนครศรีอยุธยาที่โธมัส วัลเนอิรา ชาวฝรั่งเศส จัดทำขึ้นพ.ศ. ๒๒๓๐ ในรัชกาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราช การสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พระเจ้าอู่ทองได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีใน พ.ศ. ๑๘๙๓ แล้วขึ้นเสวยราชย์เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์อู่ทองแห่งอาณาจักรอยุธยา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่มีความเจริญรุ่งเรือง มั่นคง มั่งคั่ง และมีความยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นานถึง ๔๑๗ ปี ด้วยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้ ๑. ปัจจัยภายใน • กรุงศรีอยุธยามีภูมิสถานอันเหมาะสม คือ ที่ตั้งเมืองมีแม่น้ำล้อมรอบ ๓ ด้าน นับเป็นชัยภูมิที่ดีที่มั่นคง ป้องกันการโจมตีของข้าศึกได้ • กรุงศรีอยุธยามีดินดีและน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ • กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่บริเวณที่ราบภาคกลาง มีลำน้ำสายต่างๆไหลผ่าน จึงสามารถควบคุมเส้นทางคมนาคม เส้นทางการค้า และเส้นทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐที่อยู่เหนือขึ้นไปตอนในกับเมืองท่าชายฝั่งทะเลได้ ๒. ปัจจัยภายนอก ในช่วงเวลานั้นเขมรหมดอิทธิพลที่เคยมีในดินแดนไทย จนกระทั่งไม่สามารถต้านทานกองทัพไทยที่เข้าไปตีเขมรได้
๓.๒ พระเจ้าอู่ทอง ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พระนามพระมหากษัตริย์ของอยุธยา ๑. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ๑๘๙๓ - ๑๙๑๒ ๒. สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ ๑) ๑๙๑๒ - ๑๙๑๓ ๓. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) ๑๙๑๓ - ๑๙๓๑ ๔. สมเด็จพระเจ้าทองลัน (เจ้าทองจันทร์) ๑๙๓๑ - ๑๙๓๑ สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ ๒) ๑๙๓๑ - ๑๙๓๘ ๕. สมเด็จพระรามราชาธิราช ๑๙๓๘ - ๑๙๕๒ ๖. สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครินทราธิราช) ๑๙๕๒ - ๑๙๖๗ ๗. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ๑๙๖๗ - ๑๙๙๑ ๘. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ๑๙๙๑ - ๒๐๓๑ ๙. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ๒๐๓๑ - ๒๐๓๔ ๑๐. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ (พระเชษฐาธิราช) ๒๐๓๔ - ๒๐๗๒ ๑๑. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (หน่อพุทธางกูร) ๒๐๗๒ - ๒๐๗๖ ๑๒. พระรัษฎาธิราช ๒๐๗๖ - ๒๐๗๗ ๑๓. สมเด็จพระไชยราชาธิราช ๒๐๗๗ - ๒๐๘๙ ๑๔. พระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า) ๒๐๘๙ - ๒๐๙๑ ขุนวรวงศาธิราช ๒๐๙๑ - ๒๐๙๑ ๑๕. สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา) ๒๐๙๑ - ๒๑๑๑ ๑๖. สมเด็จพระมหินทราธิราช ๒๑๑๑ - ๒๑๑๒ ๑๗. สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ๒๑๑๒ - ๒๑๓๓ ๑๘. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๒๑๓๓ - ๒๑๔๘ ๑๙. สมเด็จพระเอกาทศรถ ๒๑๔๘ - ๒๑๕๓ ๒๐. พระศรีเสาวภาคย ์ ๒๑๕๓ - ๒๑๕๔ ๒๑. สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ๒๑๕๔ - ๒๑๗๑ ๒๒. สมเด็จพระเชษฐาธิราช ๒๑๗๑ - ๒๑๗๒ ๒๓. พระอาทิตยวงศ์ ๒๑๗๒ - ๒๑๗๒ ๒๔. สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ๒๑๗๒ - ๒๑๙๙ ๒๕. สมเด็จเจ้าฟ้าไชย ๒๑๙๙ - ๒๑๙๙ ๒๖. สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา ๒๑๙๙ - ๒๑๙๙ ๒๗. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑ ๒๘. สมเด็จพระเพทราชา ๒๒๓๑ - ๒๒๔๖ ๒๙. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ๒๒๔๖ - ๒๒๕๑ ๓๐. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๙ (พระเจ้าท้ายสระ) ๒๒๕๑ - ๒๒๗๕ ๓๑. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ๒๒๗๕ - ๒๓๐๑ ๓๒. สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) ๒๓๐๑ - ๒๓๐๑ ๓๓. สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ๒๓๐๑ - ๒๓๑๐ พัฒนาการของรัฐ รัฐอยุธยามีพัฒนาการดังนี้ ๑. สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๙๙๑) ๒. สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๐๓๑) ๓. สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๐๓๑ - ๒๑๓๓) ๔. สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. ๒๑๓๓ - ๒๑๕๓) ๕. สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.๒๑๕๔ - ๒๒๓๑) ๖. สมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๓๑๐) สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ.๑๘๙๓ - ๑๙๙๑) ในสมัยนี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านมองว่าพัฒนาการของอยุธยาในยุคแรกเป็นผล มาจากการแข่งขันทางการเมืองของสองราชวงศ์ คือ ราชวงศ์เชียงราย และราชวงศ์สุพรรณภูมิ ลักษณะทางการเมืองเช่นนี้ทำให้อยุธยาขากเอกภาพ จนในที่สุด ราชวงศ์ของสมเด็จพระเจ้าอู่ทองก็ถูกกำจัดลงในสมัยสมเด็จพระอินทราชา ทำให้ราชวงศ์สุพรรณภูมิมีอำนาจแต่เพียงราชวงศ์เดียว เศรษฐกิจ : ในสมัยนี้มีการติดต่อสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ปรากฏหลักฐานในพงศาวดารว่า สมเด็จพระอินทราชา เมื่อครั้งเป็นเจ้าเมืองสุพรรณภูมิได้เสด็จไปเฝ้าจักรพรรดิจีนด้วยตนเอง เนื่องจากจีนเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ในขณะนั้น ราชวงศ์สุพรรณภูมิได้เล็งเห็นความสัมพันธ์ทางการทูตจึงส่งทูตไปเฝ้าจักรพรรดิจีนอย่างต่อเนื่อง และการที่จีนรีบทูตจากเจ้าเมืองใดก็เหมือนเป็นการรับรองว่าเจ้าเมืองนั้นได้รับสิทธิ ในการเป็นผู้ปกครองดินแดนนั้น การเมืองการปกครอง ๑. ทิศตะวันออก ได้แก่ กัมพูชา และกลุ่มเมืองอิสระในที่ราบสูงโคราช คือ พิมาย พนมรุ้ง และเมืองพุทรา ๒. ทิศเหนือ ได้แก่ รัฐสุโขทัย ๓. ทิศใต้ ได้แก่ รัฐทางแหลมมลายู แคว้นนครศรีธรรมราช ๔. ทิศตะวันตก ได้แก่ หัวเมืองท่าเมืองฝั่งตะวันออก ประกอบด้วยทวาย มะริด และตะนาวศรี รูปแบบกาาปกครอง ได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๔ เขต คือ : ๑. ราชธานี ได้แก่ กรุงศรีอยุธยาและบริเวณโดยรอบ พระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครองโดยตรง มีกรมสำคัญ ๔ กรม คือ เวียง วัง คลัง นา ทำหน้สที่บริหาร กรมทั้ง ๔ นี้รวมเรียกว่า "จตุสดมภ์" แปลว่า "หลักทั้ง ๔" ๒. เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กรุงศรีอยุธยา มีขุนนางไปปกครองและให้ขึ้นตรงต่อเมืองหลวง ๓. เมืองต่าง ๆ ในดินแดนแกนกลางของราชอาณาจักร มีฐานะเป็น "เมืองลูกหลวง" หรือ "เมืองหลานหลวง" เป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรราชธานีจะส่งพระราชโอรสหรือ เจ้านายชั้นสูงไปปกครอง ๔. เมืองประเทศราช มีเจ้าเมืองเดิมเป็นผู้ปกครอง และจะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้อยุธยา ตามระยะเวลาที่กำหนด สภาพสังคม ในสมัยอยุธยา คนในสังคมแบ่งเป็น ๕ กลุ่ม ได้แก่ ๑. พระมหากษัตริย์ ทรงมีฐานนะเป็นเทพเจ้า หรือ "เทวราชา" ตามคติและอิทธิพลที่ได้รับจากขอมและอินเดีย ๒. มูลนาย มีทั้งชายและหญิง เป็นคนหลายกลุ่ม ตั้งแต่เจ้านาย เชื่อพระวงศ์ ขุนนาง ๓. พระสงฆ์ มีฐานะเป็นชนชั้นพิเศษเพราะเป็นผู้ให้ความรู้ ทั้งการศึกษาและการสืบทอด พระพุทธศาสนา ๔. ไพร่ หมายถึง ราษฎรทั้งหญิงและชายซึ่งถือว่าศักดินา ระหว่าง ๑๐-๒๕ ไร่ ถือเป็นคนส่วนใหญ่ ในสังคมอยุธยา ปัจจัยใดที่ทำให้พระเจ้าอู่ทองทรงเลือกที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี2. เพราะเหตุใดพระเจ้าอู่ทองจึงเลือกตังกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เพราะมีชัยภูมิทีเอืออํานวยทังในด้านความมันคงปลอดภัยจากข้าศึกและความอยู่ดีกินดีของ ประชาชน คือตังอยู่บนดินดอนสามเหลียมทีมีแม่นําล้อมรอบ ตัวเมืองมีลักษณะเป็นเกาะ สะดวกในการป้องกันตัวเมืองจากผู้เข้ามารุกราน และพืนทีเหมาะแก่การเกษตรกรรม อีกทัง เป็นศูนย์กลาง ...
เพราะเหตุใดจึงมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีนั้น จากการศึกษาทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าเกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มอำนาจ 2 กลุ่ม ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คือแคว้นละโว้-อโยธยา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผู้คนในกลุ่มนี้ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและการเมืองจากอาณาจักรเขมรโบราณ ...
ทำเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาก่อให้เกิดผลอย่างไรด้วยทำเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาที่มีลักษณะเป็นเกาะเมืองมีแม่น้ำที่สำคัญ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน รวมทั้งเป็นชุมทางคมนาคม และเป็นปราการธรรมชาติในการป้องกันข้าศึก ศัตรู กรุงศรีอยุธยาจึงเป็นราชธานีใหญ่สามารถกุมอำนาจเหนือเมืองใกล้เคียงเป็นเวลานาน
|