สะพานเซนเดรีย (Cendere Bridge) เป็นสะพานโรมันที่มีองค์ประกอบแบบอาร์กโค้งได้สัดส่วนสวยงาม สร้างขึ้นข้ามคลองชาบินาส (Chabinas Creek) ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี เป็นสะพานใหญ่อันดับสองของจักรวรรดิโรมันที่ยังหลงเหลืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เป็นสะพานที่เรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ สร้างขึ้นจากหินทั้งหมด 96 ก้อน แต่ละก้อนหนักประมาณ 10 ตัน นอกจากอาร์โค้งที่เห็นเด่นชัดแล้ว ตรงเชิงสะพานทั้งสองด้าน ปรากฏเสาโรมันแบบดอริกตั้งอยู่ อันเป็นลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบโรมัน Show อารยธรรมโรมันกรกฎาคม 03, 2562 อารยธรรมโรมันลักษณะทางภูมิศาสตร์ของโรมันมีที่ราบอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์เพาะปลูกได้เต็มที่ หุบเขาใกล้เคียงมีป่าไม้และเหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์ ที่ตั้งของกรุงโรมอยู่ห่างจากทะเล 15 ไมล์ เหมาะกับการทำการค้าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กรุงโรมตั้งอยู่ในทำเลที่ความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ คือ สามารถใช้แม่น้ำเป็นเส้นทางคมนาคม มีภูเขาและหนองน้ำกีดขวางผู้บุกรุก การสร้างถนนที่มั่นคงถาวรไปยังดินแดนที่ยึดครอง ทำให้เกิดความคล่องตัว การขยายกองทัพและการคมนาคมขนส่ง การสร้างถนนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายอำนาจและสร้างความมั่นคงให้กับจักรวรรดิโรมัน ลัทธิความเชื่อ ๑. เทพประจำบ้าน ครอบครัวชาวโรมันส่วนใหญ่มีหิ้งบูชาเล็กๆอยู่ในบ้านเพื่อพวกเขาจะได้บูชาเทพเจ้าและวิญญาณต่างๆหิ้งบูชารูปร่างคล้ายโบสถ์เรียกว่า ลาราเรียม เทพประจำบ้านมี ๒ องค์ คือ ลาเรส และเพนาเทส สาเลส คือ วิญญาณของบรรพบุรุษ ส่วนเพนาเทสจะคอยดูและตู้เก็บอาหารภายในบ้าน มีการสวดมนต์อยู่ทุกวัน และจะมีการสวดพิเศษสำหรับวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิดและวันแต่งงาน เป็นต้น
เทพเจ้าโรมันที่สำคัญๆหลายองค์นั้นนำมาจากกรีก เทพเจ้าบัคคัส หรือเทพเจ้าแห่งไวน์นั้นถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเทพเจ้าไดโอไนซัส เพเอธีนา ของกรีกหรือเทพีแห่งปัญญาและงานฝีมือถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเทพีมิเนอร์วา เทพเจ้าที่สำคัญที่สุดคือเทพเจ้าแห่งสงคราม คือ เทพเจ้ามาร์ และเทพเจ้าจูปีเตอร์ ซึ่งเป็นเทพเแห่งปวงเทพและเทพแห่งท้องฟ้าและแสงสว่าง ศิลปะโรมัน (พ.ศ.340 - พ.ศ.870) แหล่งอารยธรรมสำคัญของโรมัน คือ อารยธรรมกรีกและอีทรัสกันจิตรกรรม จิตรกรรมของโรมัน อาศัยจากการค้นคว้าข้อมูลจากเมืองปอมเปอี สตาบิเอ และเฮอร์คิวเลนุม ซึ่งถูกถล่มทับด้วยลาวาจากภูเขาไฟวิสุเวียส เมื่อ พ.ศ. 622 และถูกขุดค้นพบในสมัยปัจจุบัน จิตรกรรมฝาผนังประกอบด้วยแผงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมักเลียนแบบหินอ่อน เป็นภาพทิวทัศน์ ภาพคน และภาพเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมมีการใช้แสงเงา และกายวิภาคของมนุษย์ชัดเจน เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกับกาวน้ำปูนและสีขี้ผึ้งร้อน นอกจากการวาดภาพ ยังมีภาพประดับด้วยเศษหินสี (Mosaic) ซึ่งใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งบนพื้นและผนังอาคาร ประติมากรรม ประติมากรรมของโรมัน รับอิทธิพลมากจากชาวอีทรัสกันและกรีกยุคเฮเลนิสติก แสดงถึงลักษณะที่ถูกต้องทางกายภาพ เป็นแบบอุดมคติที่เรียบง่าย แต่ดูเข้มแข็งมาก ประติมากรรมอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ ประติมากรรมรูปนูนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ มีรายละเอียดของเรื่องราว เหตุการณ์ถูกต้อง ชัดเจน ประติมากรรมโรมันในยุคหลัง ๆ เริ่มเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนามากเป็นพิเศษ วัสดุที่ใช้สร้างประติมากรรมของโรมันมักสร้างขึ้นจาก ขี้ผึ้ง ดินเผา หิน และสำริด สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมโรมัน ได้แก่อาคารต่าง ๆ ส่วนมากเป็นรูปทรงพื้นฐาน วัสดุที่ใช้สร้างอาคารได้แก่ ไม้ อิฐ ดินเผา หิน ปูน และคอนกรีต ซึ่งชาวโรมันเป็นชาติแรกที่ใช้คอนกรีตอย่างกว้างขวาง และพัฒนารูปแบบออกจากระบบเสาและคาน ไปสู่ระบบโครงสร้างวงโค้ง หลังคาทรงโค้ง หลังคาทรงกลม และหลังคาทรงโค้งกากบาท มีการนำสถาปัตยกรรมที่สำคัญของกรีกทั้ง 3 แบบ มาเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงให้วิจิตรบรรจงขึ้นชาวกรีกใช้เสาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้าง แต่ชาวโรมันมักจะเพิ่มการตกแต่งลงไป โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ทางโครงสร้างเท่าไรนัก ลำเสาของกรีกจะเป็นท่อน ๆ นำมาวางซ้อนต่อกันขึ้นไป แต่เสาของโรมันจะเป็นเสาหินท่อนเดียวตลอด รูปแบบอนุสาวรีย์ที่พบมากของโรมัน คือ ประตูชัย เป็นสิ่งก่อสร้างตั้งอิสระประดับตกแต่งด้วยคำจารึก และรูปนูนบรรยายเหตุการณ์ที่เป็นอนุสรณ์ สถาปัตยกรรมที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของโรมัน คือ สะพานส่งน้ำ ซึ่งใช้เป็นทางส่งน้ำจากภูเขามาสู่เมืองต่าง ๆ ของชาวโรมันเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมของโรมันอย่างเห็นได้ชัด สถาปัตยกรรมโรมัน ในช่วง พ.ศ. 600 - 873 ได้สะท้อนให้เห็นความมั่งคั่งและอำนาจของจักรวรรดิโรมัน อาคารสถาปัตยกรรมมีขนาดกว้างใหญ่ และมีการตกแต่งอย่างฟุ่มเฟือย มีการควบคุมทำเลที่ตั้ง การจัดภูมิทัศน์อย่างพิถีพิถัน มีการสร้างลานชุมนุมชาวเมือง โรงมหรสพหรือสนามกีฬา โรงอาบน้ำสาธารณะ และอาคารที่พักอาศัยต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ภายในอาคารมักประดับด้วยหินอ่อน หินสี และประติมากรรมแกะสลักตกแต่งอย่างสวยงาม โฟรัม (Forum) เป็นย่านชุมนุมชน สถานที่ราชการ ตลาด โฟรัมจะมีลักษณะเป็นลานกว้างแต่บางแห่งอาจจะมีหลังคา บริเวณรอบๆจะรายล้อมด้วย อาคาร สถานที่ราชการ วิหาร หอสมุด ที่มีชื่อเสียงในสมัยจักรวรรดินี้คือ โฟรัมของทราจัน (Forum of Trajan) วิหาร (Temple) ที่สำคัญในยุคจักรวรรดิต้นคือ วิหารแพนเธออน(Pantheon) สร้างขึ้นราว 27-25 BC.โดยจักรพรรดิมาร์คุส วิบซานิอุส อะกริบปา บาซิลิกา (Basilica) เป็นชื่อเรียกอาคารขนาดใหญ่ซึ่งใช้เป็นศาลยุติธรรมและอาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่มีชื่อเสียงมากคือ บาซิลิกา อุลปิอา (Basilica Ulpia) และบาซิลิกาโนวา (Basilica Nova) สะพานและท่อส่งน้ำ (Bridges and Aqueduct) การทำท่อน้ำมีทั่วไปในอาณาจักรโรมันเพื่อบริการน้ำสะอาดแก่ประชาชน บางแห่งต้องลำเลียงน้ำผ่านหุบเขาและที่ลุ่ม ท่อน้ำที่มีสะพานรองรับยกระดับน้ำผ่านหุบเขาและที่ลุ่มที่มีชื่อเสียงมากคือ Pont Du Gard ที่เมืองนิมส์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีช่วงที่ข้ามช่องเขาหลายตอนด้วยกัน การก่อสร้างแบบประตูโค้ง โรงละครและสนามกีฬา (Theatres and Amphitheatres) เป็นสถานที่พักผ่อนชมกีฬา ชาวโรมันมีด้วยกันหลายแห่งแห่งที่มีชื่อคือ Colosseum เป็นโรงมหรสพรูปวงกลมที่มีอัฒจันทร์ล้อมรอบ สำหรับเกมกีฬาต่อสู้และความบันเทิงของสาธารณชน ประตูชัย (Triumphal Arch) สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะจากสงคราม สร้างโดยจักรพรรดิ์ นิยมสร้างคร่อมถนนโดยทำเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ตรงกลางทำเป็นทางลอดและประตูโค้ง บริเวณส่วนหน้าและหลังประดับด้วยประติมากรรมและข้อความจารึกเหตุการณ์หรือวีรกรรมของผู้สร้างที่ได้ชัยชนะจากสงคราม มรดกของอารยธรรมโรมัน ด้านวิทยาการต่างๆ ชาวโรมันไม่ได้พัฒนาความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์มากนัก แต่ได้สร้างคุณูปการสำคัญให้แก่ชาวโลกซึ่งได้แก่การรวบรวมและบันทึกวิทยาการต่างๆ ที่ได้รับมาและตกทอดเป็นมรดกแก่ชาวโลก เช่น ตำราด้านการแพทย์ ดาราศาสตร์ เกษตรศาสตร์ สัตวแพทย์ ฯลฯ อย่างไรก็ตามการแพทย์และสาธารณสุขของโรมันนับว่าก้าวหน้ามาก แพทย์โรมันสามารถผ่าตัดรักษาโรคได้หลายโรค โดยเฉพาะการผ่าตัดทำคลอดทารกจากทางหน้าท้องของมารดา ซึ่งเรียกว่า ศัลยกรรมซีซาร์ (Caesarean Operation) นอกจากนี้ยังมีการสร้างโรงพยาบาลระบบบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล วิถีชีวิตของชาวโรมัน ความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมัน ทำให้ชนชั้นสูงชาวโรมันและผู้มีฐานะมั่งคั่งดำรงชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา ทั้งการสร้างคฤหาสน์ที่โอ่อ่า สุขสบาย มีสิ่งบำเรอความสะดวกครบถ้วน ลักษณะเด่นที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่หรูหราของชาวโรมันคืออ่างอาบน้ำ ซึ่งมีทั้งที่อยู่ในบ้านและที่อาบน้ำสาธารณะ ในทางตรงข้ามประชาชนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน โดยเฉพาะในกรุงโรมมีคนจนจำนวนมากซึ่งมีชีวิตยากจน ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างและขาดสวัสดิการ ลักษณะเช่นนี้สะท้อนถึงปัญหาสังคมของเมืองใหญ่ที่เจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุ แต่มักประสบปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยสรุป อารยธรรมสมัยโบราณคือเมโสโปเตเมียและอียิปต์ แม้จะมีแหล่งกำเนิดอยู่ในเขตทวีปเอเชียและทางตอนเหนือของแอฟริกา แต่ความเจริญส่วนใหญ่กลับเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตก เนื่องจากกรีกและโรมันรับเอาความเจริญของอารยธรรมอียิปต์และเมโสโปเตเมียไปพัฒนาและผสมผสานกลมกลืนเป็นอารยธรรมของตน ซึ่งได้ลืบทอดไปสู่ทวีปยุโรปพร้อมกับการขยายตัวของจักรวรรดิโรมัน ทำให้อารยธรรมตะวันตกหล่อหลอมขึ้นจากความหลากหลาย ส่วนอารยธรรมจีนและอินเดียเป็นอารยธรรมหลักของอารยธรรมตะวันออกโบราณที่ได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกไม่มากนัก เป็นพลให้พัฒนาการของอารยธรรมตะวันออกและอารยธรรมตะวันตกในเวลาต่อมาต่างมีเอกลักษณ์ของตนเอง
|