อุปติสสะได้ดวงตาเห็นธรรมคืออะไร

    �����件֧��ҹ������ǡ��Դ �ѡ�ѹ�ԡҾҸ ��� �ä��ͧ��ǧ ���㹤׹��� ����ҷ���ҹ���ѧ�ҾҸ������ �����ȹ��ô��ôҨ��������ʴһѵ�Լ� �����������觢ͧ�׹����͹ �� ��ҹ��Ѻ�ѹ���ԹԾ�ҹ ����觢�鹾�Шع�м���ͧ��¡��������Ѻ�ҵԷӬһ��Ԩ����Тͧ��ҹ �������ѰԸҵع�件��¾�к����ʴ� ��觾��ͧ���зѺ���� � ���વ�ѹ�������� ����ͧ���ѵ�� ��оط�ͧ���ô�����਴��� ��è��ѰԸҵآͧ��������� � ���વ�ѹ�������ù��

- ณ กรุงราชคฤห์นี้เอง เด็กหนุ่มสองคน ซึ่งเป็นศิษย์ของนักปรัชญาเมธี ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งชื่อ สัญชัย เวลัฏฐบุตร โดยพระอัสสชิได้แสดงธรรมให้อุปติสสะว่า
"ทุกสิ่งจากเหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุของสิ่งเหล่านั้น และการดับเหตุของสิ่งเหล่านั้น"อุปติสสะได้ฟังก็เกิด "ดวงตาเห็นธรรม" จึงกราบลาท่าน แล้วรีบไปบอกข้อความที่ตนได้ฟังมาแก่โกลิตะทราบ โกลิตะได้ฟังก็เกิด"ดวงตาเห็นธรรม" เด็กหนุ่มสองคนจึงมาขอบวชเป็นสาวกพร้อมกัน และมีชื่อเรียกทางพระศาสนาว่า พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ ตามลำดับ
- หลังจากบวชได้ 7 วัน พระโมคคัลลานะได้ไปบำเพ็ญสมาธิอยู่ที่ กัลลวาลมุตตคาม ใกล้เมืองมคธ รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน แก้อย่างไรก็ไม่หาย จนพระพุทธเจ้าเสด็จไปตรัสบอกวิธีเอาชนะความง่วงให้ พร้อมประทานโอวาทว่าด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่น ให้ใช้ปัญญาพิจารณาเวทนา (ความรู้สึก) ทั้งหลายว่า เป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้แน่นอน จบพุทธโอวาท พระโมคคัลลานะก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์- หลังจากบวชได้ 15 วัน พระสารีบุตรได้ถวายงานพัดพระพุทธเจ้า ขณะพระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดทีฆนขะปริพาชก (นักบวชไว้เล็บยาว) อยู่ที่ถ้ำสุกรขาตา เชิงเขาคิชฌกูฏ ท่านพัดวีพระพุทธองค์พลางคิดตามพระโอวาทของพระพุทธเจ้าไปด้วย เมื่อจบพระธรรมเทศนาก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์- ทั้งสองท่านได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธเจ้าให้เป็นพระอัครสาวก โดยพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา มีความเป็นเลิศกว่าผู้อื่นทางปัญญา และพระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย มีความเป็นเลิศกว่าผู้อื่นทางฤทธิ์มาก
���ҹء���ط���ʹ� ��Ѻ�������Ѿ�� ��о����س��ó� (�.�. ��ص��) ��и����Ԯ� (����ط�� ��ص��)������������ä��Ҥ���� � �ǧ����繸��� �
����������������������š�ä��� : ��辺�����͢�ͤ�������ͧ���. ���������������������(�ô��Ǩ�ͺ����С�)
��������鹤� ���͢�ͤ��� : [v_seek.php]��������ͤ���������������ǹ�������´���
������������������������ͤ��Ҩҡ���ҹء���ط���ʵ�� ��Ѻ�����Ÿ��� ��о����س��ó� (�.�. ��ص��)
��и����Ԯ� (����ط�� ��ص��)��������鹤� ���͢�ͤ��� : [d_seek.php]��������ͤ���������������ǹ�������´���

พระสารีบุตรพบพระอัสสชิ เมื่อพระอัสสชิแสดงธรรมแก่พระสารีบุตร พระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบัน เมื่อพระสารีบุตรกลับมาเล่าเรื่องที่ตนพบพระอัสสชิให้พระโมคัลลานะฟัง พระโมคคัลลานะก็เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบัน

พระมหาโมคคัลลานะ มีชื่อเดิมว่าโกลิตะ ส่วนพระสารีบุตร มีชื่อเดิมว่าอุปติสสะ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเป็นบุตรแห่งสกุลผู้มั่งคั่งเหมือนกัน ทั้งสองรู้สึกเบื่อชีวิตการครองเรือนที่วุ่นวาย จึงพาบริวารไปขอบวชอยู่ในสำนักสัญชัยปริพพาชก เรียนลัทธิของสัญชัยได้หมด จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยสอนหมู่ศิษย์ต่อไป แต่ทั้งสองยังไม่พอใจในคำสอนของสัญชัยปริพาชก เพราะไม่ใช่แนวทางที่ตนต้องการ จึงตกลงกันที่จะแสวงหาอาจารย์ที่สามารถชี้แนะแนวทางที่ดีกว่านี้ หากใครได้โมกขธรรมก่อน ก็ให้บอกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง

เช้าวันหนึ่ง สารีบุตรปาริพาชกเห็นท่านพระอัสสชิกำลังบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ มีมรรยาทน่าเลื่อมใส นัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ คิดในใจว่าภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้ได้บรรลุพระอรหัตมรรคเป็นแน่ จึงเดินตามไปเรื่อย ๆ เพื่อรอให้ท่านบิณฑบาตเสร็จ แล้วเข้าไปหาพระอัสสชิ ถามท่านว่าท่านบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร ซึ่งพระอัสสชิตอบว่า ท่านบวชเฉพาะพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น  พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดาของท่าน และท่านชอบใจธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

พระอัสสชิได้แสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคตามที่สารีบุตรปาริพาชกขอ ว่าธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ดวงตาเห็นธรรม ได้เกิดแก่สารีบุตรปาริพาชกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา บรรลุพระโสดาบัน

เมื่อสารีบุตรปริพาชกพบโมคคัลลานปริพาชก ก็เล่าเรื่องที่ได้พบพระอัสสชิ รวมถึงกล่าวธรรมที่พระอัสสชิทรงแสดงแก่ตน  โมคคัลลานปริพาชกมีดวงตาเห็นธรรม บรรลุพระโสดาบัน