Show 16 มิถุนายน 2564 1. ชื่อคู่สัญญาชื่อสัญญาแต่ละฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะต้องระบุในสัญญา เพราะเป็นการแสดงให้ทราบว่าผู้ที่ตกลงทำสัญญากันนั้น เป็นใครบ้าง ทั้งนี้ผู้มีชื่อในสัญญาว่าเป็นคู่สัญญาจะมีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันตัวอย่างสัญญาระหว่าง นาย A “ผู้ให้เช่า” กับ นาย B ซึ่งเป็น “ผู้เช่า” ต้องระบุสัญญา โดยมีข้อความว่า สัญญานี้ทำขึ้นระหว่างนาย A ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า“ผู้ให้เช่า” กับนาย B ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้เช่า” เป็นต้น ในกรณีที่เป็นสัญญานิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นสวนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่น ในสัญญาต้องระบุชื่อนิติบุคคลและผู้รับมอบอำนาจซึ่งมีอำนาจทำการแทน 2. วัน เดือน ปี ในการทำสัญญาการระบุวันในการทำสัญญา จะช่วยให้คู่สัญญาได้รู้กำหนดระยะเวลาในการบังคับตามสัญญาได้อย่างชัดเจนแน่นอนป้องกันข้อขัดแย้งในการบังคับชำระหนี้ตัวอย่างหากสัญญากู้เงินทำขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2551 และระบุไว้ว่า ผู้กู้จะต้องชำระหนี้ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา วันที่บังคับชำระหนี้ตามสัญญาคือวันที่ 1 เมษายน 2551 3. สถานที่ในการทำสัญญาสาระสำคัญในการทำสัญญาจะมีความสมบูรณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น ในสัญญาต้อง ระบุถึงสถานที่ในการทำสัญญา และสถานที่ในการชำระหนี้ กรณีที่สัญญาไม่ได้ระบุเรื่องศาลที่จะฟ้องร้อง บังคับคดีไว้ หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น แต่ได้ระบุสถานที่ในการทำสัญญาไว้ อย่างน้อยก็จะช่วยให้สัญญามีความชัดเจน เมื่อโจทก์ประสงค์จะฟ้องคดีศาลที่มีมูลคดีเกิดขึ้นจะต้องฟ้องต่อศาลใด ทั้งนี้ โจทก์อาจฟ้องต่อศาล ที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลก็ได้เช่นในสัญญาชื้อขายอาจระบุให้ผู้ขายต้องส่งมอบสินค้าที่สถานที่ของผู้ซื้อหรืออาจจะให้ผู้ซื้อต้องไปรับมอบสินค้าที่สถานที่ของผู้ขายก็ได้ ซึ่งสถานที่ไนการชำระหนี้ มีผลต่อค่าใช้จ่ายของสัญญา เช่น ขนส่ง เป็นต้น ดังนั้น จึงควรระบุไว้แน่นอนในสัญญาเพื่อป้องกันปัญหาข้อถกเถียงในเรื่องสถานที่ทำการชำระหนี้ 4. เขตอำนาจศาลกรณีที่คู่สัญญากำหนดเรื่องเขตอำนาจศาลที่จะฟ้องคดีไว้ในสัญญาจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเขตอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้เช่นต้องเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล ตามมาตรา 4 (1) หรือในกรณีที่เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ หรือประโยชน์อันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ต้องฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่ในเขตศาลว่า จำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ หรือฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล ตามมาตรา 4 ทวิ ทั้งนี้ คู่สัญญาจะตกลงกันให้ฟ้องยังศาลที่อื่นนอกจากที่ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งกำหนดอยู่ไม่ได้ 5. พยานแม้กฎหมายจะไม่ได้บังคับให้การทำสัญญาโดยทั่วไปจะต้องมีพยาน แต่การมีพยานเพื่อรับรู้และรับรองการทำสัญญา จะช่วยให้สัญญามีความนำเชื่อถือ และคู่สัญญาจะระมัดระวังในการปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญามากยิ่งขึ้น หากมีปัญหาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาพยานก็สามารถยืนยันความถูกต้องได้ และหากมีคดีเกี่ยวกับสัญญาต้องขึ้นสู่ศาล คู่สัญญาก็อาจเบิกพยานในการทำสัญญามาให้การยืนยันข้อเท็จจริงและความถูกต้องในสัญญานั้นได้ ซึ่งในทางปฏิบัติมักนิยมให้มีพยานในสัญญาเพียง 2 คนเช่นการทำพินัยกรรมซึ่งเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดบังคับให้การทำพินัยกรรม ตามมาตรา 1656 ซึ่งไม่ใช่พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน พร้อมกัน ซึ่งพยาน 2 คนนั้น ต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้นด้วย 6. เอกสารแนบท้ายสัญญาเป็นเอกสาร รายละเอียดต่าง ๆ ที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตามสัญญา เพื่อความสะดวกในการพิจารณาและปฏิบัติตามสัญญา จึงได้มีการแยกส่วนที่เป็นรายละเอียดออกต่างหาก โดยกำหนดให้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา และให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา ซึ่งเป็นผลให้เอกสารแนบท้ายสัญญามีฐานะและความสำคัญในลักษณะเป็นสัญญาด้วยเช่นสัญญาซื้อขายสินค้าหลายรายการ จะต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการสินค้า รวมทั้งคุณสมบัติ ราคา กำหนดเวลาส่งมอบ สถานที่ส่งมอบ และวิธีการส่งมอบ เป็นตัน ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ หากกำหนดไว้ในสัญญา จะทำให้ส่วนที่เป็นตัวสัญญามีรายละเอียดมากเกินไปโดยไม่จำเป็น tag กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวกับนิติกรรมสัญญามีความสำคัญอย่างไรกฎหมายจึงต้องกำหนดนิติกรรมและสัญญาขึ้น เพื่อให้บุคคลเปลี่ยนแปลงสิทธิของตนได้ด้วยความตั้งใจ ซึ่งในการดำรงชีวิตประจำวันของบุคคลจะมีการติดต่อกับผู้อื่นเสมอ จึงจำเป็นต้องอาศัยนิติกรรมและสัญญาอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ เช่น การซื้ออาหารกลางวันและของใช้ต่างๆเป็นต้น
สาระสําคัญของสัญญามีอะไรบ้างในการตกลงทำสัญญาใดๆ นั้น ผู้ทำสัญญาจะต้องคำนึงถึง องค์ประกอบต่างๆ ที่เป็นสาระสำคัญของสัญญา ดังนี้ 1. คู่สัญญา (ความสามารถของคู่สัญญา) 2. เป้าหมายของสัญญา (วัตถุประสงค์ของสัญญา) 3. การแสดงเจตนาในการทำสัญญา 4. วิธีการทำสัญญา (แบบของสัญญา) องค์ประกอบข้างต้นนี้จะต้องสมบูรณ์ครบถ้วน สัญญาจึงจะสามารถ
นิติกรรมเกี่ยวข้องอย่างไรกับสัญญาสัญญา คือ นิติกรรมชนิดหนึ่ง แต่เป็นนิติกรรมที่มีบุคคล 2 ฝ่าย หรือมากกว่านั้นมาตกลงกัน โดยแสดงเจตนาเสนอและสนองตรงกัน ก่อให้เกิดสัญญาขึ้น สัญญาย่อมก่อให้เกิดหนี้ เกิดความผูกพันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีความสําคัญอย่างไรความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายแพ่ง คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล เช่น เรื่องสภาพบุคคล ทรัพย์ หนี้ นิติกรรม ครอบครัว และมรดก เป็นต้น การกระทำผิดทางแพ่ง ถือว่าเป็นการละเมิดต่อบุคคลที่เสียหายโดยเฉพาะไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนอย่างการกระทำผิดอาญา
|