หลักฐานประเภทภาพทำให้บทเรียนน่าสนใจ และเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการตีความหลักฐาน และการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ Show แต่ความลำบากของครูประวัติศาสตร์ที่อยากใช้หลักฐาน คือ หลักฐานดี ๆ หลายชิ้นเป็นหลักฐานในภาษาต่างประเทศ แม้อาจเป็นคำง่าย ๆ สำหรับนักเรียนบางคน แต่สำหรับนักเรียนบางคนก็เป็นเรื่องยาก การคอยแแปลทีละคำ คอยช่วยเหลือนักเรียนทีละคนก็อาจจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ในบริบทชั้นเรียนไทย จึงอยากแนะนำให้ลองใช้แพลตฟอร์ม Thinglink ข้อดีหลัก ๆ คือ -ฟรี และข้อจำกัดไม่มาก (ใช้กับการสอนปกติก็ยังไม่เคยเจอข้อจำกัดอะไร) -ลื่นไหลเข้าถึงง่าย เว็บเบามาก เครื่องช้าก็ใช้ได้ -การปรับให้เหมาะต่ออุปกรณ์ทำได้ดีมาก จะใช้บนอุปกรณ์ไหน จอเล็กจอใหญ่ ก็มีการปรับขนาดให้เหมาะสมต่อการใช้งาน -ครูปรับแต่งได้พอสมควร อยากแทรกเว็บไซต์ ภาพ แผนผัง อะไรทำได้ง่าย และหลากหลาย -นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจและความถนัด ใช้ออกแบบบทเรียน on-demand ได้ดี ลองเข้าไปกดเล่นจากบทเรียนที่ผมเคยใช้ก็ได้ครับ thinglink.com/card/1430833942621061121 ส่วนเรื่องการสร้างคิดว่าในเว็บมีคำแนะนำที่ง่ายต่อการใช้งานแล้ว (แต่เป็นภาษาอังกฤษ) ยังไงลองเข้าไปทำด้วยตัวเองใน thinglink.com หรือค้นหาดูก่อนมีคนสอนไว้พอสมควร ทั้งไทยทั้งฝรั่ง หากมีข้อสงสัยยังไงพิมพ์ไว้ได้เลยครับ ����Ըա�÷ҧ����ѵ���ʵ�� ���¶֧ ��кǹ����֡�� �鹤��� ����ͧ��������˵ء�ó�ҧ ����ѵ���ʵ�� ������ѡ�ҹ�ҧ����ѵ���ʵ�����դ�������ѹ��������§�Ѻ��������������¹�ŧ ��ѧ�� ���֡�Ҩҡ�͡��÷�����͡��ê�鹵���Ъ���ͧ����ѡ��Сͺ����红������Ҥʹ�� �繡�кǹ��������㹡�����Ǻ�������������繡�кǹ��÷��ѡ����ѵ���ʵ��������鷴�ͺ ������ԧ�ͧ�ҹ�����ҡ����Ǻ����ͧ�ؤ����� ���ͤ������§���� �����Ѵਹ �դ�Ҥ�����������٧ �������ö���繻���ª��㹡�����������ѧ����
ตีความหลักฐาน หรือการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เป็นการทำความเข้าใจว่าหลักฐานนั้นมีความหมายอย่างไร หรือบอกข้อเท็จจริงอะไรแก่ผู้ศึกษาในการตีความหมายผู้ศึกษาต้องพยายามทำใจเป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่พยายามตีความเบี่ยงเบนให้ตรงกับแนวคิดหรือความเชื่อของตน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อศึกษาว่าข้อมูลทั้งหลายมีความสอดคล้องหรือขัดแย้งกันอย่างไร จากนั้นนำข้อมูลทั้งหลายมาวิเคราะห์หรือแยกแยะประเด็น คือ สาเหตุ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลของเหตุการณ์แล้วสังเคราะห์หรือรวมประเด็นต่างๆเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตามประเด็นที่ต้องการศึกษา เรื่องราวในประวัติศาสตร์มากมาย ที่มีคำอธิบายที่หลากหลายบางครั้งคำอธิบายอาจจะแตกต่างกันตรงกันข้าม ซึ่งนักเรียนจะต้องนำมาวิเคราะห์ว่าเรื่องราวที่ควรจะเป็น หรือเรื่องราวที่น่าจะถูกต้องคืออย่างไร ไม่ใช่เชื่อในคำอธิบายใดๆในทันที การตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือ การทำความเข้าใจว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้ข้อมูลอะไร และข้อมูลนั้นมีความหมายว่าอย่างไร การตีความขั้นต้น
การตีความขั้นลึก ลักษณะของข้อมูลที่ได้จากการตีความหลักฐาน 2. ข้อเท็จจริง คือ ความคิด ความเชื่อ หรือข้อมูลที่ต้องการหลักฐานมายืนยันเพื่อพิสูจน์หาความจริง ข้อเท็จจริงจึงต่างกับความจริง เพราะสิ่งที่เป็นความจริงไม่มีหลักฐานอื่นใดที่จะทำให้ความจริงนั้นเปลี่ยนแปลงไป แต่ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีหลักฐานที่ดีกว่าหลักฐานเดิมมาสนับสนุน3. ความคิดเห็น เป็นสิ่งที่เกิดจากประสบการณ์ ทัศนคติ ค่านิยม อารมณ์ความรู้สึกของบุคคล แล้วแสดงออกมาให้ปรากฏเป็นคำพูดหรือข้อเขียน ซึ่งอาจมีหรือไม่มีหลักฐานประกอบก็ได้ การตรวจสอบและประเมินหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน คือ การประเมินหลักฐานผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะใช้ในการตรวจหลักฐานว่ามีคุณค่าและความน่าเชื่อถือเพียงพอหรือไม่ก่อนที่จะนำมาใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ วิธีการประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ 1. การประเมินภายนอก 1. อายุของหลักฐาน การรู้ว่าหลักฐานสร้างหรือเขียนขึ้นเมื่อไร ทำให้เราตีความสำนวนภาษาที่ใช้ได้ถูกต้อง และเข้าใจสิ่งที่หลักฐานกล่าวถึงโดยอาศัยสภาพแวดล้อมทางประวัติศาสตร์ของยุคสมัยนั้นมาประกอบ 2. การประเมินภายใน พระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติช มิวเซียม และ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่าสร้างเมื่อศักราช 810 ปีมะโรงสัมฤทธิศก (ตรงกับพ.ศ. 1991) หลักฐานทั้งหมดที่ยกมาเป็นหลักฐานชั้นรอง ควรหาหลักฐานชั้นต้นมาเทียบ คือ ศิลาจารึกวัดจุฬามณี ปรากฏว่าจารึกระบุว่า พระวิหารวัดจุฬามณีสร้างเมื่อ “ศักราช 826 ปีวอกนักษัตร” ตรงกับพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐฯ การประเมินภายนอกภายในเเบบภาษาง่ายๆ การประเมินภายในจะดูว่าหลักฐานนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ เป็นการเจาะลึกถึงผู้สร้าง ว่าเกี่ยยวข้องกับหลักฐานนั้นมากน้อยเพียงใดมีจุดมุ่งหมายอะไร การประเมินภายนอก ดูว่าของจริงหรือของปลอม การตีความของหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญอย่างไร1. เพื่ออธิบายเรื่องราวที่ปรากฏในหลักฐาน 2. เพื่อตีความ วิเคราะห์ความสาคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ 3. เพื่อวิพากษ์หรือวิจารณ์หลักฐานว่ามีความเที่ยงตรงไม่ลาเอียง 4.ช่วยอธิบายความถูกผิดของหลักฐานได้ Page 11 2. การตีความขั้นลึก
การตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต้องปฏิบัติอย่างไรการตีความขั้นลึก ค้นหาทัศนคติของผู้เขียน ที่ไม่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาอาจมี ข้อเท็จจริงบางอย่างแฝงอยู่ การตีความต้องตีความไปตามข้อเท็จจริง ห้ามตีความ ไปตามแนวคิดที่ตนเองเดาไว้ล้วงหน้า ลักษณะของข้อมูลที่ได้จากการตีความหลักฐาน
วิธีการทางประวัติศาสตร์หมายถึงอะไรวิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นกระบวนการในการแสวงหาข้อเท็จจริง จากเรื่องราว หรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้จากการค้นคว้าหาข้อมูลจากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ เพื่อนามาวิเคราะห์และอธิบายเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น
ประเภทหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีอะไรบ้าง1. แบ่งตามลาดับความสาคัญ - หลักฐานชั้นต้นหรือหลักฐานปฐมภูมิ - หลักฐานชั้นรองหรือหลักฐานทุติยภูมิ 2. แบ่งตามลักษณะหรือวิธีการบันทึก - หลักฐานลายลักษณ์อักษร - หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
|