Show คุณเคยสงสัยกันหรือเปล่าครับ ว่าความแตกต่างของบัตรวีซ่า (Visa) และบัตรมาสเตอร์การ์ด (Master Card) นั้นคืออะไร เพราะทั้งสองอย่างก็สามารถใช้ชำระสินค้าหรือบริการได้เหมือนกัน หนำซ้ำยังเป็นบัตรที่มีความเป็น International หรือนิยมใช้ไปทั่วโลกเสียอีก เอาล่ะครับ วันนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของเจ้าบัตรสองค่ายนี้กัน 1. การยอมรับ คงต้องบอกว่าความต่างอันดับแรกนั้นอยู่ที่การยอมรับและการใช้งาน วีซ่ามีเครือข่ายการใช้งานมากถึง 28 ล้าน จากร้านค้าหรือองค์การต่างๆ ทั้งน้อยใหญ่ทั่วโลก รวมถึงมีตู้เอทีเอ็มสำหรับถอนเงินอัตโนมัติถึง 200 ประเทศทั่วโลก แต่มาสเตอร์การที่มีเครือข่าวการใช้งานมากกว่า 30 ล้านนั้นไม่สามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น ผมสามารถใช้บัตรวีซ่าซื้อของในอีกประเทศหนึ่ง แต่ไม่สามารถใช้มาสเตอร์การ์ดได้ในอีกประเทศหนึ่ง เป็นต้น 2. ผลประโยชน์ที่ได้รับ ทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดนั้นต่างหยิบยื่นผลประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านี้ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิดการให้บริการ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บัตรวีซ่า สามารถจองห้องพักพร้อมชำระได้ รวมไปถึงการอัพเกรดห้อง การใช้งานฟิตเนส สปา ซาวน่า หรือท่องเที่ยว พร้อมได้แต้มสำหรับนำไปสะสมเพื่อรับบริการพิเศษ ส่วนทางด้านมาสเตอร์การ์ดนั้นก็มีบริการแบบนี้เช่นเดียว ดังนั้นไม่ถือว่าแตกต่างกันมากนักในข้อนี้ อยู่ที่สถานที่หรือบริการที่เจ้าของบัตรต้องการใช้งานมากกว่า 3. ส่วนลด แน่นอนกว่าทั้งสองบัตรนั้นย่อมมีการให้ส่วนลด เพื่อเพิ่มยอดการใช้งานและคืนผลประโยชน์ให้กับลูกค้า ทั้งนี้ส่วนลดนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการมัดใจลูกค้าก็ว่าได้ เช่น การซื้อของ การเช่าบริการต่างๆ ข้อนี้ก็ถือว่าบัตรทั้งสองไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะต่างก็แข่งขันกันด้านส่วนลด (วีซ่าลดได้สูงสุด 15% ดังนั้นมาสเตอร์การ์ดก็คงประมาณนี้) รวมไปถึงการสะสมแต้มอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานนั้นจะเลือกใช้แบบไหน ที่เหมาะสมกับตน แนะนำว่าขณะที่ตัดสินใจทำบัตรเครดิตนั้นควรสอบถามบริการต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ให้ดีเสียก่อน จะเห็นได้ว่า ความแตกต่างของบัตรเครดิตทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดนั้นมีไม่ค่อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นที่การยอมรับ และเครือข่ายการให้บริการในด้านต่างๆ เสียมากกว่า ดังนั้นก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าหากคุณเลือกที่จะใช้งานไม่ว่าวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ด จำเป็นที่จะต้องสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของบัตรนั้นให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะรู้ได้ว่า บัตรแบบไหนหรือบริการแบบใดเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ และจะได้ไม่เกิดปัญหาต่างๆ เช่นบริการไม่ตรงกับความต้องการเกิดขึ้นในภายหลัง 23rd June 2017 บัตรเครดิต ก่อนคิดจะทำบัตรเครดิตสักใบ หลายท่านอาจกำลัง ลังเล หรือสงสัยอยู่ว่าเราควรทำบัตรแบบไหนดี ระหว่าง VISA , MasterCard หรือ JCB และบัตรพวกนี้มันแตกต่างกันอย่างไร และใบไหนที่ดีที่สุด วันนี้เราจึงขออาสาพาไปทำความรู้จักกับ 3 บัตรยอดฮิตนี้ค่ะบัตร VISA , MasterCard , JCB คืออะไร?บัตรทั้ง 3 ใบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงิน (Payment Gateway) ของบัตรเครดิต ส่วนหน้าบัตรเครดิตบ่งบอกถึงประเภทของบัตรเครดิตแต่ละใบ ที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงในระบบชำระเงินจากร้านค้าไปยังธนาคารต่างๆ ทั่วโลก ที่เปิดให้บริการบัตรเครดิต สรุปก็คือเมื่อเราทำบัตรเครดิตกับธนาคารที่เราสมัคร ธนาคารก็จะทำหน้าที่อนุมัติวงเงินให้แก่เรา โดยมีสัญลักษณ์ Payment Gateway แสดงอยู่บนหน้าบัตร ซึ่งบัตรเครดิต 1 ใบ ก็จะมีแค่ 1 เครือข่ายเท่านั้น โดยจะทำการตรวจสอบการชำระเงินเมื่อเรานำบัตรเครดิตไปใช้กับร้านค้าต่างๆทั่วโลก และเครือข่ายการชำระเงินนี้จะทำการส่งข้อมูลการชำระเงินไปให้กับธนาคารเจ้าของบัตรนั่นเอง ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตที่เรารูดจะไม่ใช่ธนาคารเดียวกันกับเครื่องรูด บัตรของร้านค้า แต่ข้อมูลบัตรเครดิตของเราก็จะถูกส่งผ่านเครือข่ายเหล่านี้ไปยังธนาคารเจ้าของบัตรเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้มีจะมี 7 แบรนด์คือ Visa, MasterCard, American Express, Discover, Diner’s Club, UnionPay และ JCB แล้วเราควรจะเลือกสมัครบัตรประเภทไหนดีที่สุด?สำหรับคำตอบต้องบอกเลยว่าไม่ตายตัว เป็นที่ความพอใจของแต่ละคนมากกว่า หากเราชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น ชอบกินอาหารญี่ปุ่น บัตรประเภท JCB ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการตรงนี้ได้มาก แต่ถ้าจะถามว่าเครือข่ายไหนที่คนนิยมใช้มากที่สุดแบบนี้ตอบได้ ซึ่งก็คือ VISA และ MasterCard นั่นเอง
บัตรเครดิต VISA เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตจากประเทศอเมริกาที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุด ซึ่งจะมีทั้งบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ทั้งนี้ VISA ได้นำเทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินระดับโลก มาเชื่อมโยงการใช้เงินของผู้บริโภคและธุรกิจไว้ด้วยกัน จึงสามารถให้บริการทั้งธนาคารและภาครัฐกว่า 200 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ได้ใช้สกุลเงินระบบดิจิตอลแทนเงินสด และเช็คร่วมกันได้อย่างคล่องตัว แต่ต้องบอกตรงนี้ไว้ก่อนว่า VISA ไม่ใช่ผู้ออกบัตรเครดิต เป็นแค่เพียงเครือข่ายการชำระเงินและส่งข้อมูลเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีร้านค้าที่รับบัตร VISA กว่า 28 ล้าน ร้านค้า และมีตู้ ATM ที่สามารถกดเงินได้กว่า 2 ล้านตู้ใน 200 ประเทศทั่วโลก
สำหรับบัตร Master Card ก็เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตจากประเทศอเมริกาอีก เจ้าหนึ่ง โดยมีทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรพรีเพด เช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมไม่มีอะไรแตกต่างจากบัตร VISA เลย ปัจจุบันมีร้านค้าที่รับบัตร Master Card กว่า 30 ล้าน ร้านค้าทั่วโลก
สำหรับบัตร JCB (Japan Credit Bureau) เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันกำลังเข้ามาตีตลาดในไทยได้มากขึ้น ร้านค้าเปิดรับมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะใช้ในวงการการท่องเที่ยว อย่าง จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถเช่า และร้านค้าจากญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทยสามารถสมัครได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา AEON และ KTC ขอแถมให้อีก 1 ประเภท นั่นคือ
บัตร UnionPay ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 โดยความร่วมมือของธนาคารในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีใช้ใน 141 ประเทศทั่วโลก สำหรับร้านค้าบ้านเราที่รับบัตร UnionPay ก็เช่น เซ็นทรัล, อิเซตัน, พารากอน, เอ็มโพเรียม, โรบินสัน, คิงพาวเวอร์, และร้านบูท เป็นต้น ข้อควรรู้เพิ่มเติมระหว่าง VISA กับ Master Cardถึงแม้ว่าร้านค้าส่วนใหญ่จะรับทั้งบัตร Visa และ MasterCard แต่ทั้ง 2 บัตรนี้ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง นั่นคือ
รู้แบบนี้ก็เลือกแต่ละเครือข่ายได้ตามชอบเลยนะ!! โดยเลือกให้ตรงกับรูปแบบการใช้งานของตัวเองที่สุด แล้วจะได้บัตรเครดิตดีๆ ที่เหมาะกับตนเองมาใช้งานแน่นอนบัตร เครดิต กสิกร Platinum Visa กับ MasterCard ต่างกันยังไงวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดมีร้านค้าเป็นที่ยอมรับของร้านค้าทั่วโลก แต่ว่าวีซ่าจะได้รับความนิยมมากว่ามาสเตอร์การ์ดเล็กน้อย โดยวีซ่ามีร้านค้าที่ร่วมให้บริการมากกว่า 29 ล้านร้านค้าทั่วโลก และมีตู้ ATM ที่กดเงินสดได้อยู่มากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่มาสเตอร์การ์ดจะมีร้านค้าที่ร่วมรายการถึง 30 ล้านร้านค้า และตู้ ATM มากกว่า ...
บัตร MasterCard ทําอะไรได้บ้างMasterCard Standard – ให้บริการช่วยเหลือเกี่ยวกับบัตรตลอดเวลา พร้อมบริการเงินสดฉุกเฉินภายในบัตร MasterCard Gold – ให้บริการเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน บริการติดต่อสถานทูต ล่ามและทนายความที่พูดภาษาไทยได้ MasterCard Platinum - ให้บริการประกันสินค้าสูญหายหรือชำรุดภายใน 90 วัน พร้อมผู้ช่วยด้านการเงิน เช่น ภาษีต่าง ๆ
วีซ่า มาสเตอร์การ์ด เจซีบี ต่างกันยังไงสรุป ร้านค้าในประเทศไทยสามารถรับชำระได้ ทั้ง VISA, MasterCard โดย JCB เหมาะกับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ส่วน UnionPay จะเหมาะกับผู้ที่เดินทางไปประเทศจีน มาเก๊า และฮ่องกง บ่อยๆ แต่ถ้าให้เรียงลำดับความนิยมในประเทศไทยจะเป็น VISA, MasterCard และ JCB ตามลำดับ
บัตรมาสเตอร์การ์ดเดบิต คืออะไรMastercard คืออะไร
สำหรับมาสเตอร์การ์ด นั้นไม่ใช่เป็นผู้ออกบัตรเดบิต บัตรเครดิตให้เราเหมือนอย่างที่ใครๆ หลายคนเข้าใจผิดกันอยู่ เพียงแต่คือตัวกลางที่เอาไว้รูดชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ระหว่างร้านค้าและธนาคารหรือสถาบันทางการเงินที่ออกบัตรประเภทเหล่านี้มาให้เรา
|