โคลนถล่ม (อังกฤษ: Mudflow) เป็นภัยธรรมชาติ คือ คำเรียกรวมๆของการเคลื่อนที่ของมวลสาร (Mass movement หรือ mass-wasting) ซึ่งคือ กระบวนการเคลื่อนตัวของมวลหิน ดินและทรายลงมาตามความลาดชัน (Slope) ภายใต้แรงดึงดูดของโลก (Gravity) เป็นหลัก โดยอาจอาศัยตัวกลางระหว่างการพัดพา ยกตัวอย่างเช่น น้ำ, ลมและธารน้ำแข็ง ซึ่งตัวกลางเหล่านี้เป็นตัวช่วยเสริมการย้ายมวล ดังนั้นหากตะกอนอิ่มตัวด้วยน้ำ แรงเสียดทานระหว่างเม็ดตะกอนจะลดลง การย้ายมวลจึงเกิดได้ดีขึ้น Show ส่วนใหญ่การย้ายมวลที่กล่าวถึงกันบ่อยๆ คือ แผ่นดินเลื่อน (Landslide) หรือดินถล่ม โดยรวมเอาวิธีการย้ายมวลทุกรูปแบบไว้ด้วยกัน ซึ่งความจริงยังไม่ถูกต้องมากนัก รูปแบบการย้ายมวลมีหลายกระบวนการด้วยกัน โดยถือปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวกำหนด
หากจำแนกตาม Sharpe (1938) จะพิจารณาความเร็วของการย้ายมวล ปริมาณน้ำและความลาดชันของพื้นที่เป็นสำคัญ โดยเรียงลำดับจาก ปริมาณน้ำน้อยและมีการเคลื่อนตัวของมวลสารมาก ในพื้นที่ความลาดชันสูง – ปริมาณน้ำมากและมีการเคลื่อนตัวของมวลสารน้อย ในพื้นที่ความลาดชันต่ำ ดังนี้
ดินถล่ม -�����ѹ�ͧ��鹷�� ��Ҿ�鹷�����դ����ѹ�ҡ ����������ͧ��š���Դ�����������ç�����ǧ���繵�ǢѺ���������ʴ�����ҹ���������ŧ� �����ç�� (shear force) ��袹ҹ�Ѻ�����Ҵ���§�繵�Ƿ������ʴ�����ŧ ��駹��������Ѻ�����״�ͧ��鹼�Ǵ��� ��Ҿ�鹷�����դ����״�ҡ�����ç�� �ѵ������ҹ�鹡��������ö�������ŧ����дǡ -��� ���繻Ѩ��·���Ӥѭ�ա��С��˹�� ����������������ͧ����Դ��� ����ջ���ҳ���㹾�鹷�����ҡ��з�������������ѧ�����Դ������������Ǵ���Ǣ�� ��ж�Ҿ�鹷�����յ�����˭軡���������ҡ ������ҡ�ת��ª����ִ˹�ҴԹ�����觷�����Դ����������ͧ����Ǵ������觢���ա -��Դ�ͧ�Թ����ç���ҧ�ͧ�Թ���ռŵ�͡���������ͧ��Ŵ����蹡ѹ ��Ҿ�鹷���鹻�Сͺ�����Թ����ʴ �����ᵡ ����¡��Թ���� ����դ�����ҹ�ҹ�ҡ�����Թ�ط�������ᵡ �������������Թ�ҡ สรปุ เนือ้ หา . แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์โลก 7 การผุพังและยา้ ยมวล WEATHERING AND MASS WASTING สันติ ภยั หลบล้ี สนั ติ ภัยหลบล้ี การผุพงั และการยา้ ยมวล วัตถุประสงค์การเรียนรู้ สารบญั หนา้ 1 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 1 การผพุ งั Weathering การผุพัง (Weathering) หมายถึง กระบวนการบนพ้ืนผวิ โลกท่ที าใหห้ ิน 1) เสถียรภาพของแร่ประกอบหิน (stability of rock-forming 2 สันติ ภัยหลบลี้ การผพุ ังและการย้ายมวล รปู 1. ชดุ ปฏกิ ริ ยิ าของโบเวน (Bowen’s reaction series) 2) พื้นที่ผิว (surface area) หินที่มีพ้ืนที่ผิวมากจะมีอัตราการผุพังท่ีสูง รปู 2. พื้นทีผ่ วิ ของหนิ ท่ีสัมพนั ธก์ ับอตั ราการผุพงั สนั ติ ภัยหลบลี้ การผพุ งั และการยา้ ยมวล 3) เนื้อหิน (rock texture) หินที่มีแนวรอยแตกมาก เช่น หินชนวน มี 4) ภูมิอากาศ (climate) อุณหภูมิและความชื้นเป็นปัจจัยสาคัญต่อการ รปู 3. เนอื้ หินทส่ี ัมพนั ธ์กบั อตั ราการผพุ งั สนั ติ ภยั หลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 2 การผพุ ังทางกายภาพ Physical Weathering การผพุ ังทางกายภาพ (physical weathering) หมายถงึ การผุพังทที่
า 1) การคลายแรงดัน (pressure release) คือ การผุพังท่ีเกิดจากหินใต้ 5 สันติ ภยั หลบล้ี การผุพังและการย้ายมวล แตกของหินเป็นกาบใน อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) 2) การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ (thermal expansion) คือ การผุพังที่ รูป 4. การผุพังที่เกดิ จากการคลายแรงดัน สันติ ภัยหลบลี้ การผุพังและการย้ายมวล รูป 5. สาเหตกุ ารผพุ ังทางกายภาพ 3) การเปล่ียนแปลงความช้ืน (alternate wetting and drying) คือ 4) การเกิดล่ิมน้าแข็งและล่ิมเกลือ (frost and salt wedging) คือ 7 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล เมื่อได้รับความร้อน ดังนั้นเมื่อมีการเปล่ียนสถานะของน้าเป็นน้าแข็งหรือการเพิ่ม 5) กิจกรรมของสง่ิ มชี วี ิต (biological activity) คือ การผพุ งั ทีเ่ กดิ จาก 8 สันติ ภยั หลบลี้ การผุพังและการย้ายมวล 3 การผพุ งั ทางเคมี Chemical Weathering การผพุ ังทางเคมี (chemical weathering) หมายถึง การผุพังจากการ 1) กระบวนการไฮโดรไลสสิ (hydrolysis) คอื กระบวนการทีไ่ ฮโดรเจน 9 สนั ติ ภัยหลบลี้ การผพุ ังและการย้ายมวล KAlSi3O8 + H2CO3 + H2O → Al2Si2O5 (OH) 4 + 2K+ + 2HCO3-+ 4SiO2 โปแตสเซียมเฟลด์สปาร์ + กรดคาร์บอนกิ + นา้ → คาโอลีไนต์ + โปแต รูป 6. ความแตกต่างในการผุพังของเสาหินแกรนิตซ่ึงมีแร่เฟลด์สปาร์เป็น 10 สนั ติ ภยั หลบลี้ การผพุ ังและการย้ายมวล 2) กระบวนการไฮเดรชัน (hydration) คือ กระบวนการท่ีแร่ดูดซึมน้า 2Fe2O3 + 3H2O → 2Fe2O3.3H2O ฮีมาไทท์ + นา้ → ไลมอไนท์ 3) กระบวนการออกซิเดชัน (oxidation) คือ กระบวนการท่ีเกิดจาก 2FeS2 + 2H2O + 15O2 → 2Fe2 (SO4) 3 + 2H2SO4 ไพไรต์ + นา้ → เหลก็ ซัลเฟต + กรดกามะถนั ต่อมากรดกามะถันทาปฏิกิริยากับ แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) และ 11 สันติ ภยั หลบล้ี การผุพงั และการย้ายมวล H2SO4 + CaCO3 + 2H2O → CaSO4 2H2O + H2CO3 4) กระบวนการรีดักชัน (reduction) คือ กระบวนการที่เกิดปฏิกิริยา 5) กระบวนการคาร์บอเนชัน (carbonation) คือ กระบวนการที่ก๊าซ CaCO3 + H2O + CO2 → Ca (HCO3) 2 แคลเซียมคาร์บอเนต + นา้ + คาร์บอนไดออกไซด์ → แคลเซียมไบคารบ์ อเนต
ซ่ึงในธรรมชาติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น 12 สันติ ภยั หลบล้ี การผุพงั และการยา้ ยมวล รูป 7. สาเหตกุ ารผพุ ังทางเคมี 6. กระบวนการละลาย (disolution) คือ กระบวนการท่ีเกิดจากการ CaCO3 + H2CO3 + 2H+ → 2H2O + 2CO2 + Ca2+ แคลไซต์ + กรดคาร์บอนกิ + ไอออนไฮโดรเจน → น้า + คารบ์ อนไดออกไซด์ 13 สันติ ภยั หลบล้ี การผุพังและการยา้ ยมวล 4 ดนิ Soil ดิน
(soil) คือ วัตถุทางธรรมชาติที่ปกคลุมพื้นผิวโลกและช่วยในการ 14 สนั ติ ภัยหลบล้ี การผุพังและการยา้ ยมวล รปู 8. (ก) ดิน (soil) (ข) ตะกอน (sediment) 4.1. การเกดิ ดนิ (Soil Forming) กระบวนการผุพัง เมื่อถูกฝนชะล้างตะกอนขนาดเล็กรวมท้ังสารละลายต่างๆ จะ 1)
วัตถุต้นกาเนิดดิน (parent material) ได้แก่ เศษหินและแร่ที่ได้ 2) ภูมิประเทศ (topography) โดยพ้ืนท่ีซ่ึงมีความชันสูงจะมีอัตราการ 15 สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการยา้ ยมวล 3) ภูมิอากาศ (climate) โดยเฉพาะความช้ืนและอุณหภูมิ เช่น ใน 4) ส่ิงมีชีวิต (organism) พืชและสัตว์จะช่วยในกระบวนการย่อยสลาย 5. เวลา (time) ปัจจัยท้ังหมดดังท่ีอธิบายในข้างต้น สัมพันธ์กับเวลา วิชาท่ศี กึ ษาเกีย่ วกบั ดิน เรยี กว่า 4.2. หน้าตดั ดิน (Soil Profile) แนวดิ่ง ตามคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น สี องค์ประกอบ ตลอดจนความช้ืน ซ่ึง 1) ชั้น O หรือ ชั้นดินอินทรีย์ เป็นชั้นบนสุด มีสีคล้าเน่ืองจากมี 2) ชั้น A
หรือ ช้ันดินบน มีสีเข้ม ประกอบด้วยเศษหินและแร่ปะปนกัน 16 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผุพังและการย้ายมวล รูป 8. หน้าตัดดนิ (soil profile) [Wilsonbiggs] สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ งั และการย้ายมวล 3) ช้นั B หรอื ช้ันดินล่าง เป็นชัน้ สะสมตัวของสงิ่ ต่างๆ ที่ถูกชะลา้ งลงมา 4) ชั้น C หรือ ชั้นดินวัตถุต้นกาเนิดดิน เป็นช้ันดินท่ีเกาะตัวกันอยู่ 5) ช้นั R หรอื ชั้นหินฐาน (bedrock) เป็นชั้นหินแข็งที่ยังไม่ผพุ ัง อาจมี 4.3. ชนิดของดิน (Type of Soil) จึงมแี ร่เหล็กและอะลูมิเนยี มจานวนมากสะสมอยู่ โดยช้นั B จะมสี นี ้าตาลทเี่ กดิ จาก 2) ดินเพโคดอล (pedocal) เกิดจากภูมิอากาศแห้งแล้ง อัตราการ 3) ศิลาแลง (laterite) เกิดในภูมิอากาศแบบร้อนชื้นหรือมรสุม มีการ 18 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผุพงั และการยา้ ยมวล รปู 9. หนา้ ตัดดนิ ชนดิ ต่างๆ ที่สมั พันธ์กับภมู ิอากาศ สนั ติ ภยั หลบล้ี การผพุ ังและการย้ายมวล 5 การย้ายมวล Mass Wasting การย้ายมวล (mass wasting) หมายถึง กระบวนการเคล่ือนตัวของ 1) ความชัน (slope) โดยแสดงในรูปแบบของ มุมตอบสนอง (angle 20 สันติ ภยั หลบล้ี การผพุ ังและการยา้ ยมวล เน้ือเดียวกันของวัสดุ โดยตะกอนขนาดใหญ่จะมีมุมตอบสนองกว้างกว่าตะกอน รูป 10. ปจั จัยท่สี ง่ ผลต่อการเกาะตัวและการยา้ ยมวล 2) น้า (water) น้าตามช่องว่างของตะกอนทาให้แรงเสียดทานน้อยลง 3) การวางตัวของชั้นหิน (orientation of bed) การเอียงเทของช้ัน 21 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 4)
พืชคลุมดิน (vegetation) รากพืชชว่ ยยึดเกาะหน้าดินและชว่ ยยบั ยั้ง 5) ตัวกระตุ้น (trigger) ได้แก่ 1) แรงสั่นสะเทือนจากคล่ืนไหวสะเทือน 22 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผุพังและการยา้ ยมวล 6 ชนิดของการยา้ ยมวล Type of Mass Wasting โดยสว่ นใหญ่ ประชาชนทัว่ ไปจะรู้จกั คุ้นชินและรวมการย้ายมวลท้ังหมด 23 สนั ติ ภยั หลบลี้ การผุพังและการย้ายมวล รูป 11. รูปแบบการยา้ ยมวล 6.1. การหล่น (Fall) ของโลก ซงึ่ ไม่มีปัจจัยด้านความชันเข้ามาเกยี่ วข้อง
โดยส่วนใหญ่เกิดกับหินบริเวณ 24 สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการย้ายมวล รูป 12. สภาพแวดลอ้ มที่เกดิ จากการยา้ ยมวลแบบหินหล่น 6.2. การทลาย (Avalanche) การเล่ือนไถลปนกับการกระเด็นกระดอนอย่างรวดเรว็
ของมวลจานวนมากรวมอยู่ 6.3. การเล่ือนถลม่ (Slide) การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ทิศทางหรือระนาบการเคล่ือนที่มากนัก โดยรวมนิยม 25 สันติ ภยั หลบลี้ การผุพงั และการย้ายมวล จาแนกได้ เช่น หินถล่ม (rock slide) เศษหินถล่ม (debris slide) และ ดิน รูป 13. สภาพแวดล้อมท่ีเกิดจากการย้ายมวลแบบการทลาย สันติ ภัยหลบลี้ การผพุ ังและการย้ายมวล รูป 14. สภาพแวดล้อมที่เกิดจากการย้ายมวลแบบการเล่ือนถลม่ การเล่ือนไถล (slump) คือ การหลุดเป็นกะบิของมวลดินและเคล่ือนที่ รูป 15. สภาพแวดล้อมท่ีเกิดจากการยา้ ยมวลแบบการเล่ือนไถล สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการย้ายมวล 6.5. การไหลหลาก (Flow) ช่วยให้วัตถุเล่ือนไถลโดยตะกอนไม่มีการกระเด็นกระดอน แบ่งตามขนาดตะกอน รปู 16. สภาพแวดล้อมที่เกดิ จากการย้ายมวลแบบการไหลหลาก สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการย้ายมวล 1) เศษหินไหลหลาก (debris flow) เกิดจากตะกอนขนาดใหญ่ ( > 2) ดินไหลหลาก (earth flow) เป็นการไหลของมวลที่ประกอบด้วย 3) โคลนไหลหลาก (mud flow) เกิดจากวัตถุท่ีมีขนาดดิน > 50% 6.6. การคืบคลาน (creep) ลาดเอียงอยา่ งชา้ ๆ ด้วยความเร็ว 0.5-5.0 เซนติเมตร/ปี โดยสาเหตุสาคัญเกิดจาก 29 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการย้ายมวล ดินชั้นบนช้ืนแฉะและมีความอิ่มตัวของน้าสูงกว่าดินหรือหินด้านล่างซ่ึงยังคงมี รูป 17. การคบื เนอ่ื งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก สันติ ภัยหลบลี้ การผุพังและการย้ายมวล รปู 18. การคบื เนอื่ งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลกและความชนื้ 6.7. การทรุดตวั (Subsidence) ธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ ซ่ึงบางคร้งั การทรุดตัวอาจครอบคลุมพื้นท่ีกว้าง 1) หลุมยุบ (sink hole) เป็นการทรุดตัวเน่ืองจากการถล่มของโพรงใต้ 31 สนั ติ ภยั หลบลี้ การผพุ งั และการยา้ ยมวล 19ค) หรือเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การทาเหมืองใต้ดิน (รูป 19ง) เหมือง หลงั จากเหตกุ ารณแ์ ผน่ ดนิ ไหวขนาด 9.2 ท่เี กาะสมุ าตรา รปู 19. หลุมยบุ และแหลง่ กาเนดิ ของโพรงใต้ดินทที่ าให้เกิดหลุมยุบ สนั ติ ภยั หลบลี้ การผุพังและการย้ายมวล 2) การอัดตัวของตะกอน
(Soil Compaction) ตะกอนขนาดโคลนเม่ือ รูป 20. การทรุดตัวของพ้ืนดินในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรฐั อเมริกา เน่ืองจาก 33 สันติ ภยั หลบลี้ การผุพงั และการย้ายมวล 3) การขยายตวั ของดิน (expansive soil) รปู 21. ลกั ษณะและผลกระทบท่เี กดิ จากการขยายตัวของดนิ สนั ติ ภัยหลบล้ี การผุพงั และการยา้ ยมวล อา้ งองิ Dearman, W. R. 1974. Weathering Classification in the Characterisation Duff, P.M.D. 1993. Principles of Physical Geology. Chapman and Hall, Fookes, P.G., Lee,
E.M. and Milligan, G. 2005. Geomorphology for Hoek, E. and Bray, J. 1977. Rock Slope Engineering. Institute of Mining Jenny, H. 1941. Factors of Soil Formation. McGraw-Hill, New York. Press. ISBN 0-19-874183-9. 35 สันติ ภัยหลบลี้ การผุพงั และการย้ายมวล แบบฝกึ หัด วัตถปุ ระสงคข์
องแบบฝึกหดั 1) แบบฝึกหัดจับคู่ 1. ____ abrasion ก. อตั ราการผุพงั สงู 6. ____ rainforest soil การขยายตัว ออกไซด์ของธาตุเหลก็ 36 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผุพงั และการย้ายมวล 8. ____ laterite ซ. กระบวนการผุพังท่ีพบมากใน พนื้ ทใี่ กล้ชายฝ่งั ทะเล 9. ____ thermal expansion ฌ. การผุพงั ของหนิ เนอ่ื งจากน้าแข็ง 10. ____ salt crystal growth ญ. การขัดสีของตะกอนในแม่น้า หรือธารน้าแขง็ 2) แบบฝึกหัดถูก-ผิด 1. ____ แร่โอลิวีนโดยส่วนใหญ่ไม่พบเป็นเม็ดตะกอน เน่ืองจากไม่เสถียร 2. ____ การผุพัง (weathering) ส่งผลต่อเฉพาะหินอัคนีที่โผล่บน 3. ____ ปัจจัยสาคัญท่ีสุดที่ควบคุมอัตรา การผุพังทางเคมี (chemical 4. ____ แร่คควอตซ์ (quartz) เป็นผลผลิตที่ได้จากการผุพังทางเคมีบน 5. ____ นา้ รวมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กลายเปน็ กรดคาร์บอนิก weathering) 37 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการยา้ ยมวล ของประวตั ิศาสตรโ์
ลก weathering) ของหนิ ปนู ตน้ ไมป้ กคลุมหนาแนน่ ในระบบสุรยิ ะ แร่โดยไอออน H+ หรือ OH- จากนา้ แผน่ ดินไหวหรอื การปะทขุ องภเู ขาไฟ ของภูเขาไฟ avalanche) โครงสร้างของแร่ในหนิ ได้ 38 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 3) แบบฝกึ หดั ปรนยั 1. หินแกรนิต (granite) ผุพังง่ายกว่า หินควอซ์ตไซต์ (quartzite) เน่ืองจากมี แร่องคป์ ระกอบชนิดใด ก. แร่เฟลด์สปาร์ ข. แรค่ วอตซ์ ค. กลุ่มแร่คารบ์ อเนต ง. ไม่มขี ้อใดถูก 2. ข้อใดคอื การยา้ ยมวล (mass wasting) ก. ดนิ ถล่ม (landslide) ข. โคลนไหลหลาก (mud flow) ค. หนิ ทลาย (rock avalanche) ง. ถกู ทุกขอ้ 3. ขอ้ ใดคือกระบวนการเคล่ือนยา้ ยมวลท่มี ีความเร็วมากที่สุด ก. การเล่ือนไถล (slump) ข. หนิ ทลาย (rock avalanche) ค. การคคบื คลาน (creep) ง. เศษหินไหลหลาก (debris flow) 4. อัตราการเคลื่อนแบบ การคืบคลาน (creep) มีความเร็วโดยปกติประมาณ เท่าใด ก. เซนติเมตร/เดอื น ข. เมตร/วนั ค. เซนติเมตร/สัปดาห์ ง. เซนตเิ มตรหรอื นอ้ ยกว่า/ปี 5. การยอ่ ยสลายหนิ ให้มขี นาดเล็กลงด้วยปัจจัยทางกายภาพเรยี กวา่ อะไร ก. abrasion ข. chemical weathering ค. pedogenesis ง. physical weathering 39 สันติ ภัยหลบลี้ การผพุ งั และการยา้ ยมวล 6. การยอ่ ยสลายหินให้มขี นาดเลก็ ลงดว้ ยปจั จัยของนา้ และก๊าซเรยี กว่าอะไร ก. pedogenesis ข. salt wedging ค. chemical weathering ง. physical weathering 7. ข้อใดคือการผุพังทางกายภาพท่ีเกิดจากการเสียสมดุลเน่ืองจากการหายไปของ แรงกดทับดา้ นบน (unloading) ก. abrasion ข. hydrolysis ค. exfoliation ง. salt wedging 8. การย้ายมวลแบบใดท่เี กดิ ขึน้ อยา่ งรวดเร็วกว่าทีค่ นสามารถหลบหนีได้ ก. โคลนไหลหลาก (mud flow) ข. หนิ พงั ทลาย (rock avalanche) ค. เศษหินไหลหลาก ง. ถกู ทุกข้อ (debris flow) 9. พชื กอ่ ให้เกิดการผุพงั ทางเคมีไดอ้ ยา่ งไร ก. ผลิตกรดอินทรยี ์ ในชว่ งทม่ี ชี วี ิต ข. ป้องกนั พน้ื ผวิ จากแสงอาทิตย์ ค. บรโิ ภคกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดใ์ น ง. ป้องกันพื้นผิวจากปริมาณ กระบวนการสังเคราะหแ์ สง นา้ ฝนจานวนมาก 10. สภาพแวดล้อมแบบใดที่โดยส่วนใหญ่พบกระบวนการผุพังแบบ frost wedging ก. ขอบแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนท่ี ข. ขอบแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนท่ี ออกจากกนั ผา่ นกนั ค. ภเู ขาสูง ง. ชายฝั่งแถบเสน้ ศูนย์สตู ร 40 สนั ติ ภยั หลบลี้ การผุพงั และการยา้ ยมวล 11. ทรายแป้ง (silt) เปน็ ผลผลิตของกระบวนการใด ก. กระบวนการออกซเิ ดชัน ข. การผุพงั ทางกายภาพ ค. การเย็นตวั รวดเร็วของแมกมา ง. การผพุ ังทางเคมี 12. กระบวนการไฮโดรไลซสิ (hydrolysis) เกดิ ขึ้นเมอื่ ใด ก. แรเ่ ฟลดส์ ปารแ์ ปรสภาพเปน็ แร่ดิน ข. หนิ โผล่และสัมผสั กบั อากาศ ค. น้าทม่ี สี ภาพกรดออ่ นละลายหิน ง. หนิ ถกู ฝงั ในระดบั ลกึ มาก 13. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ การผุพังทางเคมี (chemical weathering) ก. frost wedging ข. root wedging ค. unloading ง. ถกู ทุกข้อ 14. การย้ายมวลแบบ fall เกิดขน้ึ เม่ือใด ก. หินหลุดจากหน้าผาและหล่นลง ข. ดินเคลื่อนท่ีลงสู่ด้านล่างคล้าย อยา่ งอสิ ระ กับของหนืด ค. ชน้ั หินเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 15. ขอ้ ใดคือผลผลติ จากการผพุ งั ทางเคมีของแรเ่ ฟลด์สปาร์ ก. แรค่ วอตซ์ (quartz) ข. แรไ่ พรอคซีน (pyroxene) ค. แร่แคลไซต์ (calcite) ง. แรด่ ิน (clay) 16. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ยี วกบั ชนั้ ดนิ ก. ขอบเขตระหว่างช้ันดินโดยปกติ ข. ชั้นดินสามารถแยกออกจากกัน จะไม่เปลย่ี นแปลงแบบชดั เจน ไดจ้ ากองค์ประกอบทางเคมี ค. นักวิทยาศาสตร์แยกช้ันดินโดย ง. ถูกทกุ ขอ้ ใชส้ ญั ลักษณเ์ ปน็ ตวั อักษร 41 สนั ติ ภยั หลบล้ี การผพุ งั และการย้ายมวล 17. ดนิ เขตร้อน (tropical soil) คือดินทีม่ ลี ักษณะเฉพาะอย่างไร ก. ดสี าหรบั การเกษตรกรรม ข. อดุ มสมบรู ณ์มาก ค. ถกู ชะลา้ งสงู ง. มีอนิ ทรียวตั ถุจานวนมาก 18. แรช่ นิดใดเกดิ จากกระบวนการผพุ งั ที่พ้นื ผิวโลก ก. ไบโอไทต์ (biotite) ข. ควอตซ์ (quartz) ค. คาโอลไี นต์ (kaolinite) ง. โอลวิ ีน (olivine) 19. คา่ pH โดยปกติของน้าฝนมคี า่ ประมาณเท่าใด ก. 8.2. ข. 5.5. ค. 7.0. ง. 3.0. 20. ขอ้ ใดคือวัสดุต้นกาเนดิ ดนิ ก. แรด่ นิ (clay) ข. ดนิ บนพนื้ ผิวโลก (regolith) ค. หนิ (rock) ง. แร่ (mineral) 21. ขอ้ ใดคอื การย้ายมวลท่คี ลา้ ยกบั ของหนืด ก. การเลื่อนไถล (slump) ข. การเล่ือนถลม่ (slide) ค. การไหลหลาก (flow) ง. การหล่น (fall) 22. ขอ้ ใดคือปัจจยั สาคัญท่ีทาใหเ้ กดิ การย้ายมวล (mass wasting) ก. ความหนาแนน่ ของพืช ข. แรงโน้มถว่ ง ค. ปรมิ าณน้า ง. ความชัน 23. exfoliation เปน็ กระบวนการผุพังที่เป็นผลมาจากสาเหตใุ ด ก. น้าหนักกดทับด้านบนของหิน ข. หินถูกกัดกร่อนโดยกรดคาร์บอ หายไป นกิ ค. หนิ ขยายตัวจากความร้อน ง. กจิ กรรมของมนษุ ย์ 42 สันติ ภยั หลบลี้ การผุพังและการยา้ ยมวล 24. ชน้ั ดนิ ใดประกอบดว้ ย แร่ดิน (clay) จานวนมาก ก. ชน้ั ดนิ O ข. ชน้ั ดิน B ค. ช้ันดิน C ง. ชั้นดนิ A 25. ขอ้ ใดคือปัจจยั สาคัญท่ีทาใหเ้ กดิ การผพุ งั ทางเคมีบนพื้นผิวโลก ก. ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ ข. น้า ค. กรดไฮโครคลอรกิ ง. กรดคารบ์ อนิก 26. ข้อใดคอื กระบวนการผุพงั ของแรเ่ ฟลด์สปาร์ ก. mudification ข. metamorphosis ค. hydrolysis ง. pedogenesis 27. หินชนิดใดผพุ ังงา่ ยทส่ี ุด ก. หนิ แกรนติ (granite) ข. หนิ ควอซต์ ไซต์ (quartzite) ค. หินไนส์ (gneiss) ง. หนิ บะซอลต์ (basalt) 28. หินชนิดใดผุพังยากท่ีสุด ก. หนิ แกรนติ (granite) ข. หนิ ควอซ์ตไซต์ (quartzite) ค. หนิ ไนส์ (gneiss) ง. หินบะซอลต์ (basalt) 29. สถานการณใ์ ดทหี่ นิ ผุพังได้งา่ ยที่สุด ก. หินขนาด 10 เซนติเมตร ข. หนิ ขนาด 1 เซนติเมตร ค. หินขนาด 1 มลิ ลิเมตร ง. ถกู ทกุ ข้อ 30. เหตใุ ด แรด่ นิ (clay) จงึ ไม่ผพุ งั บนพืน้ ผิวโลก ก. มีขนาดผลึกแรใ่ หญเ่ กินไป ข. มคี วามเสถยี รทางเคมี ค. มไี ออนมากเกินไป ง. ถูกทกุ ข้อ 43 สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการยา้ ยมวล 31. พืน้ ท่ีใดเกดิ การผพุ งั ทางกายภาพมากท่ีสุด ก. เทือกเขาเกดิ ใหม่ที่สูงชนั ข. ดินดอนสามเหลยี่ มปากแม่นา้ ค. เทอื กเขาเกา่ แก่ทร่ี าบเรยี บ ง. ที่ราบชายฝั่ง 32. หนิ ผพุ งั ไดเ้ รว็ ท่ีสดุ เม่อื อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มแบบใด ก. เยน็ และแห้ง ข. ร้อนและแหง้ ค. เปยี กอยูต่ ลอดเวลา ง. ชนื้ 33. ขอ้ ใดเรยี งลาดบั ธาตุที่ถกู ชะล้างออกจากดนิ จากงา่ ยไปยากไดถ้ ูกต้อง ก. โปแตสเซยี ม แคลเซียมและเหล็ก ข. ซลิ ิกอน เหล็กและแคลเซียม ค. อะลูมินั ม ซิลิกอน และโป แต ง. เห ล็ ก โ ป แ ต ส เซี ย ม แ ล ะ สเซียม แคลเซยี ม 34. แรด่ ิน (clay) เกิดจากกระบวนการไฮโดรไลซสิ ของแรช่ นดิ ใด ก. แร่เฟลด์สปาร์ (feldspar) ข. แร่ไมกา (mica) ค. แร่ควอตซ์ (quartz) ง. ถูกทุกข้อ 35. การเคล่อื นที่แบบใดทีส่ มั พันธก์ บั permafrost ก. การทลาย (avalanche) ข. ทรายพุ (liquefaction) ค. การไหลของดิน (solifluction) ง. การขยายตวั (expansion) 36. การย้ายมวลนยิ มใช้เกณฑอ์ ะไรในการจาแนก ก. ปริมาตรของวสั ดโุ ดยรวม ข. ความชนั ค. พนื้ ทีซ่ ึง่ เกิดการเคล่อื นที่ ง. ความเรว็ 37. การย้ายมวลสามารถถูกกระตุ้นให้เกดิ เรว็ ขน้ึ ได้จากสาเหตุใด ก. กจิ กรรมของมนุษย์ ข. ฝนตกอยา่ งรนุ แรง ค. แผน่ ดินไหว ง. ถกู ทกุ ขอ้ 44 สนั ติ ภยั หลบลี้ การผุพงั และการย้ายมวล 38. หนิ ทลาย (rock avalanche) โดยส่วนใหญ่เกดิ ในพื้นที่ใด ก. ธารน้าแข็งท่ีมีการสะสมกรวด ข. พื้นท่ีสูงชันสูงใกล้แหล่งกาเนิด ขนาดต่างๆ แผน่ ดนิ ไหว ค. ทะเลลึก ง. ถกู ทกุ ข้อ 39. ข้อใดคือดินที่ประกอบด้วยทราย ทรายแป้ง แร่ดินและอินทรียวัตถุในสัดส่วน เทา่ ๆ กัน ก. เพโดคอล (pedocal) ข. คาลิเช (caliche) . ค. ฮวิ มัส (humus) ง. ดนิ รว่ น (loam) 40. หนิ ชนดิ ใดเมือ่ ผุพงั และพฒั นาเปน็ ดินมธี าตุอาหารของพชื น้อยท่สี ุด ก. หินปูน (limestone) ข. หนิ แกรนติ (granite) ค. หนิ ทราย (sanstone) ง. หนิ บะซอลต์ (basalt) 41. ข้อใดคือวสั ดุขนาดตา่ งๆใดๆ ทไ่ี มไ่ ด้จับตวั กนั แนน่ อยู่บนพืน้ ผวิ โลก ก. soil ข. talus ค. scree ง. debris 42. ความแตกต่างในข้อใดที่เป็นสาเหตุให้เกิดชั้นดินท่ีแตกต่างกันในแต่ละระดับ ความลึก ก. ความชื้น ข. อินทรยี วตั ถุ ค. อณุ หภูมิ ง. การชะล้างและสะสมตวั 43. เหตุใดหินจึงสามารถแตกหักได้เมื่อมีอากาศเย็นลง ก. ผลึกน้าแข็งมคี วามแหลมคม ข. นา้ แขง็ ตามรอ่ งหนิ ขยายตวั ค. น้าเย็นสามารถกัดกร่อนได้ ง. หนิ ได้รับการถา่ ยเทความเย็นจึง ดีกว่านา้ ปกติ แตก 45 สันติ ภยั หลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 44. ข้อใดคือสาเหตุที่ทาให้ การผุพังทางกายภาพ (physical weathering) มี อัตราการผพุ ังสูงขนึ้ ก. มีความชนื้ มาก ข. มีน้ามาก ค. มีต้นไม้มาก ง. อุณหภูมแิ ตกตา่ งกันมาก 45. พนื้ ทใี่ ดท่กี ระบวนการสรา้ งดนิ มีประสิทธภิ าพท่สี ุด ก. ภูมิประเทศราบเรียบ ข. ภมู ิประเทศราบเรยี บ ภมู ิอากาศรอ้ นชนื้ ภมู อิ ากาศแหง้ เยน็ ค. ภมู ิประเทศสูงชัน ง. ภูมปิ ระเทศสงู ชัน ภูมอิ ากาศแหง้ เย็น ภูมิอากาศรอ้ นชน้ื 46. ในพื้นท่ีอณุ หภมู ิสูง ชั้นดิน O มีลกั ษณะเฉพาะอย่างไร ก. มตี ะกอนขนาดเลก็ ข. พบศลิ าแลง ค. มอี นิ ทรียวัตถุและส่งิ มีชวี ิต ง. ถูกทุกข้อ 47. โดยส่วนใหญ่ ชนั้ ดิน E มลี กั ษณะเฉพาะอย่างไร ก. มีสีเข้มจากการสะสมตัวของช้ัน ข. ทั้งอินทรียวัตถุและแร่ธาตุมี ฮิวมสั ปริมาณน้อย ค. มตี ะกอนหลากหลายขนาด ง. มกี ลมุ่ แรอ่ อกไซดป์ ริมาณสงู 48. เหตุใดวตั ถขุ นาดเลก็ จึงผพุ งั ไดร้ วดเร็วกวา่ วตั ถุขนาดใหญ่ ก. มพี ื้นท่ผี ิวโดยรวมมากกว่า ข. แตกหักไดง้ า่ ยกว่า ค. ปะปนกันกับดินได้งา่ ยกว่า ง. ละลายนา้ ไดง้ ่ายกว่า 49. ปัจจัยใดที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการจาแนกดิน ก. อายดุ ิน ข. ภมู อิ ากาศ ค. โครงสร้างดนิ ง. ถูกทกุ ข้อ 46 สันติ ภัยหลบล้ี การผพุ งั และการยา้ ยมวล 50. การย้ายมวลเกิดจากความไมส่ มดุลกันของแรงชนิดใด ก. แรงปกติ แรงเฉือนและแรง ข. แรงโน้มถ่วง แรงเฉือนและแรง เสียดทาน เสียดทาน ค. แรงเฉอื นและแรงเสยี ดทาน ง. แรงโนม้ ถ่วงและแรงเสียดทาน 51. ดิน (soil) มโี อกาสเกดิ จากวสั ดตุ ้นกาเนิดชนิดใดมากทีส่ ดุ ก. ลาวาไหลหลาก ข. หนิ แกรนติ ที่แตกเป็นกาบ ค. หนิ ตะกอน ง. ตะกอนที่สะสมตวั ในชว่ งน้าทว่ ม 52. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเกีย่ วกบั ดินแอริดิซอลส์ (aridisol) ก. มีแนวโนม้ สะสมเปน็ ชัน้ บาง ข. เกิดในภูมิอากาศแบบแหง้ แล้ง ค. มีชนั้ ฮิวมัสเล็กนอ้ ย ง. ถกู ทกุ ข้อ 53. ขอ้ ใดคือกระบวนการท่ที าใหห้ ินแตกหัก ก. วฏั จักรเย็น-ร้อน ข. ผลึกเกลือเตบิ โตตามร่องหนิ ค. การเจรญิ เติบโตของรากพชื ง. ถกู ทุกขอ้ 54. กระบวนการใดเกิดจากไฮโดรเจนไอออน (H+) หรือไฮดรอกซิลไอออน (OH-) ของน้าทาปฏิกริ ิยากับไอออนของแร่ ก. กระบวนการรีดกั ชัน ข. กระบวนการออกซเิ ดชัน ค. กระบวนการไฮโดรไลซิส ง. กระบวนการไฮเดรชนั 55. กระบวนการใดเกดิ จากการรวมตวั กันของแร่ นา้ และออกซิเจน ทาใหม้ ีการเพ่ิม ประจุบวกหรือลดประจลุ บของไอออน ก. กระบวนการรดี ักชัน ข. กระบวนการออกซิเดชนั ค. กระบวนการไฮโดรไลซสิ ง. กระบวนการไฮเดรชัน 47 สนั ติ ภัยหลบลี้ การผพุ ังและการยา้ ยมวล 56. กระบวนการใดคือปฏิกิริยาตรงกนั ข้ามกับกระบวนการออกซเิ ดชนั ซ่ึงโดยสว่ น ใหญ่เกิดในบรเิ วณท่มี นี ้าขงั ก. กระบวนการรดี กั ชนั ข. กระบวนการออกซิเดชนั ค. กระบวนการไฮโดรไลซสิ ง. กระบวนการไฮเดรชัน 57. ในสภาพแวดล้อมปกติของพ้ืนผิวโลก แร่ชนิดใดใน ชุดปฏิกิริยาของโบเวน (Bowen’s reaction series) มคี วามเสถยี รมากท่ีสดุ ก. แร่ไพรอคซีน (pyroxene) ข. แรค่ วอตซ์ (quartz) ค. แร่ไบโอไทต์ (biotite) ง. แร่โอลิวนี (olivine) 58. ป่าฝนสามารถอดุ มสมบรู ณ์ไดอ้ ยา่ งไรหากดนิ คุณภาพต่ามาก ก. รบั สารอาหารจากน้าฝน ข. เมื่ อ เกิ ด ก า รเผ า ไห ม้ ป่ า จ ะ กลายเป็นสารอาหารใหด้ ิน ค. ส่ิงมีชีวิตพั ฒ น าความ อุด ม ง. ระบบนิเวศมีประสิทธิภาพใน สมบูรณ์ อย่างช้าๆ โดยไม่มี การสรา้ งสารอาหารของดนิ สารอาหารดนิ 59. ข้อใดคือความต้านทานในการเคล่ือนท่ีหรือ การเปล่ียนรูป (deformation) ของหิน ก. ความหนาแน่น (density) . ข. มวล (mass) ค. แรงเฉือน (shear) ง. ไม่มีข้อใดถูก 60. ข้อใดคอื ลักษณะการไหลของดนิ อิ่มนา้ ก. การไหลของดิน (solifluction) ข. การเล่ือนตวั (slip) ค. การเล่อื นไถล (slump) ง. การไหลหลาก (flow) 48 สนั ติ ภัยหลบล้ี การผพุ ังและการยา้ ยมวล 61. เศษหนิ ที่หลน่ ลงมาจากทส่ี ูงและกองรวมกันบริเวณเชิงหนา้ ผาเรียกวา่ อะไร ก. เศษหนิ (debris) ข. ตะกอน (sediment) ค. ทลาย (avalanche) ง. ลานหินตีนผา (talus) 62. ขอ้ ใดคอื ปัจจยั ส่งเสริมใหเ้ กิดการยา้ ยมวลเรว็ ขนึ้ ก. การตัดไม้ทาลายปา่ ทค่ี ลมุ ดนิ ข. การปลอ่ ยนา้ ตามความชนั ค. ความชนั ลดลงจากการทาไร่ ง. น้าหนกั พชื ในพ้ืนทสี่ ูงชัน 63. ดินชนดิ ใดที่เหมาะสมกับการเกษตรกรรมมากทส่ี ุด ก. alfisol ข. spodosol ค. oxisol ง. mollisol 64. ขอ้ ใดคอื การปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั ิการย้ายมวลท่ีมปี ระสทิ ธิภาพทีส่ ุด ก. สร้างสิ่งป้องกันทางวิศวกรรมท่ี ข. เพิ่มน้าหนักกดทับให้พ้ืนท่ีซึ่งมี เหมาะสม ความชนั ค. ตดั ฐานของความชนั ให้เล็กลง ง. ทาให้ความชนั เพ่มิ มากขึ้น 65. ข้อใดคอื การเคลื่อนท่ีของวสั ดุลงดา้ นล่างดว้ ยแรงโนม้ ถว่ งเปน็ หลัก ก. downslope movement ข. mass wasting ค. land sliding ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถูก 66. สตั ว์ทสี่ ่งผลตอ่ อัตราการผพุ งั ทางเคมีได้อย่างไร ก. สัตว์บางชนิดปล่อยกรดท่ีสามารถ ข. สัตว์บางชนิดบดกัดหิน ละลายแร่และหินได้ และแรจ่ นมีขนาดเลก็ ลง ค. สัตว์ช่วยเพิ่มพ้ืนผิวหินและแร่ให้ ง. สัตว์บางชนิดกินแร่เพื่อ สมั ผัสกับปัจจัยการผุพังมากขึน้ เป็นสารอาหาร 49 ข้อใดคือ การย้ายมวล (Mass Wasting) *การย้ายมวล อาจจะเป็นคำที่ดูแปลกๆ สำหรับคนทั่วไป แต่จริงๆ แล้วคำว่า การย้ายมวล (mass wasting) เป็นคำเฉพาะในทางธรณีวิทยาที่หมายถึง การเคลื่อนตัวของหิน ดิน โคลนรวมทั้งหิมะ ลงมาตามความลาดชัน หรือที่คนทั่วไปมักจะเรียกกันติดปากว่า ดินถล่ม ซึ่งเป็นกระบวนการที่โลกพยายามจะปรับสภาพพื้นผิวโลกที่สูงๆ ต่ำๆ เกลี่ยให้พื้นโลกมีระดับพอ ...
การเคลื่อนที่ของมวลที่สำคัญมีอะไรบ้างการเคลื่อนที่ของมวล (mass movement) หมายถึง การที่วัสดุธรรมชาติที่อยู่บนเปลือกโลก เช่น ดิน หิน และแร่ มีการเคลื่อนที่ตามความลาดเอียงของพื้นที่ ภายใต้แรงดึงดูดของโลก ซึ่งการเคลื่อนที่ของวัสดุเหล่านี้ เกิดจากปัจจัยที่สำคัญหลายประการได้แก่
เหตุใดหินจึงสามารถแตกหักได้เมื่อมีอากาศเย็นลงความร้อนและความเย็น โดยความร้อนจากดวงอาทิตย์หรือไฟป่าทำให้ด้านนอกของหินร้อนกว่าด้านในของหิน ทำให้ด่าน นอกของหินหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ ส่วนความเย็นได้มาจากฝน ซึ่งทำให้หินที่ร้อนตัวเย็นลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้หินแตกออกเป็นรอยแยกได้
การผุพังอยู่กับที่มีลักษณะอย่างไรการผุพังอยู่กับที่ เป็นกระบวนการที่ทำให้หินผุพังสลายตัวเป็นเศษหินขนาดต่างๆ การผุพังอยู่กับที่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ การผุพังทางกายภาพ ที่ทำให้หินมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่าง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะภายนอก และการผุพังทางเคมี เป็นกระบวนการที่ทำให้หินแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
|