การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • คลังข้อมูล
  • Digital Learning Contest
  • คลังบทเรียน
  • คลังข่าว
  • บล็อก
  • กระดานข่าว
  • ติดต่อเรา

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด
เมื่อ พุธ, 25/08/2010 - 08:52 | แก้ไขล่าสุด พุธ, 25/08/2010 - 16:14| โดย
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด
nsspramote

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

........................ครูเชื่อว่าเราทำได้แล้วจะรอตรวจนะครับ.......

nss 37821 เมื่อ ศุกร์, 24/09/2010 - 21:57

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

     1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใดความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                  คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้แรงคน แรงสัตว์ หรือแรงธรรมชาติและใช้เครื่องมือแบบง่ายๆ มาเป็นกระบวนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรที่มีความสลับซับซ้อนและอาศัยพลังงานทำให้ผลิตได้ปริมาณมากการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ โดยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษและต่อมาได้แพร่หลายไปในประเทศตะวันตกต่างๆ และส่วนอื่นๆของโลก

     2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด
     การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณค.ศ.1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้าทั้งนี้เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"         

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)  อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่า“การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

  1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น                        

2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ                       

3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(ค.ศ.1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้นได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น                  

  4 .การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5. ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                   

   1.การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข                            

 2. การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย                                  

3.การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย                             

   4.ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น       

 ที่มาแหล่งอ้างอิง :nss 37462

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37461 เมื่อ พฤ, 23/09/2010 - 23:25

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมาย               การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรม   ทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก                 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลกอย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม สมัยแห่งพลังงานไอน้ำสมัยแห่งพลังงานไอน้ำ มีลักษณะสำคัญคือ
- ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน
- เน้นวงการอุตสาหกรรมทอผ้า
- เริ่มนำเหล็กเข้ามาเป็นพื้นฐานการผลิต
เหล็กกล้า สมัยแห่งอุตสาหกรรมเหล็กกล้า มีผลงานที่สำคัญคือ
- การผลิตเหล็กกล้าแทนเหล็กธรรมดา
- การใช้ก๊าซ ไฟฟ้า และน้ำมันเป้นพลังงานแทนถ่านหิน ได้แก่ ผลงานของไมเคิล ฟาราเดย์ ผู้ประดิษฐ์ไดนาโม โธมัส เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า
- การนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิต
- ความก้าวหน้ทางอุตสาหกรรมเคมี
- การผลิตโลหะเบาและโลหะผสมเหล็ก
- ความก้าวหน้าในวงการคมนาคมขนส่งและการสื่อสาร โดยมีการประดิษฐ์ยานพาหนะใหม่ๆ เช่นรถยนต์ เครื่องบิน โยวิลเบอร์และออร์วิลล์ ไรท์ การขยายตัวในวงการสื่อสารโดย อเล็กซานเดอร์ แกรแฮม เบลล์ ประดิษฐ์เครื่องโทรศัพท์ และ กูกิลโม มาร์โคนี ประดิษฐ์วิทยุโทรเลข
- การขยายตัวขององค์การเงินทุนซึ่งสืบเนื่องมาจากการดำเนินงานธุรกิจที่ออกมาในรูปบริษัท จึงทำให้เกิดการระดมทุนซึ่งจำเป็นกู้ยืมจากธนาคารและองค์การเงินทุนต่างๆ
ความก้าวหน้าอิทธิพลของชาติตะวันตกมีผลกระทบต่อประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 4 คือ ทรงยินยอมทำสนธิสัญญาบาว์ริง พ.ศ. 2398 กับประเทศอังกฤษ เพื่อแลกเอกราชของประเทศ มีการรับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามา มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศมากขึ้น          หลังการทำสนธิสัญญาบาวริงประเทศไทยต้องยกเลิกพระคลังสินค้าเปลี่ยนเป็นการค้าแบบเสรีดำเนินการโดยเอกชน
ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากแบบเลี้ยงตัวเองมาเป็นระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้า เกิดการเกษตรกรรมเพื่อส่งออกแทนการปลูกเพียงเพื่อบริโภคเท่านั้น
          การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือการที่มีพ่อค้าต่างชาติเข้ามาเปิดร้านค้า การตั้งโรงสีข้าว การทำป่าไม้ โรงไฟฟ้า การเงิน การธนาคาร **มีธนาคารที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือ ธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ ธนาคารชาร์เตอร์แบงก์ และธนาคารอินโดจีน
** ประเทศไทยได้ตั้งธนาคารเรียกว่า บุคคลัภย์ พ.ศ. 2447 ต่อมาเป็น "แบงก์สยามกัมมาจล" และปัจจุบันเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ **และได้จัดตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับการจัดการเรื่องเงินรายได้ขึ้น เพื่อความเป็นระเบียบ คือ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ได้จัดตั้งพระราชบัญญัติตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ขึ้น ใน พ.ศ. 2416 เพื่อเก็บผลประโยชน์ซึ่งเป็นรายได้ของแผ่นดินมารวมไว้เป็นที่เดียวกัน **กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติกรมพระคลังสินค้ามหาสมบัติ ใน พ.ศ. 2418 ทำให้รายรับ ราย จ่ายงบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างเรียบร้อย
** ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงตั้งโรงกษาปณ์ขึ้น ใน พ.ศ. 2403 และมีการออกพระราชบัญญัติธนบัตร ใน พ.ศ. ใน พ.ศ. 2451 ประเทศไทยประกาศเทียบค่าเงินไทยเป็นมาตรฐานทองคำ และสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงตั้ง "คลังออมสิน" และเปลี่ยนมาเป็น "ธนาคารออมสิน" ใน พ.ศ. 2490

          การปรับปรุงการเกษตรกรรมและการชลประทาน
              ออกประกาศงดเก็บค่าหางข้าวสำหรับเกษตรกรผู้ที่หักร้างถางพงและทำนาในปีแรก และจะจัดเก็บในปีที่ 2-4 ไร่ละ หนึ่งเฟื้อง (12 สตางค์) ต่อปี และปีที่ 5 เก็บไร่ละหนึ่งสลึง และสร้างประตูกั้นน้ำ ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการขุดคลองเพื่อเชื่อมต่อกัน และทำให้มีพื้นที่สำหรับการเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น และสามารถส่งเสริมการปลูกข้าวได้มากขึ้น เพื่อเป็นสินค้าส่งออกของประเทศ ผลของการปฏิวัติผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ
ในด้านเศรษฐกิจ
- เกิดระบบโรงงาน
- เกิดระบบนายทุน
- เกิดการขยายตัวทางอุตสาหกรรมและเพิ่มรายได้ของประชากร
- ก่อให้เกิดความเจริญทางด้านการคำระกว่างประเทศ และมีการแข่งขันกันเพื่อความยิ่งใหญ่
- ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันทางเศรษฐกิจ
- เกิดความเหลื่อมล้ำกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและทำให้มีประเทศด้อยพัฒนาและประเทศพัฒนาเกิดขึ้น
 

ที่มา http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080530022802AAccXw9

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss40099 เมื่อ พฤ, 23/09/2010 - 21:09

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก        

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง     

เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้ 

 (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay) 

                                - เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม” (PowerLoom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (EdmundCartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

                        (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม 

                          (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง 

                การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง

                2 อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel)

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

                การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 

พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด

ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

                3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

                การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

                2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 

                3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยมประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 

                4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น

ที่มา school.obec.go.th/saod_rs/p007/p03 (วันที่ 23 พฤษภาคม 52)         http://th.wikipedia.org/wiki/

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37512 เมื่อ พฤ, 23/09/2010 - 19:06

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก        

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมแล

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก

1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง             

2 เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้ 

 (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay) 

                                - เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม(Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

                        (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม 

                          (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง 

                1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง

                2 อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

                1 การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 

พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด

ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

                3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

                1 การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

                2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 

                3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 

                4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น

ที่มา http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry

        school.obec.go.th/saod_rs/p007/p03 (วันที่ 23 พฤษภาคม 52)         http://th.wikipedia.org/wiki/

นายชัยธวัช วินทะใชย 5/1 เลขที่ 9

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37804 เมื่อ พฤ, 23/09/2010 - 08:41

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก 

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อ

 เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง  

 การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง
อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel)

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 
                การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด
ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 
                การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
               การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 
                การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
                การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยมประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 
                ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน

อ้างอิงข้อมูล จาก

http://www.ico2go.com/read.php?tid=1286 

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss38002 เมื่อ พุธ, 22/09/2010 - 20:52

 ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก        

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก

1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง     

2 เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้ 

 (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay) 

                                - เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง 

                                - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม(Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

                        (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม 

                          (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง 

                1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง

                2 อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

                1 การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 

พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด

ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

                3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

                1 การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

                2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 

                3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 

                4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37857 เมื่อ พุธ, 22/09/2010 - 16:13

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1. การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงในวิธีการและระบบการผลิต จากการใช้แรงงานคนและสัตว์รวมทั้งพลังงานจากธรรมชาติ มาเป็นการใช้เครื่องมือ และเครื่องจักรแบบง่ายๆจนถึงแบบซับซ้อนที่มีประสิทธิภาพรวดเร็ว และมีกำลังสูง จนเกิดเป็นระบบโรงงาน แทนการผลิตในครัวเรือน

เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ

2. ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ" เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า

3. ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" เนื่องจากยุคนี้อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้าและอุตสาหกรรมเคมี

4. ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

    1.) การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

    2.) การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

    3.) การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

    4.) การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5. ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

    1.) การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

    2.) การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่ ๆ หลากหลาย 

    3.) การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 

    4.) ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น ๆ มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น

http://www2.srp.ac.th/~visit/lesson3/article/p6.html

http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=228358

http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37931 เมื่อ จันทร์, 20/09/2010 - 15:53

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1.การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ

2.เพราะ มีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า  เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง 

3.เพราะว่ามีอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

4.ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
                การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด
ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ
                การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
                การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5.ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
               การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่าง
รวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข
                การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
                การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
                ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน 

อ้างอิง:   http://www.ico2go.com/simple/?t1286.html

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nsspramote เมื่อ อังคาร, 21/09/2010 - 12:36

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ตั้งแต่ศรัณยาตรวจแล้วครับ

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37879 เมื่อ จันทร์, 20/09/2010 - 15:40

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม    การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย ๆ ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก         การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ค.ศ.1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย ๆ แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น ๆ เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม ทำไมการปฏิวัตอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า สมัยแห่งพลังไอน้ำ    การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ค.ศ.1760 เรียกว่า สมัยแห่งพลังไอน้ำเนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า   ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่ ๆ ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องทำไมการปฏิวัตอุตสาหกรรมในระยะสองจึงเรียกว่า อุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้าการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ค.ศ.1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)   อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel)และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )อธิบายความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมการค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่ ๆ แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด  ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง ๆ พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น  2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ   3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(ค.ศ.1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น    4 )การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก  อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม  1 การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข    2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่ ๆ หลากหลาย    3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย  4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น ๆ มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น   


ที่มา :www.pojjamansk.exteen.com ค่ะ ^^ 

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37999 เมื่อ อาทิตย์, 19/09/2010 - 10:24

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1) การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ค.ศ.1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

2)  การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก เป็นการใช้พลังไอน้ำในการขับเคลื่อนเครื่องจักรในอุตสาหกรรมทอผ้า และต่อมามีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ประเทศอังกฤษเป็นผู้นำอุตสาหกรรมประเทศแรกในการปฏิวัติอุตสาหกรรม

http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-5/no36-43/history/sec03p0401.htm

  3) มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง) 
อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า
 (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )   
 

  4)  การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
       การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ
 
       3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี 
..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
      4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ
 เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5) การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 
       2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด
 และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
       3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
 
        4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน
 

  http://www.ico2go.com/simple/?t1286.html

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37992 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 20:39

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37992 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 20:32

1.การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)
การปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบการผลิตจากการใช้แรงงานคนและสัตว์รวมทั้งพลังงานตามธรรมชาติ มาเป็นการใช้เครื่องมือและเครื่องจักรกลแบบง่ายๆ จนถึงแบบสลับซับซ้อน ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้น

เเละเกิดขึ้น  ครั้งเเรกที่ประเทศ  อังกฤษ

2.สามารภนำพลังงานไอน้ำมาใช้กับเครื่องจักรกล และได้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างแพร่หลาย

3.สมัยที่สอง ได้ชื่อว่า สมัยแห่งอุตสาหกรรมเหล็กกล้า มีผลงานที่สำคัญคือ
- การผลิตเหล็กกล้าแทนเหล็กธรรมดา
- การใช้ก๊าซ ไฟฟ้า และน้ำมันเป้นพลังงานแทนถ่านหิน ได้แก่ ผลงานของไมเคิล ฟาราเดย์ ผู้ประดิษฐ์ไดนาโม โธมัส เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า
- การนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิต
- ความก้าวหน้ทางอุตสาหกรรมเคมี
- การผลิตโลหะเบาและโลหะผสมเหล็ก

4.ความก้าวหน้าในวงการคมนาคมขนส่งและการสื่อสาร โดยมีการประดิษฐ์ยานพาหนะใหม่ๆ เช่นรถยนต์ เครื่องบิน โยวิลเบอร์และออร์วิลล์ ไรท์ การขยายตัวในวงการสื่อสารโดย อเล็กซานเดอร์ แกรแฮม เบลล์ ประดิษฐ์เครื่องโทรศัพท์ และ กูกิลโม มาร์โคนี ประดิษฐ์วิทยุโทรเลขการขยายตัวขององค์การเงินทุนซึ่งสืบเนื่องมาจากการดำเนินงานธุรกิจที่ออกมาในรูปบริษัท จึงทำให้เกิดการระดมทุนซึ่งจำเป็นกู้ยืมจากธนาคารและองค์การเงินทุนต่างๆ

5.ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ
ในด้านเศรษฐกิจ
- เกิดระบบโรงงาน
- เกิดระบบนายทุน
- เกิดการขยายตัวทางอุตสาหกรรมและเพิ่มรายได้ของประชากร
- ก่อให้เกิดความเจริญทางด้านการคำระกว่างประเทศ และมีการแข่งขันกันเพื่อความยิ่งใหญ่
- ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันทางเศรษฐกิจ
- เกิดความเหลื่อมล้ำกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและทำให้มีประเทศด้อยพัฒนาและประเทศพัฒนาเกิดขึ้น

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

NSS37759 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 18:11

การปฏิวัติอุตสาหกรรม    ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม        การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก        

       การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก

1. การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า  ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง   

              2. เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้     (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น            - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay)            - เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง 

           - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม” (Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

      (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม      

  (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)

 การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง          

  1. การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง

        2. อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

   ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม            1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด

ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

          2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

          3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

           4. การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

 ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

          1. การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

           2. การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 

           3. การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 

            4. ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น        

ที่มา school.obec.go.th/saod_rs/p007/p03         http://th.wikipedia.org/wiki/

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37826 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 17:34

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37826 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 17:32

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

เรื่อง การปฎิวัติอุตสาหกรรม

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด        

         การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงในวิธีการและระบบการผลิต
จากการใช้แรงงานคนและสัตว์รวมทั้งพลังงานจากธรรมชาติ
มาเป็นการใช้เครื่องมือ
และเครื่องจักรแบบง่ายๆจนถึงแบบซับซ้อนที่มีประสิทธิภาพรวดเร็ว
และมีกำลังสูง จนเกิดเป็นระบบโรงงาน แทนการผลิตในครัวเรือน

         การนำเทคนิคใหม่ๆมาใช้ในการผลิต
เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18
และประกฎผลอย่างเต็มที่ในศตวรรษที่ 19 ต่อจากนั้นได้ขยายไปยังประเทศต่างๆ
ในยุโรปตะวันตก อเมริกา รุสเซีย และทั่วโลกในเวลาต่อมา ส่วนใหญ่ประเทศในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา เพิ่งมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศของตนอย่างจริงจัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

       การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"  

     

การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ค.ศ.1860-1914
มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้
จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม
และไฟฟ้า ( ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง )

     อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า
(Steel) และอุตสาหกรรมเคมี
จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่า“การปฏิวัติอุตสาหกรรม
ยุคเหล็กกล้า" (Age of Steel )

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา การปฏิวัติอุตสาหกรรมมีการขยายตัวและความเจริญก้าวหน้าในประเทศภาคพื้นยุโรป ดังนี้

   

1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่ ๆ
แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า
เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้า
มีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม
และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง ๆ พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

    2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป
ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม
โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ
อังกฤษ

    3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่
1(ค.ศ.1914-1918)
อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก
โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี
ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา
สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น

    4. การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ
เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก โดยรับผิดชอบงานเฉพาะส่วนของตน
มีการระดมเงินลงทุนในรูปของการซื้อหุ้น
และมีคณะผู้บริหารดำเนินการบริหารอย่างเป็นระบบ ฯลฯ
ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ

5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมของโลกตะวันตก นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา มีผลกระทบต่อสังคมและประชากรโลก ดังนี้

การเพิ่มของจำนวนประชากร
โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวด
เร็ว
เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม
เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง

การขยายตัวของสังคมเมือง
เกิดเมืองใหม่ ๆ
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง
ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่ ๆ
อย่างหลากหลาย
ในขณะที่ชนชั้นกลางหรือพ่อค้านายทุนเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น

การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม
ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมมีความจำเป็นต้องแสวงหา
แหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม
และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีป
แอฟริกาและเอเชีย

ภาพของโลกเมื่อปลายศตวรรษที่ 19
จึงเป็นภาพที่สะท้อนถึงความแตกต่างของชาติที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้วกับชาติ
อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรม
รวมทั้งก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างเจ้าอาณานิคมกับ
ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม

ความแตกต่างกันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงวิถีชีวิตระหว่างเมืองกับชนบท
หรือภาคอุตสาหกรรมกับเกษตรกรรมเท่านั้น
หากยังแตกต่างกันในวิธีคิดที่แสดงออกผ่านระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจ การเมือง
สังคมอีกด้วย กล่าวคือ
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นระดับพัฒนาการในระบบทุนนิยมจากทุนนิยมการค้าสู่ทุน
นิยมอุตสาหกรรม
จึงต้องมีการปรับระบบความคิดและสถาบันองค์กรให้สอดคล้องและรองรับการเติบโต
ของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม

องค์ประกอบที่สำคัญของทุนนิยมอุตสาหกรรมคือ
กรรมสิทธิ์ของเอกชนที่มีชนชั้นกลางเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต กรรมกรรับจ้าง
(wage-labourers) ในฐานะพื้นฐานของกระบวนการผลิต
และกำไรซึ่งในระยะยาวจะเป็นการสะสมทุนที่เป็นตัวผลักดันกระบวนการผลิตให้
ขยายตัวเพิ่มขึ้น

การปรับความคิดและสถาบันองค์กรเพื่อให้ระบบทุนนิยมอุตสาหกรรมดำเนินไปได้
นั้น ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายด้านไปพร้อม ๆ กันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
การเมือง และสังคม

ทางด้านเศรษฐกิจ ช่วงนี้จะใช้หลักการเสรีนิยม (Laissez - Faire) ของ อดัม สมิธ (Adam Smith) ที่อธิบายไว้เมื่อปลายคริสตศตวรรษที่ 18

ทางด้านการเมือง
ชนชั้นกลางจะมีบทบาทในทางการเมืองมากขึ้น
เกิดความเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและทฤษฎีทางการเมือง
กล่าวคือในสมัยนี้จะให้ความสำคัญต่อความเท่าเทียมกันของมนุษย์โดยอ้างสิทธิ
ตามธรรมชาติ
ส่วนการจัดตั้งสังคมการเมืองนั้นเป็นไปตามข้อตกลงของมนุษย์ที่ยินยอมให้มี
การปกครองเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน
มีการนำเอาแนวคิดของนักคิดทางการเมืองสำคัญ ๆ
ที่เสนอแนวความคิดอันเป็นที่มาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  ได้แก่

จอห์นสจ๊วต มิลส์

จอห์น ล็อค

ฌอง ฌาค รุสโซ

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37758 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 14:22

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

คุณครู  นู๋ขอทำใหม่น๊ะค๊ะ  น.ส  เบญจพรรณ    ประสพสุข  ม.5/1   เลขที่17

เรื่อง การปฎิวัติอุตสาหกรรม

1.ความหมายของการปฎิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

ตอบ       การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติหรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก                    

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลกอย่างมากทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง   สังคมและวัฒนธรรม

2.ทำไมการปฎิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า ‘’สมัยแห่งพลังไอน้ำ’’

ตอบ      การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก
              การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้าทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

                                                                                        

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

3.ทำไมการปฎิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า ‘’การปฎิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า’’

ตอบ       เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้   1. อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น  

เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay)

 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

 เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton)  ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง  

เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม” (Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว

2.เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม   

3. อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ   ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฎิวัติอุตสาหกรรม

ตอบ    ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม  1การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่นการต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนา ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ

3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียง มากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

4. การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5.ให้อธิบายผลของการปฎิวัติอุตสาหกรรม

ตอบ           ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม  1. การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข

2. การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย   

 3. การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย

4. ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะ ที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน

อ้างอิงจาก

http://www.ico2go.com/read.php?tid=1286

 http://www.pojjamansk.exteen.com/20090624/entry   

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37933 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 14:00

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

 1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก 

การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

******************************************************************************************************************
 

2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"
 การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง 

******************************************************************************************************************
3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"
 
                1การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง
             อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

*************************************************************************************************

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
                การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด
ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ
                การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
                การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

*****************************************************************************************************************
5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
               การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข
                การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
                การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
                ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน 

*************************************************************************************************

ขอบคุณข้อมูล

http://www.ico2go.com/read.php?tid=1286

***************************************************************************************************

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37918 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 13:53

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม  การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก        การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก  อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม  การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า สมัยแห่งพลังไอน้ำ เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า        ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง                 2 เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้  (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น                                 - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า กี่กระตุก ของ จอห์น เคย์ (John Kay)                                 - เครื่องปั่นด้าย สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง                                 - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า พาเวอร์ ลูม” (Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว                         (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม                           (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)   การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง                1 การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)                   2 อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )   ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                 1 การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ                  3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น                 4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก   ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                1 การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข                 2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย                 3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย                 4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น    ที่มา:http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry 

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss 37462 เมื่อ เสาร์, 18/09/2010 - 19:57

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

  การปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

     1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใดความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                  คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้แรงคน แรงสัตว์ หรือแรงธรรมชาติและใช้เครื่องมือแบบง่ายๆมาเป็นกระบวนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรที่มีความสลับซับซ้อนและอาศัยพลังงานทำให้ผลิตได้ปริมาณมากการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ โดยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษและต่อมาได้แพร่หลายไปในประเทศตะวันตกต่างๆ และส่วนอื่นๆของโลก

     2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด
     การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณค.ศ.1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้าทั้งนี้เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"         

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)  อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่า“การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

  1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น                        2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ                       3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(ค.ศ.1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้นได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น                  

  4 .การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5. ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                      1.การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข                            

 2. การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย                                  

3.การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย                             

   4.ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น        ที่มาแหล่งอ้างอิง : school.obec.go.th/saod_rs/p007/p03 (วันที่ 23 พฤษภาคม 52)  http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37688 เมื่อ ศุกร์, 17/09/2010 - 20:32

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)

                 การปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบการผลิตจากการใช้แรงงานคนและสัตว์รวมทั้งพลังงานตามธรรมชาติ มาเป็นการใช้เครื่องมือและเครื่องจักรกลแบบง่ายๆ จนถึงแบบสลับซับซ้อน ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้น
                 การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ค..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ
                 การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ค.ศ.1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่ ๆ ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง     

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"
                  การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ค.ศ.1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)  และมีการ ค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่ ๆ แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง ๆ พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
                  1 การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่ ๆ แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง ๆ พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 

                3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(ค.ศ.1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 
- เกิดระบบโรงงาน
- เกิดระบบนายทุน
- เกิดการขยายตัวทางอุตสาหกรรมและเพิ่มรายได้ของประชากร
- ก่อให้เกิดความเจริญทางด้านการคำระกว่างประเทศ และมีการแข่งขันกันเพื่อความยิ่งใหญ่
- ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันทางเศรษฐกิจ
- เกิดความเหลื่อมล้ำกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและทำให้มีประเทศด้อยพัฒนาและประเทศพัฒนาเกิดขึ้น

แหล่งที่มา http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080530022802AAccXw9

             <http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry>

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37404 เมื่อ ศุกร์, 17/09/2010 - 19:25

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

ตอบ  การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก       การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม  


2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

 ตอบ  ที่เรียกการปฏิวัติอุสาหกรรมในระยะแรกว่า "สมัยพลังไอน้ำ" เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง 


3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"

 ตอบ  ที่เรียกว่า"การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" เพราะอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี  เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง


4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ตอบ    การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 

พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด
ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ 
                การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
                การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 


5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ตอบ     การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข 

                การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
                การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย 
                ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน 


แหล่งที่มา :  http://www.ico2go.com/read.php?tid=1286


  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37829501 เมื่อ อังคาร, 14/09/2010 - 19:18

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

  การปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในบริเตนใหญ่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมีจุดเริ่มจากเทคโนโลยีเครื่องจักรไอน้ำ (ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลัก) ทำงานด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจถูกผลักดันด้วยการสร้างเรือ เรือกำปั่น และทางรถไฟ ที่อาศัยเครื่องจักรไอน้ำ ความเจริญก้าวหน้าแผ่ขยายไปสู่ยุโรปตะวันตกและทวีปอเมริกาเหนือ และส่งผลกระทบทั่วโลกในที่สุด   การปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นคนแรกคือทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเบอร์ลินชื่อหลุยส์ Guillaume เมื่อปี พ.ศ. 2342 แต่ผู้ที่นำมาใช้จนเริ่มแพร่หลายเป็นนักเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ชื่อ AugusteBlanqui เมื่อปี พ.ศ. 2380 รวมทั้ง ฟรีดริช เองเงิลส์ ในหนังสือเรื่อง สภาพของชนชั้นกรรมกรในประเทศอังกฤษ (พ.ศ. 2388) จากนั้นมาก็ได้มีผู้นำวลีนี้มาใช้แพร่หลายเป็นการถาวร   2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นวลีที่นักประวัติศาสตร์ใช้เรียกเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วมากในยุโรป สืบเนื่องมาจากการค้นพบแหล่งพลังงานจากถ่านหินราคาถูกที่มีเหลือเฟือกับนวัตกรรมทางเครื่องกล คือเครื่องจักรไอน้ำที่เริ่มด้วยการปั่นด้าย การทอผ้าฝ้ายและผ้าขนสัตว์ ฯลฯ ที่ผลักดันให้เกิดการขยายตัวของแรงงานอย่างมหาศาล ประสิทธิภาพการผลิตและผลผลิตที่มากมายมหาศาลและการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีอย่างมหาศาล รวมทั้งระบบโรงงานและขั้นตอนการผลิตและการจัดการแบบใหม่ ปรากฏการณ์ต่างๆ ดังกล่าวทำให้เมืองต่างๆ ในอังกฤษกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่เริ่มแออัด

  3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" ช่วงเวลาที่ถือว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมดังกล่าวตกอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2293-2393 โดยเริ่มขึ้นก่อนในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมที่มีเมืองขึ้นรองรับผลิตภัณฑ์อยู่ทั่วโลกแล้วจึงได้ขยายไปทั่วยุโรป การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มจากการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำขึ้นมาใช้ในการปั่นและทอผ้าฝ้ายและทอผ้าขนสัตว์ในแลงแคชเชียร์ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของสก็อตแลนด์และที่บริเวณภาคตะวันตกของยอร์กเชอร์ (Yorkshire) โรงงานที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำเหล่านี้ เกือบทั้งหมดมักตั้งอยู่ในเมือง ทำให้ชุมชนเมืองเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งจากการอพยพของแรงานจากชนบทและจากการแต่งงานเร็วขึ้นของคนทำงานที่มีรายได้ประจำเพิ่ม นอกจากอุตสาหกรรมสิ่งทอแล้ว อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าก็เกิดขึ้น ซึ่งแม้จะขยายตัวช้ากว่า แต่ก็ได้กลายเป็นตัวสำคัญในการขับเศรษฐกิจแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคที่ 2 ประมาณ พ.ศ. 2373 เป็นต้นมา แต่นักประวัติศาสตร์กลับเห็นว่าบทบาทของการตลาด ความมั่นคงทางการเมืองและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการจัดการที่เริ่มขึ้นในสมัยนั้นเป็นหัวใจของการขยายตัวอย่างรุนแรงที่แท้จริงของอุตสาหกรรม และในกระบวนการปฏิวัติอุตสาหกรรมดังกล่าวยังทำให้เกิดนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นหลายคน เช่น อาร์คไรท์ โบลตัน โคร์ต ครอมพ์ตัน ฮาร์กรีฟส์ เคย์ และวัตต์ นอกจากนี้ กฎหมายเกี่ยวกับการผังเมือง รวมทั้งการจัดสร้างสวนสาธารณะก็เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน    4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ค.ศ.1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น                 2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ                  3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(ค.ศ.1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ค.ศ.1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น     4. การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก          5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นการเปลี่ยนสถานที่ประกอบการในครอบครัวมาเป็นโรงงานที่สร้างขึ้นสำหรับการผลิตโดยเฉพาะ และเปลี่ยนจุดประสงค์ของการผลิตจากการผลิตเพื่อนำมาเลี้ยงชีพเป็นการผลิตเพื่อส่งสินค้าออกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ส่งผลกระทบต่อหลายด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สติปัญญาและวัฒนธรรม
ผลดีของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

      
เกิดระบบโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเพิ่มจำนวนขึ้นเกิดแรงงานเพิ่มขึ้นและมาอยู่รวมกันในเมืองใหญ่ มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นคุณภาพสินค้าและบริการมีคุณภาพขึ้น และมีการนำวิทยาการเทคโนโลยีใหม่ ๆเข้ามาพัฒนาใช้เพื่อความก้าวหน้าของประเทศเพิ่มขึ้น
ผลเสียของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

      
ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่พัฒนาและกำลังพัฒนาเป็นบ่อเกิดของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกเนื่องจากต้องการแหล่งวัตถุดิบและขยายการค้าและมีการแบ่งชนชั้นคือนายทุนที่มั่งคั่งกับลูกจ้างผู้ยากไร้ภายในประเทศ  

ที่มา:http://www.lks.ac.th/kukiat/student/betterroyal/social/39.html

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss 40109 เมื่อ อังคาร, 14/09/2010 - 13:38

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

 ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม   การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก         การปฏิวัติอุหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ..1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลก   อย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม   การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะแรก 1. การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า         ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง           

      2. เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมที่สำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก มีดังนี้ 

  (1) อุตสาหกรรมทอผ้า สิ่งประดิษฐ์ในระยะแรก  เป็นเครื่องจักรกลที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เช่น               - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ของ จอห์น เคย์ (John Kay)                 - เครื่องปั่นด้าย “สปินนิง มูล” (Spinning Mule) ของแซมมวล ครอมป์ตัน (SamuelCrompton) ปั่นด้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง                 - เครื่องทอผ้า ที่เรียกว่า หูกทอผ้า “พาเวอร์ ลูม” (Power Loom) ของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ทำให้อุตสาหกรรมทอผ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว   

 (2) เครื่องจักรไอน้ำ เป็นผลงานของ เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวสก็อต ในปี ..1786 เป็นผลให้อุตสาหกรรมทอผ้าฝ้ายของอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  

  (3) อุตสาหกรรมเหล็ก มีการนำเหล็กมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เช่น ทำรางรถไฟ ตู้รถสินค้าของรถไฟ ฯลฯ จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็ก” (Age  of  Iron)   การปฏิวัติอุตสาหกรรม ระยะที่สอง                  1.การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ..1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง)                

    2.อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel ) 

  ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                          1. การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น                 2. การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ              

    3. การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 

    4. การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก    ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม                 1. การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข                   2. การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย               3. การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย              

    4. ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน เป็นต้น 

ที่มา   school.obec.go.th/saod_rs/p007/p03 (วันที่ 23 พฤษภาคม 52)         http://th.wikipedia.org/wiki/   http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry   

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37409 เมื่อ อาทิตย์, 12/09/2010 - 18:06

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

1.ความหมายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกิดขึ้นที่ประเทศใด

          การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรม  ทำให้ได้ผลผลิตใน ทั้ปริมาณมาก  การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก่อน เมื่อประมาณ ค.ศ.1760 หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และค่อย  แพร่ขยายไปยังประเทศยุโรปและชาติตะวันตกอื่น  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อประชากรโลกอย่างมากงในด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรม

2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"

       การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า ทั้งนี้ เป็นเพราะอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่  ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง     

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า    1.การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่สอง ประมาณปี ค.ศ.1860-1914 มีการนำความรู้ทางวิทยาศสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า ( ส่วนถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ำลดความสำคัญลง )

2.อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age of Steel )

4.ให้อธิบายแสดงความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

   1.การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่  พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น2.การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ3.การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น4.การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5.ให้อธิบายผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

    การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง 
การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่ ๆ อย่างหลากหลาย ในขณะที่ชนชั้นกลางหรือพ่อค้านายทุนเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น
 
การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
 
ภาพของโลกเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 จึงเป็นภาพที่สะท้อนถึงความแตกต่างของชาติที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้วกับชาติอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรม รวมทั้งก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างเจ้าอาณานิคมกับประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม 
ความแตกต่างกันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงวิถีชีวิตระหว่างเมืองกับชนบท หรือภาคอุตสาหกรรมกับเกษตรกรรมเท่านั้นหากยังแตกต่างกันในวิธีคิดที่แสดงออกผ่านระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมอีกด้วย กล่าวคือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นระดับพัฒนาการในระบบทุนนิยมจากทุนนิยมการค้าสู่ทุนนิยมอุตสาหกรรม จึงต้องมีการปรับระบบความคิดและสถาบันองค์กรให้สอดคล้องและรองรับการเติบโตของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม
 

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss40100 เมื่อ อาทิตย์, 12/09/2010 - 11:21

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss40100 เมื่อ อาทิตย์, 12/09/2010 - 11:26

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด
 


(1) การปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง

กระบวนการเปลี่ยนแปลงในวิธีการและระบบการผลิต

จากการใช้แรงงานคนและสัตว์รวมทั้งพลังงานธรรมชาติ

มาเป็นการใช้เครื่องมือและเครื่องจักรกลแบบง่ายๆ

จนถึงแบบสลับซับซ้อนที่มีประสิทธิภาพรวดเร็ว

และมีกำลังการผลิตสูง จนเกิดเป็นระบบโรงงานแทนการผลิตในครัวเรือน

การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ

ในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18

สาเหตุที่อังกฤษเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีดังนี้

1.อังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงการผลิตทางด้านการเกษตรก่อนที่อื่น

2.อังกฤษมีความเจริญทางด้านการเงินและธุรกิจการค้าพร้อมมูล

3.อังกฤษมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงงานและการบริโภคอันเป็นพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรม

4.อังกฤษมีวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ

เหล็กถ่านหินและพลังน้ำขนแกะ และ ฝ้ายในการทอผ้า

5.รัฐบาลอังกฤษให้การสนับสนุนค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก 

6.ทางด้านการเมืองปรากฏว่าชนชั้นกลางเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมืองซึ่งคนกลุ่มนี้สนับสนุนการค้าและอุตสาหกรรม

(2) สาเหตุที่เรียกระยะแรกว่า "สมัยแห่งพลังงานไอน้ำ"คือ 

มีการค้นพบพลังงานไอน้ำและเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในทางอุตสาหกรรม

ปั่นด้ายและทอผ้า

คือ การใช้เครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม

ถ่านหิน เหล็ก และการทอผ้า                                                                    

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

(3) สาเหตุที่เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่สองว่าคุคเหล็กกล้าเพราะ

มีการนำเอาเหล็กกล้ามาใช้ในการอุตสาหกรรมขึ้น

การใช้โลหะผสมและโลหะเบาที่อาศัยกรรมวิธีทางเคมีเข้าช่วย

พลังงานที่ใช้กันในระยะนี้เปลี่ยนจากถ่านหินและไอน้ำมาเป็นก๊าซและน้ำมันเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ยังมีการสร้างรถไฟมาใช้ในการคมนาคมขนส่งตลอดจนเรือกลไฟ

ต่อมาได้พัฒนาไปเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า          

(4) คาวมก้าวหน้าและการขยาตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

1. การค้นพบการผลิตเหล็กกล้า และการใช้พลังงานใหม่ที่ใช้แทนถ่านหิน ได้แก่ พลังงานจากก๊าช ปิโตเลียม และพลงไฟฟ้า

2. ทำให้หลายประเทศในยุโรปปะระสบผลสำเร็จในการพั

ฒนา

อุตสาหกรรมอย่างมาก 

โดยเฉพาะประเทศเยอรมันนี

3. ทำให้เกิดการบริหารจัดการในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบ


(5) ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรมม

1.เพิ่มจำนวนประชากร เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง  สังคม และการเจริญก้วนหน้าทงด้านการแพทย์และสาธารสุข

2.การขยายตัวของประชากรมากขึ้นทำให้เกิดการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ชนชั้นการค้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

3.เกิดการแสวงหาอาณานิคมเพื่อต้องการวัตถุดิบในการผลิต ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้า

4. ทำให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างไม่หยุดยั้งจนถึงปัจจุบัน

แหล่งข้อมูล 

้http://www.rayongwit.ac.th

http://www.ico2go.com                                                                                                            


  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nss37719 เมื่อ พุธ, 08/09/2010 - 22:54

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ต่อจากอันก่อนหน้านี้

จอห์นสจ๊วต มิลส์

จอห์น ล็อค

ฌอง ฌาค รุสโซ

การมองว่า มนุษย์นั้นดีงาม และเชื่อมันในหลักสิทธิเสรีภาพ และการมีสัญญาประชาคม โดยหวังว่าบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับหน้าที่สำคัญในการเป็นตัวแทนของอำนาจ ตัดสินถูกผิด และกำหนดทิศทางของสมาชิกในสังคม อาจจะเป็นแนวคิดที่มองโลกในแง่ดีเกินไป หากเทียบกับแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์ ที่เป็นพวกคิดบวกไม่เป็น และมองว่า ธรรมชาติมนุษย์นั้น สนใจแต่ประโยชน์ส่วนตัว และมุ่งแสวงหาความพึงพอใจสูงสุด

ขณะที่โลกอุตสาหกรรมได้สร้างความก้าวหน้าทางวัตถุและสร้างวิถีชีวิตที่มั่งคั่งสะดวกสบายให้กับคนกลุ่มหนึ่งนั้น อีกด้านหนึ่งได้สร้างปัญหาที่ซับซ้อนให้กับสังคมและระหว่างประเทศไปด้วย สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนคือช่องว่างของคนในสังคม ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันระหว่างชนชั้นกรรมาชีพ กับชนชั้นนายทุนและชนชั้นกลาง

ในสังคมอุตสาหกรรมที่พัฒนาถึงขีดสุดในศตวรรษที่ 19 คุณภาพชีวิตของชนชั้นแรงงานกลับยิ่งเลวร้าย ชั่วโมงทำงานมาก พักผ่อนน้อย อายุของแรงงานต่ำ (เนื่องจากอุปสงค์แรงงานมีมาก แรงงานเด็ก จึงถูกเกณฑ์เข้าสู่การผลิตมาก) ค่าจ้างที่ได้รับ ไม่พอกับค่าครองชีพ ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน สุขอนามัยในที่ทำงาน ล้วนย่ำแย่

แหล่งที่มา

http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=228358

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

nsspramote เมื่อ ศุกร์, 10/09/2010 - 10:43

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

ตอบข้อไหนครับยังไงตอบมาใหม่แล้วกันอ่านไม่เข้าใจครับ

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

NSS 37411 เมื่อ พุธ, 08/09/2010 - 22:48

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

นายอภิสิทธิ์  แก้วปาน ม.5/1 เลขที่ 5

1.การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนและสัตว์พลังงานธรรมชาติ หรือเครื่องมือง่าย  ในสังคมเกษตรกรรมมาเป็นใช้เครื่องจักรกลผลิตสินค้าในระบบโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ผลผลิตในปริมาณมาก

 2.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรกจึงเรียกว่า "สมัยแห่งพลังไอน้ำ"การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก ประมาณ ..1760 เรียกว่า “สมัยแห่งพลังไอน้ำ” เนื่องจากมีการค้นพบพลังไอน้ำและนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า       

3.ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะที่2จึงเรียกว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า"อุตสาหกรรมที่สำคัญในยุคนี้ คือ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงที่สองนี้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age  of  Steel )  

4.ความก้าวหน้าและการขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
                การค้นพบวิธีการผลิตเหล็กกล้า ในปี ..1856 และการใช้พลังงานใหม่  แทนที่ ถ่านหิน ได้แก่ 
พลังงานจากก๊าซ น้ำมันปิโตรเลียม และไฟฟ้า เป็นผลให้อุตสาหกรรมของทวีปยุโรปขยายตัวอย่างรวดเร็วโด
ยเฉพาะเมื่อเหล็กกล้ามีราคาถูกลงทำให้อุตสาหกรรมหนัก เช่น การต่อเรือ การคมนาคม และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง  พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                2 การขยายตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีประเทศในภาคพื้นยุโรปหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอังกฤษ
                3 การเกิดประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมของโลก ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1(..1914-1918) อังกฤษยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงมากที่สุด จนกระทั้งในปี ..1920 จึงเกิดประเทศคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น 
                4 การเกิดระบบการบริหารและการจัดการทางอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการบริหารงานในระบบโรงงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น มีการแบ่งงานกันทำเป็นฝ่ายหรือแผนก 

5.ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
               1 การเพิ่มของจำนวนประชากร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการขยายตัวของชุมชนเมือง และความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข
                2 การขยายตัวของสังคมเมือง เกิดเมืองใหม่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการอพยพของผู้คนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาชุมชนแออัด และเกิดอาชีพใหม่  หลากหลาย 
                3 การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
                4 ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้โลกมีการพัฒนาการผลิตภาคอุตสาหกรรมก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เช่น มีการนำวัสดุอื่น  มาใช้ผลิตแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น พลาสติก และโลหะที่มีน้ำหนักเบา ระบบใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน 

แหล่งข้อมูล

http://ico2go.com/read.php?tid=1286

  • ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

  • 1
  • 2
  • ถัดไป ›
  • หน้าสุดท้าย »

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 2 เกี่ยวข้องกับพลังงานใด

การปฏิวัติอุสาหกรรมระยะที่ 2. (ค.ศ.1861-1914) สมัยแห่งพลังงานไอน ้า - เครื่องจักรไอน ้า (stream engine) - อุตสาหกรรมการปั่นด้าย การทอผ้าฝ้าย ผ้าขนสัตว์ - พลังงานที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากพลังงานไอน ้า(stream power) และ จากถ่านหิน(coal) ยุคเหล็กกล้า (Age of Steel) และ พลังงานฟอสซิล

การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 1 มีอะไรบ้าง

การปฏิวัติอุตสาหกรรมในระยะแรก คือ การประดิษฐ์เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการ ทอผ้า เช่น ใน ค.ศ. 1733 จอห์น เคย์ (JOHN KAY) แห่งเมืองแลงคาเชียร์ (LANCASHIRE) ได้ประดิษฐ์กี่กระตุก (FLYING SHUTTLE) ซึ่งช่วยให้ช่างทอผ้าสามารถผลิตผ้าได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า ค.ศ. 1764 เจมส์ ฮาร์กรีฟส์ (JAMES HARGREAVES) สามารถผลิตเครื่องปั่นด้าย ( ...

ข้อใดคือสาเหตุที่ผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม

สาเหตุของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จึงเกิดความสนใจที่จะประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ในการอุตสาหกรรม การสำรวจทางทะเลและการแสวงหาอาณานิคม ทำให้มีแหล่งวัตถุดิบและตลาดระบายสินค้า เป็นการกระตุ้นให้การค้าขยายตัว จึงสนับสนุนให้คิดประดิษฐ์เครื่องจักร

การปฏิวัติอุตสาหกรรมให้ความสําคัญในเรื่องใดมากที่สุด

การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งส่งผลกระทบในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือการที่รายได้และจำนวนประชากรโดยเฉลี่ยเริ่มที่จะขยายตัวอย่างยั่งยืนในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้สองร้อยปีหลังจาก ค.ศ. 1800 ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของโลกขยายตัวมากกว่าสิบ ...