การค้าระหว่างประเทศ (international trade) เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า (goods[1]) หรือบริการ (service) ระหว่างบุคคลซึ่งอยู่กันคนละประเทศ[2] เป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง เพราะปริมาณการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสินค้าของประเทศหนึ่งบ่งบอกถึงความมั่นคงและมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นได้พอสมควร[3] ประเทศที่พัฒนาแล้วจึงสนใจการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงตรากฎหมายควบคุมการค้าระหว่างประเทศ และประสานความร่วมมือกันในระดับสากลโดยมีกฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของการค้าเหล่านั้นด้วย Show สำหรับประเทศไทย แม้มีบทบาททางการค้าระหว่างประเทศมาช้านานซึ่งนับย้อนไปได้ถึงโบราณกาล เช่น ในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมีค้ากับต่างประเทศทางสำเภา และในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มีการขุดคอคอดกระเพื่อเชื่อมอ่าวไทยกับทะเลอันดามันให้เกิดความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางทะเล[4] แต่การศึกษาเล่าเรียนกฎหมายเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศเพิ่งบุกเบิกได้ไม่นาน[5] และในวงการศาลก็เพิ่งจัดตั้งศาลชำนาญพิเศษทางการค้าระหว่างประเทศขึ้นเมื่อปี 2539 คือ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เป็นเหตุให้นักกฎหมายซึ่งชำนิชำนาญทางการค้าระหว่างประเทศเห็นว่า ขณะนี้ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศในประเทศไทยยังมีน้อยและไม่ลงรอยกันเสมือนในต่างประเทศ จำต้องวางรากฐานอีกยาวไกล ตำรานี้มุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในแง่กฎหมาย ทั้งที่เป็นกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อประโยชน์ในการศึกษากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ตำรานี้จึงแบ่งเนื้อหาดังนี้ ภาคที่ 1 ภาคทั่วไป: ว่าด้วยลักษณะของการค้าระหว่างประเทศ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ และสัญญาหลักทางการค้าระหว่างประเทศ ภาคที่ 2 ซื้อขายระหว่างประเทศ ภาคที่ 3 รับขนของทางทะเล ภาคที่ 4 ประกันภัยทางทะเล ภาคที่ 5 เลตเตอร์ออฟเครดิต คำแปลกฎหมายต่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศที่ปรากฏในตำรานี้เป็นคำแปลของวิกิตำรา มิใช่คำแปลอย่างเป็นทางการ อนึ่ง เพื่อประโยชน์ในการศึกษา ตำรานี้ได้แทรก ฎ. บางฉบับไว้ด้วย แต่พึงทราบว่า ในระบบซีวิลลอว์ (civil law) ซึ่งเป็นระบบกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทยนั้น คำพิพากษาไม่เป็นกฎหมาย เป็นเพียงการปรับใช้กฎหมายเป็นรายกรณีไปเท่านั้น
|