Chiangrai Guide 2022 | 20 พิกัดเด็ด จ.เชียงราย 2022 เชื่อว่าเชียงรายน่าจะเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางของใครหลายๆคนในช่วงสิ้นปีนี้ วันนี้พวกเราเลยรวบรวมที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว และคาเฟ่ ใน จ.เชียงราย มาให้ทุกคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยว สามารถตามรอยพวกเราได้นะครับ บอกเลยว่าเด็ดดวงทุกที่ เพราะว่าเราคัดมาแล้ว! Show
นั่นแปลว่า ตลอดเวลา 10 นาทีที่เราคุยกับเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือคนรัก เราจะสนใจฟังและจดจำสิ่งที่เขาพูดได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ===== ในบรรดาทักษะสำคัญในการสื่อสารและเรียนรู้ทั้ง 4 อย่าง คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ผู้คนมักจะให้คุณค่ากับการพูดและการเขียนมากที่สุด รองลงมาคือการอ่าน ส่วนการฟังคนมักจะไม่ค่อยสนใจ ทั้งที่ในความเป็นจริง การฟัง คือ ทักษะที่สำคัญมากถึงขนาดที่ทำให้การทำงานประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และยังช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นอีกด้วย ===== ลองนึกถึงการฟังแล้วได้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ฟังจนเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างแตกฉาน ฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลิน สบายใจหรือฟังแล้วได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ประโยชน์มากมายเหล่านี้ที่น่าจะทำให้ถึงเวลาที่คุณจำเป็นต้องฝึกทักษะ “Active Listening” หรือ การฟังอย่างตั้งใจ กันแล้ว ===== Active Listening คือ การมีสติตลอดเวลาที่ฟัง ไม่เพียงรู้ว่าข้อความที่ได้ยินคืออะไร แต่ยังรวมไปถึงการเข้าใจประเด็นของสิ่งที่ได้ยินอีกด้วยหลักการเบื้องต้น คือ การมีสมาธิ กับ สติ ไม่ถูกสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศรอบตัวทำให้ไขว้เขว ไม่คิดฟุ้งหรือตอบโต้สิ่งที่ได้ยิน เคล็ดลับง่าย ๆ ก็คือ เวลาฟังอะไรให้ทวนสิ่งที่ได้ยินเป็นระยะ ๆ ทำให้เรายังจดจ่อกับเรื่องราวได้ดี รวมไปถึงการทำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ด้วยว่า เรากำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ การทวนนี้ทำได้ตั้งแต่การทวนคำพูดของเขา การตอบรับสั้น ๆ เช่น อืม อ่อ การใช้ภาษาท่าทาง เช่น การพยักหน้า หรือทำทั้งหมดนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ ===== อย่างไรก็ตาม ให้ระวังการพยักหน้าตอนกำลังฟัง เพราะอาจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าคุณกำลังเห็นพ้องต้องกันกับเขาไปเสียทุกเรื่อง ให้ทำแค่พอประมาณเพื่อให้รู้ว่าคุณกำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ก็เพียงพอแล้ว สรุปแล้ว เคล็ดลับสำหรับการเป็น “นักฟังที่ดี” ได้แก่ การเดินตาม 5 วิธีการดังนี้ 1.สนใจผู้พูดเมื่อฟังใครพูดก็มุ่งเน้นความสนใจไปยังคนที่กำลังพูด คอยสังเกตภาษากายหรือน้ำเสียงของเขาด้วย เริ่มจากมองไปยังผู้พูด ถ้าคิดว่ามีอะไรที่จะมากวนจิตใจของเราก็ให้ทิ้งไปก่อน อย่าคิดตอบโต้ระหว่างฟัง และคอยหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะรบกวนสมาธิคุณ เช่น คนอื่นที่คุยกันอยู่ข้างๆ และสุดท้ายคือการอ่านภาษาท่าทางของผู้พูดให้ได้ว่าเขาสื่อความว่าอย่างไร ===== 2.แสดงให้เห็นว่าเรากำลังฟังทำได้ตั้งแต่การพยักหน้าเป็นระยะๆ (แต่อย่าทำบ่อยจนคล้ายการเห็นด้วยไปเสียหมด) มองตา ยิ้มให้หรือแสดงออกทางสีหน้าบ้าง ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเราสนใจในสิ่งที่เขาพูด และช่วยให้ผู้พูดมีกำลังใจว่าไม่ได้พูดอยู่คนเดียว ด้วยการตอบรับบ้างเป็นครั้งคราว ===== 3.สะท้อนกลับไปบ้างเมื่อเราฟัง เราควรจะให้ฟีดแบ็คด้วยการประมวลผลคำพูดของเขาเป็นระยะ ๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทวนสิ่งที่พูดว่า “ที่ได้ยินมานี่ หมายความว่า…” “แบบนี้มันก็แปลว่า…” หรือถ้าเป็นไปได้ ให้ตั้งคำถามกลับไปบ้าง เช่น “ตรงที่บอกว่า… อันนี้หมายความว่ายังไงนะครับ” หรือคุณจะช่วยสรุปสิ่งที่ได้ยินออกมาเป็นระยะๆ ก็ได้เช่นกัน ===== 4.อย่าด่วนตัดสินการฟังก็คือการฟัง ไม่ใช่การหาทางตอบโต้ ดังนั้น การฟังอย่างตั้งใจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการกวนใจผู้พูด ปล่อยให้เขาได้พูดจนจบก่อนที่จะโต้แย้งหรือตั้งคำถามยากๆ และระหว่างที่ได้ยินความคิดเห็นอะไร อย่ารีบเร่งไปถกเถียงจนกว่าคุณจะฟังจนครบถ้วนแล้วจริง ๆ ===== 5.ตอบกลับให้เหมาะการตอบกลับควรจะทำอย่างมีศิลปะและจริงใจ ไม่ใช่การแสดงว่าเห็นด้วยในสิ่งที่คุณไม่ได้เห็นด้วยจริง ๆ การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นสามารถทำได้ ซึ่งก็ต้องเป็นความคิดเห็นที่มีเหตุผลประกอบและอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ===== ทั้งหมดนี้ล้วนต้องฝึกฝน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเคยชินกับการฟังแบบผ่าน ๆ ฟังแบบจับใจความแบบได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เมื่อการฝึกฝนจนก้าวหน้าและผลักดันให้ตัวเองกลายเป็นนักฟังอย่างจริงจัง คุณจะประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับคนอื่นๆ และเกิดประสิทธิภาพต่อชีวิตและการงานอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ หากคุณต้องการฝึกฝนการฟังอย่างจริงจังและช่วยให้ทีมมีทักษะการฟังที่ดีขึ้น เราขอแนะนำหลักสูตร “Executive Communication ทักษะการสื่อสารของผู้บริหารยุคใหม่” ที่คุณจะได้ฝึกการฟังหลากหลายรูปแบบและการสื่อสารที่จะช่วยสร้างทีมเวิร์คที่ดีขึ้นได้ คลิกดูได้ที่นี่ครับ Attention (ความสนใจ)ต่อมา ให้ความใส่ใจเสียงของอีกฝ่าย ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด โดยไม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ รอฟังเหตุผลและเรื่องราวทั้งหมดของอีกฝ่ายให้จบก่อนนำมาคิดและประมวลผลตาม Active Listening หรือ การฟังเชิงรุก (ในที่นี้มีความหมายเดียวกับการฟังด้วยใจ, การฟังอย่างตั้งใจ) คือการฟังที่มีความหมายครอบคลุมทั้งการได้ยินเสียงที่อีกฝ่ายพูด โดยไม่ใช้ประสบการณ์ อคติ หรือความคาดหวังของตนไปตัดสินว่าเรื่องที่ได้ยินนั้นผิดหรือถูก มีการคิดวิเคราะห์แยกแยะ จับประเด็น และทวนกลับเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง รวมถึงการสังเกตอากัปกิริยาอารมณ์ความรู้สึกของผู้พูด โดยผู้ฟังจะมีสติอยู่กับปัจจุบัน เปิดใจรับฟัง สามารถติดตามเรื่องราว ความคิดและความรู้สึกของผู้พูดได้จนเกิดความเข้าใจ นอกจากการฟังเชิงรุกจะทำให้เราสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้พูดสื่อสารแล้ว ทักษะนี้ยังมีคุณค่าและประโยชน์ในแง่ของการช่วยเหลือด้วยการรับฟัง ที่ทำให้ผู้พูดรู้สึกสบายใจ ได้มีโอกาสพูดตามความรู้สึกที่แท้จริง ซึ่งจำเป้นต้องใช้ควบคู่กับทักษะการตั้งคำถามที่ทรงพลัง เพื่อให้เขาหรือเธอได้ทบทวนความคิดที่ยุ่งเหยิงและค้นพบคำตอบด้วยตนเอง จากคลิปวีดิโอของมูลนิธิสมาริตันส์ที่นำเสนอเรื่องราวของการฟังข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีประเด็นน่าสนใจที่เกี่ยวกับทักษะการฟังเชิงรุก ได้แก่ อยากฝึกทักษะการฟังเชิงรุก ทำอย่างไรดี?
|