ประเภทของ e-commerce มีอะไรบ้าง

Background ลูกค้าของฮีโร่ลีดส์คือแบรนด์ Street Fashion จากประเทศเกาหลีที่จัดจำหน่ายโดยผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของไทยที่ครอบคลุมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากกระแส Streetwear ที่มาแรงในปัจจุบัน แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำแบบ Sportswear จากเกาหลีก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ทางแบรนด์ต้องการที่จะขยายตลาดเพิ่มขึ้นในไทย โดยมีจุดประสงค์คือการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทาง E-Commerce ใน...

E-commerce คือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เเละ E-commerce ย่อมาจาก Electronic Commerce คือการทำธุรกิจโดยซื้อขายสินค้า หรือโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในอดีตเคยนิยมใช้ช่องทางผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เเละสื่อกลางในการใช้งานที่มากที่สุดในปัจจุบัน คืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง โดยสามารถใช้ทั้งข้อความเสียง ภาพ เเละคลิปวีดีโอในการประกอบธุรกิจได้ การทำธุรกิจเเบบ E-commerce สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง เเละทำให้ลดค่าใช้จ่ายต่างๆในกนารดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี  ธุรกิจรูปเเบบ E-commerce มีหลากหลายรูปเเบบที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้

ประเภทของ E-commerce

  • ธุรกิจผู้ซื้อปลีก หรือ B to C ( Business to Consumer ) คือ ผู้ซื้อปลีกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากผู้ขาย เช่นการสั่ง เครื่องสำอางออนไลน์ ซื้อเสื้อผ้ารองเท้า เป็นต้น
  • ธุรกิจกับหน่วยงานรัฐ หรือ B to G ( business to Government ) ในที่นี้ คือธุรกิจระหว่างภาคเอกชนเเละหน่วยงานรัฐบาล เช่น การจดทะเบียนการค้า การรายงานผลประกอบการประจำปี การสืบค้นเครื่องหมายทางการค้า เป็นต้น
  • ธุรกิจกับธุรกิจ หรือ B to B ( business to Business ) คือผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายทำการติดต่อตกลงซื้อขายทำธุรกิจกัน โดยเน้นไปที่การค้าเเบบขายส่ง ซึ่งทำการสั่งซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ต
  • รัฐบาลกับรัฐบาล หรือ G to G ( Government to Government ) รัฐบาลในที่นี้หมายถึงภาครัฐเเละเอกชน ส่วนใหญ่เป็นการติดต่อเเลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกระทรวง
  • ผู้บริโภคกับผู้บริโภค หรือ C to C ( Consumer to Consumer ) คือการติดต่อเเลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ผู้บริโภคในที่นี้หมายถึง บุคคลที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจประกาศขายสินค้าของตนเอง เเละผู้บริโภคคนอื่นก็สนใจจะซื้อสินค้า การประกาศขายนี้ส่วนใหญ่ขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทางเเพรตฟอร์ม Social Media  เนื่องจากมีพื้นที่ให้ติดต่อซื้อขายสดวก
  • รัฐบาลกับประชาชน หรือ G to C  ( Government to Consumer ) คือ การให้บริการจากภาครัฐผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่นการคำนวนเเละเสียภาษีผ่านทางเว็ปไซต์ออนไลน์ การดามโหลดเเบบฟอร์มเพื่อ ลงทะเบียนต่างๆผ่านทางเว็ปไซต์

เเล้วทำไมเราจึงควรมีธุรกิจรูปเเบบ E-commerce ?

นั่นก็เพราะว่าในปัจจุบันชีวิตของเราเเทบทุกย่างก้าวขับเคลื่อนไปพร้อมๆกับการใช้ SocialMedia หรือ Internet ช่องทางต่างๆ ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย     สดวกรวดเร็ว เเละการใช้งาน Internet เเทบจะเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันของคนเราไปเเล้ว เเละด้วยเหตุนี้ ทำให้หลายๆธุรกิจหันมาทำ E-commerce กันมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งธุรกิจ E-commerce ยังมีข้อดีหลายด้านด้วยกัน เช่น

  • ไม่ต้องพึ่งหน้าร้าน เพราะเราสามารถเเสดงสินค้าได้ผ่านรูป วีดีโอ ผ่านทาง Social Media
  • ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน สามารถเเสดงข้อมูลสินค้าพร้อมระบบสนทนาอัตโนมัติได้ ทำให้สามารถรองรับลูกค้าที่สนใจได้ตลอด 24 ชม.
  • เพิ่มโอกาสในการขาย เพราะว่าร้านค้ามีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย จึงสามารถค้าขายได้ทั้งภายในประเทศ เเละต่างประเทศ เเละในปัจจุบันระบบขนส่งก็อำนวยความสดวกมากขึ้นด้วย
  • ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารเเละจัดการ สามารถเหลือต้นทุนเพื่อไปลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ เช่นขยายธุรกิจ เพิ่มสินค้าให้หลากหลายเพื่อให้ธุรกิจของคุณครอบคลุมฐานลูกค้าทุกกลุ่ม หรือนำเงินไปลงทุนกับค่าโฆษณาเพื่อเรียกลูกค้าได้เช่นกัน
  • ทำการตลาดได้อย่างเเม่นยำ เเละสามารถวัดผลได้ สามารถใช้เว็ปไซต์หรือ Social Media เก็บข้อมูลลูกค้าเเละผู้เยี่ยมชมได้ เเละเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพได้ ซึ่งต่างจากการโฆษณาเเบบระบบธุรกิจดั่งเดิมที่ ใช้สื่อโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์

นอกจากการมีเว็ปไซต์ E-commerce ที่ดีเเล้ว สิ่งที่เราไม่ควรละเลยคือกลยุทธ์ทางการตลาดในการโปรโมทสินค้าทางสื่อออนไลน์ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่เเพ้กัน เพราะหากว่าธุรกิจของคุณจะดีเเค่ไหน หากไม่มีคนรู้จักเเละ ไม่มีคนเข้าชมเว็ปไซต์ของคุณเลย ขั้นตอนของการขายสินค้าก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ การทำธุจกิจประเภท E-commerce มีประโยชน์หลายๆด้าน โดยหัวใจหลักจะอยู่ที่เว็ปไซต์ขายสินค้าที่สามารถอำนวยความสะดวกต่อเจ้าของธุรกิจเเละลูกค้า บางธุรกิจหรือผู้ที่ยังมีทุนไม่พร้อมก็สามารถใช้สื่อ Social Media ในการขายสินค้าไปก่อนได้เหมือนกัน

9.5 รูปแบบการทำธุรกิจของ E-Commerce


1. ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business: B2B) หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน ตัวอย่างเช่นผู้ประกอบการในระดับเดียวกัน หรือต่างระดับกันก็ได้ หรือผู้ผลิตกับผู้ผลิต ผู้ผลิตกับผู้ส่งออก ผู้ผลิตกับผู้นำเข้าผู้ผลิตกับผู้ค้าส่งและค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีความสำคัญมากที่สุด ตัวอย่าง Website เช่น
บริษัทไมโครซอฟต์เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ (www.micorsoft.com) บริษัทซิสโกเป็นบริษัทขายอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ทางด้านเครือข่ายอื่นๆ โดยขายผ่านเว็บแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (www.cisco.com) ขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภค (http://www.tesco.co.th/th/index.html) ขายสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(http://www.value.co.th/th/main.asp) และ ตลาดซื้อขายออนไลน์ (http://www.b2bthai.com/) เป็นต้น


2. ธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer: B2C) หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (electronic retailing) เราสามารถแบ่งระดับของกิจกรรมของ คือ การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 5 ระดับดังต่อไปนี้คือ การโฆษณาและแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic showcase) เพียงอย่างเดียว, การสั่งซื้อสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic ordering) สามารถสั่งซื้อได้, การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic payment) สามารถชำระเงินได้, การจัดส่งและบริการหลังการขายด้วยอินเทอร์เน็ต (Electronic delivery and service) สามารถจัดส่งและบริการหลังการขายได้ และ การทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic transaction) สามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ ตัวอย่าง Website เช่น
บริการผู้ขายปลีกสินค้าผ่านเว็บไซต์โดยทำการขายหนังสือไปทั่วโลก (www.amazon.com) บริการการจองตั๋วเครื่องบินของบริษัทการบินไทยผ่านเว็บไซต์ (www.thaiair.com) ขายเครื่องประดับ (http://www.abcjewelry.com/) และ ขายอาหาร(http://www.pizza.co.th/) ขายหนังสือ (http://www.se-ed.com)เป็นต้น


3. ธุรกิจกับรัฐบาล (Business to Government: B2G) หมายถึง ธุรกิจการบริหารการค้าของประเทศเพื่อเน้นการบริหารการจัดการที่ดีของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น การเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการเปิดประมูลผ่านทางเครือข่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ (government procurement), การจดทะเบียนการค้า, การรายงานผลการประกอบการประจำปี, การสืบค้นเครื่องหมายการค้า หรือสิทธิบัตรผ่านทางเครือข่าย เป็นต้น ตัวอย่าง Website เช่น
การประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ (www.mahadthai.com) และ ระบบอีดีไอในพิธีการกรมศุลกากร (www.customs.go.th)


4. ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer: C2C) หมายถึง ธุรกิจระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นการค้ารายย่อย อาทิ การขายของเก่าให้กับบุคคลอื่นๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ตัวอย่าง Website เช่น
เป็นแหล่งที่ผู้ขายมาเสนอขายและผู้ซื้อประมูลซื้อแข่งกันผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อกันผ่านอีเมล์ (www.ebay.com) ประกาศขายสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์ มีการลงทะเบียนเป็นสมาชิก สามารถจัดส่งสินค้าได้ (www.pantipmarket.com) และขายของมือสอง (http://www.thaisecondhand.com) เป็นต้น

Ecommerce มีอะไรบ้าง

ช่องทางการขายบน E-commerce มีอะไรบ้าง?.
1. เว็บไซต์ E-commerce / Brand.com. การขายสินค้าผ่าน เว็บไซต์ E-commerce หรือ Brand.com คือ การที่แบรนด์ทำเว็บไซต์ แล้วขายโดยตรงกับลูกค้าเอง ... .
2. Marketplace. ... .
3. Social Commerce..

G to C มีอะไรบ้าง

5. G2C (Government to Customer) การบริการของภาครัฐสู่ประชาชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ เช่นการเสียภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต การให้บริการบริการข้อมูลสู่ประชาชนผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

ดิจิทัลคอมเมิร์ซมีกี่ประเภท และประกอบด้วยอะไรบ้าง

สำหรับอี-คอมเมิร์ซแบ่ง 2 ประเภทตามสินค้า ก็มี.
ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีก หรือบีทูซี (Business to Consumer) คือผู้ซื้อปลีกใช้อินเตอร์เน็ตในการซื้อสินค้าจากธุรกิจที่โฆษณาอยู่ในอินเตอร์เน็ต.
ธุรกิจกับธุรกิจ หรือบีทูบี (Business to Business) คือธุรกิจกับธุรกิจติดต่อซื้อขายสินค้ากันผ่านอินเตอร์เน็ต.

ประเภทของ E

Consumer to Consumer (C2C) ก็คือโมเดลธุรกิจ e-Commerce ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถทำการซื้อขายสินค้ากันเองได้โดยตรง (แบบผู้บริโภคไปยังผู้บริโภค) จุดเด่นคือผู้ที่เป็นเจ้าของสินค้าหรือมีสินค้าไว้ในครอบครองทำการเปิดร้านขายของออนไลน์เล็ก ๆ เป็นของตนเองบนแพลตฟอร์มที่เป็นสื่อกลาง