ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง


             ลักษณะทางสังคมของประชากรในทวีปแอฟริกา ประกอบด้วยลักษณะสังคมดังต่อไปนี้

            1. สังคมของกลุ่มชนเผ่า เป็นสังคมของชาวแอฟริกันนิโกรดั้งเดิม ที่อาศัยกระจายอยู่ทั่วไปในแอฟริกา มีชนเผ่าประมาณ 3,000 เผ่า ความ        ยึดมั่นใน เรื่องชนเผ่ายังมีอิทธิพลอยู่มากในสังคมแอฟริกัน แม้ในเขตพื้นที่ที่มีความเจริญเข้าถึงแล้วก็ตาม ชนเผ่าแต่ละชนเผ่าก็มักอยู่รวมกัน         ใช้ภาษาของตนเอง ขณะ เดียวกันหลายชนเผ่ายังมีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อน มีการล่าสัตว์ เก็บของป่า เพาะปลูกพืชอาหาร เลี้ยงสัตว์ โดยถือจำนวน        สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องแสดงถึงฐานะผู้ที่มี จำนวนสัตว์เลี้ยงมากถือว่ามีฐานะดีมาก และใช้สัตว์เลี้ยงเป็นสื่อกลางแทนเงินตราในการซื้อขายแลก        เปลี่ยน กลุ่มชนเพวกนี้ไม่นิยมเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง มีการ ยึดถือประเพณีประจำเผ่าของตน และมักมีการต่อสู้กันระหว่างเผ่าในเรื่องต่างๆ อยู่        เสมอ ตัวอย่าง ชนเผ่าในแอฟริกา เช่น นูเบียน (Nubian) ปิกมี (Pygmie) มาไซ (Masai) ฮูตู (Hutu) ทุตซี (Tutsi) ซูลู (Zulu) บุชเมน                 (Bushmen) สวาฮิลี (Swahili) แบมบารา (Bambara) ตัวเร็ก (Tuareg) เป็นต้น

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง


            2. สังคมของกลุ่มชนแอฟริกันทั่วไป ประกอบด้วย ชาวแอฟริกันนิโกร และกลุ่มชนเชื้อสายอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง สังคมกลุ่มนี้ได้รับ        การศึกษาสมัยใหม่ ยอมรับวัฒนธรรมสมัยใหม่จากตะวันตก มีการตั้งถิ่นฐานแน่นอน มีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ใช้ชีวิตแบบสังคมเมือง      หรือสังคมชนบท โดยในชนบทผู้คน ยังมีฐานะยากจน มีการศึกษาน้อย ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก ซึ่งถ้าเป็นชาวแอฟริกันนิโกรก็        มักผูกพันกับชนเผ่าเดิมของตน

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง


����������鹷��ͧ��ջ�Ϳ�ԡ���ǹ�˭���繷���Һ�٧�ࢵ����Һ��ǹ�˭���繷���Һ ��½�觷��� ᤺ � ���������������ҡ ��ࢵ�غ�ҷ�ش �����ҧ��ȵ��ѹ�͡�ͧ��ջ ���ࢵ��͡�� �� ��͡���͵��� �������dz��ȵ��ѹ����§�˹�� �����ҹ����

� � (3) �ѡɳ������ҡ�Ȣͧ��ջ�Ϳ�ԡ� � �

�������ջ�Ϳ�ԡ��繷�ջ��������ͷ����ҧ�˭� ������������ҡ��ᵡ��ҧ�ѹ�ҡ �����
������ ��㹷��ŷ��·ҧ�͹�˹�͠��зҧ���ѹ�͡ ����ͧ�ҡ������ٹ���ٵü�ҹ 㨡�ҧ��ջ ����������Ѵ��ҹ �����Է�ԾŢͧ����ʹ��������طà� �������͹��� ����dz��ҹ���ѹ���ͺ���ǡԹ�

� �

(4) ��Ҿ�ҧ�ѧ�����Ѳ�����

� �

�������Ъҡâͧ��ջ�Ϳ�ԡ� �����ͪҵ� �� 2 ����� ������ �����ͪҵԹԡ��´���� ��फ�´� ��ǹ�˭�Ѻ�����ʹ������� ��������ѡ � ���� ���������Ѻ ����ҫٴҹ ������Һѹ�� ����ҹ��û�Сͺ�Ҫվ� �����Ҫվ����ɵá���� ������ͧ��蠠��� �ص��ˡ���

ทั่วโลกมีชนเผ่าพื้นเมืองกว่า 370 ล้านคน และกระจายอยู่มากกว่า 90 ประเทศ ซึ่งชนเผ่าพื้นเมืองมีกว่า 5,000 เผ่าและมีภาษาพื้นเมืองมากกว่า 4,000 ภาษา โดยมีสัดส่วนประมาณ 5% ของประชากรโลก และชนเผ่าพื้นเมืองส่วนใหญ่ประมาณ 70% อาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย

ถึงแม้ว่า ชนเผ่าพื้นเมืองมีประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาต้องเจอสภาพความเป็นจริงที่เหมือนกัน นั่นคือ ถูกบังคับให้โยกย้ายถิ่นฐานออกจากที่ดินของบรรพบุรุษ ถูกปฏิเสธไม่ให้แสดงออกซึ่งวัฒนธรรมของชนเผ่าตัวเอง ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกปฏิบัติในฐานะพลเมืองชั้นสอง

ชนเผ่าพื้นเมืองมักถูกผลักให้เป็นกลุ่มคนชายขอบและต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้น ซึ่งทำให้พวกเขาต้องเสี่ยงต่อการใช้ความรุนแรงและการถูกละเมิดมากขึ้น นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองผู้ซึ่งออกมาพูดมักต้องเผชิญกับการถูกข่มขู่และใช้ความรุนแรง ซึ่งส่วนมากเป็นการกระทำจากภาครัฐ นอกจากนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองอาจถูกทำร้ายร่างกายและถูกฆ่าเพียงเพราะสถานะของพวกเขา

ความพยายามอย่างสันติในการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมหรือการครอบครองที่ดินดั้งเดิมที่มักอุดมไปด้วยทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพของชนเผ่าพื้นเมืองนี้ มักนำไปสู่การถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏหรือผู้ก่อการร้าย

การถูกเลือกปฏิบัติเป็นเหตุผลว่าทำไมชนเผ่าพื้นเมืองกว่าร้อยละ 15 ของโลก มีสถานะที่ยากจนที่สุด นอกจากนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองทั่วโลกยังต้องเผชิญกับกับสภาพที่ไม่มีดินแดนสำหรับที่พักอาศัย ขาดสารอาหาร และเกิดการพลัดถิ่นภายในประเทศที่สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำงานเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองในทุกภูมิภาคทั่วโลก และเรียกร้องให้รัฐต่างๆ ใช้และพัฒนากฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อปกป้องดินแดน วัฒนธรรม และการดำรงชีวิตของชนเผ่าพื้นเมือง

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง

ชายชนเผ่าพื้นเมืองเดินลาดตระเวนป่าในดินแดนอูรู - อู - วอ – วอ หรือ Uru-Eu-Wau-Wau (ในรัฐรอนโดเนีย ประเทศบราซิล) เพื่อปกป้องป่าจากการยึดและการตัดไม้ในที่ดินอย่างผิดกฎหมาย เดือนมีนาคม 2562 © Gabriel Uchida

 

ชนเผ่าพื้นเมืองคือใคร

ชนเผ่าพื้นเมืองสามารถระบุได้ด้วยลักษณะบางประการ ได้แก่

  • ลักษณะที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาระบุตนเองว่าเป็นชนเผ่าพื้นเมือง

  • พวกเขามีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศหรือภูมิภาคในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างวัฒนธรรมหรือชาติพันธุ์มาอาศัยในประเทศหรือภูมิภาคนั้น

  • พวกเขามีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับดินแดนและทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบ

  • พวกเขามีระบบสังคม เศรษฐกิจหรือการเมืองที่เป็นเอกลักษณ์

  • พวกเขามีภาษา วัฒนธรรม และความเชื่อที่เป็นเอกลักษณ์

  • พวกเขาเป็นคนชายขอบและถูกเลือกปฏิบัติโดยรัฐ

  • พวกเขารักษาและพัฒนาสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของกลุ่ม

แต่ละลักษณะเหล่านี้อาจมีความสำคัญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ชนเผ่าพื้นเมืองยังเป็นที่รู้จักกันในนามชนชาติแรก ชนพื้นเมืองดั้งเดิม หรือชนพื้นเมือง ในบางประเทศอาจมีคำศัพท์เฉพาะเช่น Adivasis (อินเดีย) หรือ Janajatis (เนปาล) เป็นต้น

ชนเผ่าพื้นเมืองมักมีความสัมพันธ์พิเศษกับดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน อีกทั้ง พวกเขามีความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์หรือผู้ดูแลแผ่นดินสำหรับคนรุ่นต่อไป ดังนั้น การสูญเสียดินแดนของพวกเขาหมายถึงการสูญเสียเอกลักษณ์ของพวกเขา

 

กฎหมายระหว่างประเทศและชนเผ่าพื้นเมือง

สิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองได้บัญญัติอยู่ในปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งปฏิญญานี้ได้รับการลงนามเห็นชอบในปี 2550

นอกจากนี้ เวทีถาวรสหประชาชาติว่าด้วยชนเผ่าพื้นเมือง เป็นหน่วยงานกลางของสหประชาชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นของชนเผ่าพื้นเมือง ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม การศึกษา สุขภาพและสิทธิมนุษยชน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543

 

สิทธิในที่ดินของชนเผ่าพื้นเมือง

สิทธิในการครอบครองและเป็นเจ้าของที่ดินของชนเผ่าพื้นเมืองได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐไม่สามารถโยกย้ายถิ่นฐานของชนเผ่าพื้นเมืองได้ หากปราศจากความยินยอมและฉันทานุมัติที่ได้รับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้งไม่ให้การชดเชยที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ดินแดนที่ชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่เป็นที่ตั้งของความหลากหลายทางชีวภาพกว่า 80% บนโลก และอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน แก๊ส ไม้และแร่ธาตุ อย่างไรก็ตาม ที่ดินเหล่านี้มักถูกจัดสรร ขาย ให้เช่า หรือถูกปล้น หรือทำให้ที่ดินเป็นมลพิษ ซึ่งการกระทำเช่นนี้มักเป็นการกระทำของรัฐบาลและบริษัทเอกชน

ชนเผ่าพื้นเมืองจำนวนมากถูกโยกย้ายออกจากดินแดนของตน เนื่องด้วยนโยบายที่เลือกปฏิบัติหรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิในที่ดินของชนเผ่าพื้นเมืองต้องเผชิญกับความรุนแรง หรือแม้กระทั่งการถูกสังหารเมื่อพวกเขาพยายามปกป้องดินแดนของตน

การละเมิดสิทธิมนุษยชนในสิทธิที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง เป็นการกระตุ้นให้ชนเผ่าพื้นเมืองจำนวนมากละทิ้งดินแดนเดิมของตนไปอยู่ตามเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การถูกตัดขาดจากทรัพยากรและประเพณีที่มีความสำคัญต่อสวัสดิภาพและชีวิตความเป็นอยู่ ยังทำให้พวกเขาต้องถูกผลักให้เป็นกลุ่มคนชายขอบ ต้องเผชิญกับความยากจน โรคภัยและความรุนแรงที่มากขึ้น และบางครั้งก็สูญเสียก็ความเป็นมนุษย์

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง

Máxima Acuña, นักเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องสิทธิในที่ดินของชนเผ่าพื้นเมืองจากประเทศเปรู © Raúl García Pereira/Amnistía Internacional

 

กรณีศึกษา: เปรู

แอมเนสตี้รณรงค์ในกรณีของ Máxima Acuña Atalaya เธอเป็นชาวนาชาวเปรูผู้ยืนหยัดต่อสู้กับบริษัทเหมืองแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บริษัทนั้นพยายามข่มขู่เธอให้ออกจากที่ดินเพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเวลากว่าห้าปีในการดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดินที่ไม่มีมูลความจริง ต่อมา ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่มีเหตุผลที่จะดำเนินการพิจารณาคดีที่ไร้มูลความจริงและในเดือนพฤษภาคม 2560 ข้อกล่าวหา Máxima ก็ถูกยกฟ้อง

ความสำเร็จในการรณรงค์นี้มาจากผู้สนับสนุนของแอมเนสตี้มากกว่า 150,000 คนที่ส่งจดหมายและข้อความสนับสนุนไปยัง Máxima

 

สถานการณ์ต่อชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นผู้หญิงและเด็ก

จากอินเดียถึงเปรู ชนเผ่าพื้นเมืองผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะประสบกับอัตราการเสียชีวิตจากการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ด้วยเหตุผลว่าชนเผ่าพื้นเมืองผู้หญิงมีโอกาสน้อยที่จะใช้สถานบริการสาธารณสุขเมื่อตั้งครรภ์ เนื่องจากการถูกเลือกปฏิบัติและได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ตัวอย่างเช่น ในปานามาและรัสเซีย ชนเผ่าพื้นเมืองผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากการคลอดบุตรมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ใช่ชนเผ่าพื้นเมืองประมาณหกเท่า หรืออัตราการคลอดบุตรของเด็กสาววัยรุ่นชาว Amerindian เป็นสองเท่าของประชากรชาวกียานี หรือในเคนยา ผู้หญิงชาวมาไซมีโอกาสที่จะไม่ฝากครรภ์มากกว่าสองเท่า และในประเทศนามิเบียผู้หญิงชนเผ่าซานมีแนวโน้มที่จะคลอดบุตรโดยไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญถึงสิบเท่า

เหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนหนึ่งที่รุนแรงคือการที่ชนเผ่าพื้นเมืองผู้หญิงและชาวกัมเปซิโนที่ยากจนกว่า 2,000 คน ถูกรัฐทำหมันโดยไม่ได้รับความยินยอมในประเทศเปรูในปี 2533 แต่เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557 สำนักงานอัยการในกรุงลิมาได้ปิดคดีและปฏิเสธการให้ความยุติธรรมแก่ผู้หญิงเหล่านี้

ในบางประเทศ ชนเผ่าพื้นเมืองผู้หญิงต้องทนทุกข์ทรมานจากความรุนแรงในครอบครัวอย่างไม่ได้สัดส่วน เนื่องจากพวกเธอต้องเผชิญกับความคับข้องใจและความโกรธเคือง ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกเลือกปฏิบัติที่ฝังลึกและส่งผลกระทบต่อชุมชนในวงกว้าง

ชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นเด็กยังเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิด ในตอนใต้ของแอฟริกา พบว่าเด็กๆของชนเผ่าซานและชนเผ่าพื้นเมืองอื่น ๆ นั้นเข้าถึงการศึกษาได้ยาก หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดนซึ่งมาจากชุมชนของชนเผ่าพื้นเมือง

 

กรณีศึกษา: ชนเผ่าพื้นเมือง Sengwer

คุณสามารถสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมือง Sengwer ในเคนย่าได้

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง

สมาชิกชุมชนของชนเผ่าพื้นเมือง Sengwer ประเทศเคนยา ป่า Embobut เดือนกรกฎาคม 2651© Amnesty International

 

ชนเผ่าพื้นเมือง Sengwer อาศัยอยู่ในป่า Embobut ประเทศเคนยาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ต่อมา Kenya Forest Service (KFS) ภายใต้กระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ได้โยกย้ายชาว Sengwer ออกจากป่า โดยเจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหาว่าชาว Sengwer สร้างความเสียหายให้แก่ป่าไม้ แต่รัฐบาลไม่ได้มีหลักฐานใดในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐยังเผาบ้านของชาว Sengwer และใช้ความรุนแรงและข่มขู่สมาชิกในชุมชน 

 

พวกเราสามารถสนุบสนุนชาว Sengwer ด้วยการลงนามที่นี่

https://www.amnesty.org/en/get-involved/take-action/w4r-2018-kenya-sengwer-indigenous-people/ 

 

“ชาว Sengwer ไม่เคยได้รับการปรึกษาและการแจ้งความยินยอมโดยเสรีก่อนที่พวกเขาจะถูกโยกย้าย ซึ่งนี่เป็นการละเมิดกฎหมายเคนยาและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง” - Irungu Houghton ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เคนยา

 

เปลี่ยนวันโคลัมบัส

มีประเทศเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในทวีปอเมริกาและอีกหลายมลรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้เปลี่ยนวันหยุดประจำชาติ กล่าวคือ วันโคลัมบัส ให้เป็นวันชนเผ่าพื้นเมือง เพื่อเฉลิมฉลองความยืดหยุ่นและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองในทวีป

การเฉลิมฉลองวันโคลัมบัสในหลายประเทศในภูมิภาคและที่อื่น ๆ มีขึ้นเพื่อแสดงถึงวันครบรอบการค้นพบทวีปอเมริกาของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1492

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีความตระหนักมากขึ้นว่าการค้นพบของโคลัมบัสไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาถึงของชาวยุโรปในโลกใหม่ แต่ยังเป็นการเริ่มต้นของความรุนแรง การแสวงหาผลประโยชน์ การปราบปรามและความทุกข์ทรมานของชนเผ่าพื้นเมืองทั่วทวีปอเมริกา

วันชนเผ่าพื้นเมือง เรียกอีกชื่อว่า วันของคนแรก วันชนเผ่าพื้นเมืองแห่งชาติ วันของชาวอินเดียน (บราซิล) หรือวันชนพื้นเมืองอเมริกัน

 

สิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเอง 

ชนเผ่าพื้นเมืองทั่วโลกถูกปฏิเสธสิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเอง ซึ่งเป็นหลักสำคัญในกฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิในการตัดสินใจเป็นสิทธิของประชาชนในการกำหนดสถานะทางการเมืองของตนได้อย่างอิสระ และสามารถกำหนดรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของตนได้อย่างอิสระ ในทางกลับกัน ชนเผ่าพื้นเมืองต้องเผชิญความทุกข์ทรมานจากความรุนแรงและการกดขี่ ทั้งจากผู้ล่าอาณานิคมและสังคมโดยทั่วไป

ช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ประเทศแคนาดาได้แยกเด็กพื้นเมืองออกจากครอบครัว และนำพวกเขาไปอยู่ในโรงเรียนประจำที่ได้รับทุนจากรัฐบาลกลาง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กซึมซับกับสังคม นอกจากนี้ “โรงเรียนของชาวอินเดียน” ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ภาษาพื้นเมืองหรือแสดงออกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชนเผ่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “ชาวอะบอริจินจึงไม่สามารถดำรงอยู่ด้วยฐานะที่แตกต่างในการมีรัฐบาล วัฒนธรรมหรืออัตลักษณ์ที่เป็นของตน” ผลจากการกระทำของรัฐทำให้เด็กพื้นเมืองประมาณ 150,000 คนถูกละเมิดสิทธิจากโรงเรียนเหล่านี้

ในอีกทางหนึ่ง เด็กชาวอะบอริจินในประเทศออสเตรเลียยังถูกบังคับให้หลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมของคนผิวขาวและถูกจัดให้อยู่ในสถาบันที่พวกเขาถูกล่วงละเมิดและถูกทอดทิ้ง เด็กเหล่านี้เรียกว่า “ช่วงวัยที่หายไป”

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง

Rosco Loy นักขี่ม้า ที่บ้านของเขาที่ Mosquito Bore ซึ่งห่างจากเมือง Alice Springs ประเทศออสเตรเลย 280 กิโลเมตร วันที่ 8 ตุลาคม2554 © Amnesty International/Chloe Geraghty


ปกป้องวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง

ชนเผ่าพื้นเมืองต้องเผชิญกับการกีดกันและการเลือกปฏิบัติเพียงเพราะเขามีสถานะเป็นชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งการถูกเลือกปฏิบัติส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา และยังเป็นการจำกัดสิทธิในการศึกษา สาธารณสุขและการอยู่อาศัย

อายุขัยโดยเฉลี่ยของชนเผ่าพื้นเมืองทั่วโลกลดต่ำลงถึง 20 ปีเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ใช่ชนเผ่าพื้นเมือง

นอกจากนี้ ยังพบว่าชนเผ่าพื้นเมืองมักมีสถานะที่พบได้มากในกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ ผู้ไม่รู้หนังสือ และคนว่างงาน ชนเผ่าพื้นเมืองทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาความยากจน ไร้ที่ดิน ขาดสารอาหารและการพลัดถิ่นภายในประเทศที่สูงขึ้น

 

ภูมิปัญญาของชนเผ่าพื้นเมืองมีความสำคัญต่อสภาพแวดล้อม

แม้ว่าชนเผ่าพื้นเมืองมีสัดส่วนคิดเป็น 5% ของประชากรโลก แต่ชนเผ่าพื้นเมืองได้ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของโลกได้ถึง 80%

ปริมาณคาร์บอนมากกว่า 20% ที่กักไว้บริเวณเหนือพื้นดินในป่าไม้ของโลกพบได้ในที่ดินที่จัดการโดยชนพื้นเมืองในลุ่มน้ำอเมซอน เมโสอเมริกา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และประเทศอินโดนีเซีย

ภูมิปัญญาอันซับซ้อนของชนเผ่าพื้นเมืองในเรื่องของธรรมชาติหมายถึงการที่พวกเขาสามารถครอบครองหรือเป็นเจ้าของในพื้นดิน ป่าไม้ และความอุดมสมบูรณ์ของชีวภาพ และการใช้สอยที่ดินอย่างยั่งยืนของพวกเขาจึงเป็นการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและเป็นการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้

พวกเราต้องสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมืองและรักษาภูมิปัญญาซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมืองอย่างไร

แอมเนสตี้ทำงานร่วมกับชนเผ่าพื้นเมืองในการพัฒนากฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อปกป้องดินแดน วัฒนธรรมและสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา และในระดับระหว่างประเทศ เพื่อให้ชนเผ่าพื้นเมืองได้เรียกร้องต่อรัฐบาลต่างๆ แอมเนสตี้ช่วยสนับสนุน เช่น การพัฒนาปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง 

แอมเนสตี้ยังทำงานเพื่อสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมืองในการเรียกร้องสิทธิในที่ดิน ดังเช่นกรณีของชนเผ่าพื้นเมือง Sawhoyamaxa ในประเทศปารากวัยที่ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อกลับไปยังดินแดนบรรพบุรุษของพวกเขาในปี 2557 หลังจากพวกเขาต้องใช้ชีวิตในสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายมากว่า 20 ปี

 “ พวกเราชนเผ่าพื้นเมืองต่างร้องไห้เมื่อเราได้รับอิสรภาพ วันนี้เหมือนเราออกมาจากคุก พวกเราหลายคนร้องไห้เพราะมันสะเทือนอารมณ์”- Carlos Mareco หัวหน้าชุมชนของชนเผ่า Sawhoyamaxa ได้กล่าวไว้

ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา มีอะไรบ้าง

สมาชิกชุมชนของชนเผ่าพื้นเมือง Yakye Axa และ Sawhoyamaxa เดินขบวนไปยังสภาคองเกรสเพื่อยื่นหนังสือซึ่งเป็นลายเซ้นการสนับสนุนจากทั่วโลก ประเทศปารากวัย วันที่ 31 มีนาคม 2552 © Amnesty International


แอมเนสตี้เรียกร้องให้

รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมายและนโยบายที่ทำให้ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองเป็นไปตามเจตนารมณ์ โดยเฉพาะในประเด็นต่อไปนี้

  • ให้คำปรึกษาแก่ชนเผ่าพื้นเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขอฉันทานุมัติที่ได้รับการแจ้งให้ทราบสำหรับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

    ชนพื้นเมืองแอฟริกามีอะไรบ้าง

    เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม แบ่งเป็นพวก บันตูเป็นชนเผ่าใหญ่ที่สุดในทวีปอยู่ทาง ตะวันออกแอฟริกากลางและแอฟริกาใต้ พวกซูดาน นิโกรอยู่ทางตะวันตกของทวีปชาย ฝั่งอ่าวกินี พวกบิ๊กมีในลุ่มแม่น้ำคองโก พวกบุชเมนและฮอทเทนทอดในแอฟริกากลาง และแอฟริกาใต้ 2 คอเคซอยด์

    ชนเผ่าใดที่มีจำนวนมากที่สุดในทวีปแอฟริกา

    นิกรอยด์ หรือเรียกว่า แอฟริกันนิโกร เป็นชนกลุ่มใหญ่สุดของทวีป โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ บันตู อยู่ในแถบแอฟริกาตะวันออก กลาง และใต้ เช่น เผ่าคิคูยู วาตูซี มาไซ

    ประชากรทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเดิมมีลักษณะอย่างไร

    - คนผิวดำ เป็นเผ่าพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของทวีปแอฟริกา เรียกว่า นิกรอยด์ และเป็นประชากรส่วนใหญ่ของทวีปนี้ มีลักษณะเด่นที่ผิวสีดำ ผมสีดำและหยิกหยอย นิโกรในแอฟริกามีอยู่หลายกลุ่มและแต่ละกลุ่มมีลักษณะแตกต่างกัน เช่น กลุ่มบันตู อาศัยอยู่แอฟริกาตะวันออก แอฟริกากลางและแอฟริกาใต้ เช่น เผ่าวาตูซี มีรูปร่างสูงใหญ่ กลุ่มปิกมี่ ...

    ชนเผ่าที่ เก่า แก่ ที่สุดใน ทวีปแอฟริกา คือ ชนเผ่า ใด

    2. ชนเผ่าดาเซนเนคส์ (Dasennech Tribe) เป็นชนเผ่าที่มีความเก่าแก่ที่สุดเผ่าหนึ่งของแอฟริกา และชนเผ่านี้ยังเป็นต้นแบบของชนเผ่าในเคนย่าและซูดาน อาศัยอยู่ตามริมหุบเขาของแม่น้ำโอโม ที่มีการปลูกบ้านและวาดสีตามร่างกาย