ในปี 2561 ประเทศไทยถือได้ว่า “เป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” และปัญหาที่ตามาคือ “แก่ก่อนรวย” ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่หาย เพราะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ใช่เงินแบบเดือนชนเดือนและยังไม่รู้จักการบริหารเงินเท่าที่ควร บทความจึงจะมาแนะนำ 4 ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ แก่ก่อนรวย 1. เก็บออมและลงทุน 1.1 เตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณ
► กลุ่มกองทุน K LIFESTYLE บลจ.กสิกรไทย
► เกษียณสุข 225 บมจ.พรูเดนเชียล ประกันชีวิต 1.2 ออมอย่างไรในวัยเกษียณ เมื่อถึงวันเกษียณมีเงินก้อนใหญ่ แต่จะจัดการอย่างไรให้เงินจำนวนนี้คงอยู่ยืนยาวเป็นรายได้ประจำไปจนถึงวันสุดท้าย แนะนำให้ใช้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เหล่านี้
► กองทุนประเภท Income Fund ทั้งแบบที่จ่ายในรูปเงินปันผล และการขายหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
► กองทุน B-Senior บลจ.บัวหลวง หรือถ้าอยากจะฝากไว้กับธนาคารอย่างน้อยให้ได้ดอกเบี้ยออกมาเป็นค่าขนมหลาน ๆ อาจจะเลือก
► บัญชีเงินฝากอุ่นใจวัยเกษียณ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 2. ธนาคารผู้สูงวัย ธนาคารผู้สูงวัย โดยธนาคารออมสิน ที่มีบริการทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เช่น เงินฝากเผื่อเรียกประชารัฐผู้สูงวัยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษผู้สูงวัย สินเชื่อประชารัฐเพื่อผู้สูงวัย และสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) 3. สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) ในกรณีที่เงินที่เก็บออมไว้มีไม่มากพอ แต่มีบ้านเป็นของตัวเอง สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นรายได้ประจำ โดยใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ 4.ประกันชีวิตและประกันภัย สำหรับผู้สูงอายุมีประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพที่ออกมาเอาใจผู้สูงาอยุโดยเฉพาะ
► สูงวัยตลอดชีพ เพิ่มทุน (ไม่มีเงินปันผล) (เพื่อผู้สูงอายุ) บริษัท เอไอเอ (ประเทศไทย)
► ไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ 80 ปีคุ้มครองผู้สูงอายุที่มีอายุถึง 80 ปีรับประกันภัยสำหรับผู้มีอายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี
► ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ ธนาคารกสิกรไทย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุคาดว่าประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ หรือประชาการอายุ 60 ปี ขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” แล้วตามนิยามขององค์การสหประชาชาติในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดไว้ว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด และจากการจัดอันดับของประเทศในเอเชียที่มีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 รองจากสิงคโปร์เท่านั้น ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช.ประมาณว่า ปี 2561 จะเป็นปีแรกที่ประชากรผู้สูงอายุจะมีจำนวนมากกว่าวัยเด็กหลายแสนคน จากนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2564 จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20% และในปี 2579 ประชากรจะมีจำนวนน้อยกว่าในปัจจุบัน ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 30% “ปัจจุบัน จำนวนเด็กแรกเกิดลดลงขณะที่ประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนายังไม่ถึงจุดที่มีรายได้สูง อยู่ในโครงการสร้างประชากรและเศรษฐกิจที่ แก่ก่อนรวย” ดร.ปรเมธี กล่าว และแน่นอนว่า ถ้าคนไทยแก่ก่อนรวยคนที่ต้องลงมาช่วย คือ รัฐบาล ซึ่งก็คือเงินภาษีจากประชาชนวัยทำงานที่มีอยู่น้อยนิด จะต้องมีภาระการพึ่งพิงจากทั้งวัยเด็กและผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่อยากเป็นคนสูงวัยที่เป็นภาระให้สังคม ต้องเริ่มต้นวางแผนการเงินสำหรับวัยเกษียณตั้งแต่วันนี้ หรือ อย่างน้อยที่สุดก็อย่าให้เกินอายุ 40 ปี เพราะถ้ามาเริ่มหลังจากนี้แผนชีวิตสุขสบายวัยเกษียณอาจจะไม่ค่อยมีคุณภาพสักเท่าไร |