สถาน ที่ ท่องเที่ยว unseen ของโลก

Skip to content

สถานที่ Unseen ที่ต้องไปด้วยเรือสำราญ

May 14, 2021

สถานที่ Unseen เมื่อท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญนั้น ถือเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบนึงที่มีเสน่ห์ และมีสีสันมากมาย แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ เพราะหลายๆ คนมักจะคิดว่าการท่องเที่ยวรูปแบบนี้มีราคาสูง เดินทางยาก น่าเบื่อ หรืออาจจะติดภาพเรือสำราญในยุคเก่าที่การใช้ชีวิตบนเรือสำราญคือต้องอยู่เฉพาะกับชนชั้นสูงเท่านั้น ดังนั้นในบทความนี้ เราจะเล่าถึงเรื่องที่ควรรู้และเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของการเที่ยวด้วยเรือสำราญ และอีกสิ่งหนึ่งที่หาไม่ได้หากเราท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น ก็คือ สถานที่ Unseen ที่คุณอาจไม่เคยเห็น แต่คุณจะได้เห็นถ้าคุณเปิดระสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญคืออะไร?

การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญนั้น คือการท่องเที่ยวจากที่แห่งนึงไปยังที่นึงๆ โดยเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งบนเรือสำราญในยุคนี้ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ตั้งแต่ห้องพัก ห้องอาหาร บาร์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา โรงละคร คาสิโน ร้านค้า เครื่องเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย โดยในระหว่างการเดินทาง จะมีการจอดแวะตามท่าเรือต่างๆ อยู่เป็นระยะตามโปรแกรมที่ทางเรือได้วางไว้ ซึ่งเราสามารถหาโปรแกรมท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งต่างๆเพิ่มเติมได้ด้วย โดยระยะเวลาการท่องเที่ยวด้วยเรือก็ไม่ได้ยาวนานอย่างที่ใครหลายคนคิด แต่จำนวนต่ำสุดคือ 4 วัน 3 คืนก็มีให้เลือกมากมาย

จุดเด่นการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ เราจะได้เพลินเพลินตลอดระยะเวลาการเดินทาง ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ ด้วยกิจกรรม เครื่องเล่น การแสดงมากมายที่ทางเรือจัดเตรียมไว้ให้ แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง และเราสามารถลงไปท่องเที่ยวบนบกได้ด้วยเมื่อเรือเข้าเทียบท่าตามเมืองต่างๆ อีกด้วย การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ จะทำให้คุณได้ท่องเที่ยวหลากหลายสถานที่ภายในทริปเดียว และไม่ต้องเคลื่อนย้ายของ หรือเปลี่ยนที่พักเลยตลอดระยะเวลาการเดินทางของเรา ไม่ต้องคอยวุ่นวายแพ็คกระเป๋าหรือย้ายของไปมาทุกวัน นอกจากนี้ การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญเป็นการเดินทางที่เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทั้งเด็กเล็กๆ ผู้สูงอายุ และคนพิการด้วย เนื่องจากบนเรือนั้นมีความปลอดภัยสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ครบครัน และอีกจุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือ การจองเรือสำราญนั้นเราจะสามารถยกเลิกการจองก่อนวันที่เราจะเดินทางได้ และเราจะได้รับเงินคืนบางส่วนตามที่สายเรือนั้นกำหนดไว้ แต่หากเรายกเลิกก่อนวันเดินทางนานตามที่ระบุ ก็จะได้รับเงินคืนแทบจะเต็มจำนวนเลย ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีมากๆ เมื่อเทียบกับการจองตั๋วเครื่องบิน

เมื่อพูดถึงสถานที่ Unseen กับเรือสำราญ ก็คงไม่พลาดที่จะนึกถึงการไปเที่ยว Alaska และ Galapagos เพราะเราจะเห็นชัดมากว่าถ้าเราไปเที่ยวรูปแบบอื่น เราจะไม่ได้เห็นภาพตรงหน้านี้แน่ๆ

Alaska สถานที่ Unseen ที่จะได้เห็นเมื่อท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

Alaska เป็นรัฐหนึ่งในอเมริกา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอเมริกาซึ่งติดกับประเทศแคนาดา อลาสก้าอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือจึงทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งปี ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย และสวยงาม ทั้งภูเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง ป่าอันสมบูรณ์ นั่งสุนัขลากเลื่อน และชมสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ หลายเมืองสำคัญแทรกตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขา แต่หากมาทางเรือเราจะได้เห็นธรรมชาติอันมหัศจรรย์เหล่านี้แบบเต็มตา และใกล้ชิดสุดๆ เป็นสิ่งที่เส้นทางทางบกไม่มีโอกาสได้เห็นอย่างแน่นอน การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั่นเอง

1.Glacier Bay National Park

อุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ เบย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ทุกคนต้องปักหมุดไว้เป็นอันดับต้นๆ คุณจะได้สัมผัสกับธารน้ำแข็งขนาดยักษ์บนพื้นที่กว่า 3 ล้านเอเคอร์ ที่เกิดจากการทับถมของผลึกหิมะที่ตกลงมาทับถมกันปีแล้วปีเล่า ถ้าโชคดีหน่อยอาจจะได้เห็นภาพธารน้ำแข็งที่กำลังเลื่อนตกสู่พื้นน้ำจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนกลายเป็นธารน้ำแข็งอันสวยงามเกินบรรยาย ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของการมาท่องเที่ยวอลาสก้าที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

เส้นทางการเดินเรือที่ล่องผ่านหมู่เกาะต่างๆ เสน่ห์ของเส้นทางนี้ คือ วิวทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเมืองต่างๆ ตามหมู่เกาะ เทือกเขา ธารน้ำแข็ง และเหล่าสัตว์ป่าหายากนานาพันธุ์ ระหว่างทางเราสามารถแวะเยี่ยมชมเมืองท่าต่างๆ ได้ เช่น เมืองจูโน่ เมืองสแกกเวย์ และเมืองวิกตอเรีย เป็นต้น

ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือที่มีความยาวกว่า 76 ไมล์ และลึกถึง 1,200 ฟุต ด้วยความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และธารน้ำแข็งสุดอลังการ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่ใครๆ หลายคนต่างใฝ่ฝันว่าอยากจะมาเห็นด้วยตา แต่การชมธารน้ำแข็งนี้สามารถชมได้ทางเรือเท่านั้น ไม่มีทัวร์ชายฝั่ง ซึ่งบอกเลยการล่องเรือสำราญตอบโจทย์มากๆ

เมืองจูโน เมืองหลวงของอลาสก้า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในอลาสก้า ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขา และทะเล ทำให้เข้าถึงได้ยากกว่าเมืองอื่นๆ เนื่องจากสามารถเดินทางได้แค่ทางเครื่องบิน หรือเรือเท่านั้น ดังนั้นภายในเมืองยังคงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึดดูดให้นักเดินทางต้องมาสัมผัสให้ได้ และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเมืองนี้ คือ การขี้นเฮลิคอปเตอร์ไปบนพื้นผิวของธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier พร้อมเดินชมถ้ำน้ำแข็ง เยี่ยมชมเหล่าสุนัขไซบิเรียนฮัสกีที่แสนน่ารัก

เมืองที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของปลาแซลมอน ในช่วงเดือนสิงหาคมจะเป็นฤดูวางไข่ของปลาแซลมอน ก็จะเห็นหมีมาคอยจับปลาแซลมอนที่ว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ เราจะเห็นปลาแซลม่อนว่ายทวนน้ำอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว

โดดเด่นในเรื่องของป่าไม้ และธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด ชมพฤติกรรมทางธรรมชาติของหมี Grizzly ที่ดักจับปลาเทร้าส์ในลำธารบริเวณ Spasski River Valley กิจกรรมดูปลาวาฬ รวมถึงเหล่าสิงโตทะเล แมวน้ำ นกอินทรี และสัตว์ป่าอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าเต็มอิ่มกับความสวยงามแน่นอน

การมาเที่ยวอลาสก้าสามารถมาได้ตลอดทั้งปี เพราะแต่ละเดือนก็มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป แต่ช่วงที่พีค เหมาะกับการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ แนะนำช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณเดือนกันยายนเลย ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของที่นั่น ช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุด และอุณหภูมิไม่หนาวเย็นมากนัก แลเป็นช่วงที่อุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ เบย์ จะเปิดให้เข้าชมธารน้ำแข็งด้วยนะ

Galapagos สถานที่ Unseen ที่จะได้เห็นเมื่อท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

สถานที่อีกที่หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ Galapagos กาลาปากอส คือหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิค ของประเทศเอกวาดอร์ ทวีปอเมริกาใต้ เกิดจากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ถือเป็นทริปที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต เพราะเป็นทริปพิเศษ และควรค่าต่อความทรงจำของหลายคน แต่การเดินทางไปกาลาปากอสนั้นไม่ง่ายเลย ด้วยความเป็นเกาะที่ห่างไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรจากแผ่นดินใหญ่ ระยะเวลาในการเดินทาง รวมถึงค่าใช้จ่าย ต้องมีการวางแผนการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน แต่การเดินทางโดยเรือสำราญจะสามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวกาลาปากอสได้อย่างลงตัว

หมู่เกาะกาลาปากอสแห่งนี้ ติด 1 ใน 10 เกาะที่ดีที่สุดของโลก และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี พ.ศ.2521 มีชื่อเสียงโด่งดัง จากการพบเห็นสัตว์ต่างๆที่หาชมยาก กว่า 9,000 สปีชี่ส์ หรือ 75% ของสัตว์ทั้งหมดบนโลกใบนี้ และพรรณพืชนานาพรรณ เช่น เต่ายักษ์กาลาปากอส (Galápagos Tortoise) เต่ายักษ์สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีอายุขัยมากกว่า100ปี อีกัวน่าทะเลกาลาปากอส (Marine iguana) สัตว์เลื้อยคลานที่สามารถดำน้ำได้ลึกกว่า 9 เมตร นกบูบี (blue Footed Boobies) ลักษณะพิเศษคือมีเท้าสีน้ำเงิน และ ปูแซลลี่ย์ไลท์ฟุต(Sally Lightfoots) ปูที่มีสีสันสวยงาม และแปลกตา เป็นต้น นอกจากเราจะได้ชมสัตว์แปลกๆ สัตว์หายากแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทุกท่านไ้ด้มาโชว์สกิล Adventure อย่างการปีนเขา ส่องสัตว์ พายเรือ ดำน้ำ ก็เลือกได้เลยที่นี่ มาที่เดียว จบครบทุกอย่างที่อยากทำ

หมู่เกาะกาลาปากอสเป็น สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่แนะนำคือช่วงเดือนมิถุนายน ถึง ธันวาคม เพราะเป็นช่วงฤดูแล้ง แต่ป่าเขายังคงเขียวขจี ท้องฟ้าสวย และน้ำทะเลใสเหมาะแก่การดำน้ำ แถมยังได้เห็นนกแปลกๆ นานาชนิดออกบินหากินอีกด้วย และที่สำคัญสำหรับคนไทยที่เดินทางมาที่นี่ไม่ต้องขอวีซ่าแต่อย่างใด

มาเปิดประสบการณ์ใหม่กับการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญกัน แล้วคุณจะได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆที่คุณจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จะได้เห็นเมื่อคุณตัดสินใจล่องเรือสำราญกับเรา

สถาน ที่ ท่องเที่ยว unseen ของโลก

see all questions