ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้

เคล็ดลับ: คุณจะใช้ได้เฉพาะเครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัยอย่างเช่น WEP, WPA-PSK และ WPA2-PSK เท่านั้น ส่วนเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยจะไม่แสดงขึ้นใน Google TV

ปรับเปลี่ยนเราเตอร์และการเชื่อมต่อ

หาก Wi-Fi เปิดอยู่แต่การเชื่อมต่อของคุณช้า ให้ลองปรับเปลี่ยนเราเตอร์ คุณลองทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • รีบูตเราเตอร์ หรือถอดปลั๊กแล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่
  • ย้ายเราเตอร์เข้าไปใกล้ทีวีมากขึ้น
  • ใช้สายเชื่อมต่อเราเตอร์กับทีวี

ตั้งค่าเครือข่ายที่รัดกุมยิ่งขึ้น

หากเราเตอร์ของคุณทำได้ ให้ตั้งค่าเป็นเครือข่าย 5 GHz แทนเครือข่าย 2.4 GHz โปรดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ผลิตเราเตอร์

สำหรับเราเตอร์บางรุ่น คุณยังสามารถตั้งค่าอุปกรณ์สำคัญในแอป Google Home ได้ด้วย ดูวิธีตั้งค่าอุปกรณ์สำคัญ

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจหาการอัปเดตระบบ

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์ที่ด้านขวาบน
  2. เลือกการตั้งค่า
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    ระบบ
  3. เลือกเกี่ยวกับ
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    การอัปเดตระบบ
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    ตรวจหาอัปเดต
  4. ติดตั้งอัปเดตทั้งหมดที่พร้อมใช้งาน
  5. เล่นวิดีโอ เพลง หรือเกมอีกครั้ง หากไม่ได้ผล ให้ไปที่ขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนที่ 3 รีสตาร์ทอุปกรณ์

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์แล้วเลือกการตั้งค่า
  2. เลือกระบบ 
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
     รีสตาร์ท
  3. เมื่อระบบรีสตาร์ทแล้ว ให้ลองเล่นวิดีโอ เพลง หรือเกมอีกครั้ง หากยังไม่ได้ผล ให้ไปที่ขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนที่ 4 ตรวจดูโปรไฟล์ที่คุณใช้อยู่

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้เลื่อนไปที่ไอคอนโปรไฟล์
  2. เลือกการตั้งค่า
  3. ในส่วน "บัญชีและการลงชื่อเข้าใช้" ให้ตรวจดูโปรไฟล์ที่เลือก
  4. ตรวจดูว่าเป็นโปรไฟล์เดียวกับที่คุณใช้สำหรับบริการดังกล่าว

เคล็ดลับ: หากต้องการใช้โปรไฟล์อื่น ให้เพิ่มโปรไฟล์ใน Google TV

ขั้นตอนที่ 5 ล้างข้อมูลแอป

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์แล้วเลือกการตั้งค่า
  2. เลือกแอป 
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
     ดูแอปทั้งหมด
  3. ค้นหาและเลือกแอป 
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
     ล้างข้อมูล
  4. เล่นวิดีโอ เพลง หรือเกมอีกครั้ง
  5. หากไม่ได้ผล ให้ไปที่ขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนที่ 6 รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น

สำคัญ: การรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจะลบข้อมูลทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ เราขอแนะนําให้ลองแก้ปัญหาด้วยขั้นตอนอื่นๆ ก่อน 

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์แล้วเลือกการตั้งค่า
  2. เลือกระบบ 
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
     เกี่ยวกับ
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
     รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

แก้ปัญหาอื่นๆ

ตรวจสอบว่าเกมใช้ร่วมกับอุปกรณ์ได้ไหม

  1. ไปที่ Google Play ในคอมพิวเตอร์
  2. หาเกมที่ต้องการเล่น
  3. เลือกติดตั้งหรือติดตั้งแล้ว
  4. ในส่วน "เลือกอุปกรณ์" ให้หาอุปกรณ์ Google TV
    • หากอุปกรณ์ดังกล่าวมีสีจาง แสดงว่าเกมนั้นใช้กับอุปกรณ์ Google TV ไม่ได้

แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรีโมต

สําคัญ: คุณอาจต้องถอดแบตเตอรี่แล้วใส่ลงในรีโมตอีกครั้ง หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ลองอัปเดตรีโมต

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์แล้วเลือกการตั้งค่า
  2. ในส่วน "รีโมตและอุปกรณ์เสริม" ให้เลือกรีโมตคอนโทรลของคุณ
  3. หากมีอัปเดตพร้อมใช้งาน ให้ติดตั้งอัปเดต

แก้ปัญหาเกี่ยวกับซาวด์บาร์

หากคุณมีอุปกรณ์ TCL 6-Series ให้ทําตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตั้งค่าเสียงซาวด์บาร์

  1. จากหน้าจอหลักของ Google TV ที่ด้านขวาบน ให้ไปที่ไอคอนโปรไฟล์แล้วเลือกการตั้งค่า
  2. เลือกช่องสัญญาณและอินพุต
  3. ที่ด้านซ้าย ในส่วน "อินพุต" ให้เปิดโหมด eARC
  4. ที่ด้านขวา ในส่วน "ควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ (CEC)" ให้เปิดตัวควบคุม HDMI
  5. หากต้องการกลับไปที่การตั้งค่า ให้กดปุ่มกลับบนรีโมต
  6. เลือกการแสดงผลและเสียง
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    เสียง
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    เอาต์พุตเสียง
  7. เลือก ARC

หากตั้งค่าเอาต์พุตเสียงเป็น ARC และไม่ได้ยินเสียงออกมาจากซาวด์บาร์ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าเสียงออกแบบดิจิทัล ดังนี้

  1. เลือกการตั้งค่า
  2. เลือกการแสดงผลและเสียง
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    เสียง
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    เอาต์พุตเสียง
  3. เลือกการตั้งค่าขั้นสูง
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    เสียงออกแบบดิจิทัล
    ทีวี เชื่อม ต่อ ไวไฟ ไม่ได้
    อัตโนมัติ

เคล็ดลับ: หากต้องการให้เสียงออกจากซาวด์บาร์และลำโพงภายนอก ควรตั้งค่าให้เป็น "อัตโนมัติ" "การปรับรหัสพัลส์ (PCM)" หรือ "ผ่าน"