ถ้าเราปลูกต้นไม้จริง ไม่ใช่ต้นไม้พลาสติก ยังไงก็ต้องรดน้ำ แม้ว่าการรดน้ำต้นไม้จะเป็นสิ่งที่ฟังดูง่ายๆ แต่การรดน้ำก็ทำต้นไม้ในห้องตายมาเยอะแล้ว โดยเฉพาะการรดน้ำเยอะไปจนเน่า วิธีรดน้ำต้นไม้แบบเกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ทำร้ายต้นไม้ มีดังนี้ ก่อนจะลงมือรดน้ำ
เราควรรู้ก่อนว่าต้นไม้แต่ละต้นชอบน้ำมากน้อยแค่ไหน ต้นไม้พวกกระบองเพชรหรือไม้อวบน้ำซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทะเลทราย ไม่ได้ชอบน้ำเหมือนไม้ใบที่เติบโตในที่ชื้นแฉะ ถ้าเรารดน้ำกระบองเพชรชุ่มฉ่ำเหมือนต้นไม้ทั่วไป ลำต้นก็อาจจะบวมน้ำ เน่า และตายคาที่ได้ สิ่งที่ควรระวังคือ กระบองเพชรเป็นต้นไม้ที่เก็บอาการได้ดี ไม่ว่าจะได้รับน้ำมากหรือน้อยเกินไป ก็ไม่ค่อยแสดงอาการ กว่าจะออกอาการก็เกินเยียวยาแล้ว มีการถกเถียงกันมากว่าควรรดน้ำตอนเช้าหรือตอนเย็น คำตอบที่คนพูดกันบ่อยๆ คือ รดตามสะดวก แต่ถ้าจะว่ากันตามทฤษฎี เราควรรดตอนเช้า โดยเฉพาะช่วงเวลา 06.00 – 08.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ต้นไม้เริ่มสังเคราะห์แสง เป็นช่วงเวลานานพอที่น้ำจะไม่ขังในดินจนรากเน่า ถ้ารดโดนใบก็จะระเหยไม่ค้างอยู่บนใบจนใบเน่า ช่วงเวลาเที่ยงและบ่ายนั้นถือว่าร้อนเกินไปสำหรับต้นไม้และคนรด แต่ถ้าเป็นต้นไม้ที่อยู่ในห้อง
รดช่วงที่โดนแสงอาทิตย์ก็จะดีกว่าตอนมืด เพราะต้นไม้ไม่ต้องใช้น้ำเพื่อสังเคราะห์แสงแล้ว หลายคนรดน้ำต้นไม้ตอนกลางคืน เพราะตอนเช้าต้องรีบออกไปทำงาน สิ่งที่เราควรรู้ก็คือ การรดน้ำตอนกลางคืนไม่เป็นประโยชน์กับต้นไม้นัก เพราะมันจะใช้น้ำนั้นในช่วงเช้า ถ้ารดมากไปก็อาจทำให้ดินชื้นจนรากเน่าได้ นอกจากนี้ การรดน้ำยังเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้สังเกตอาการต่างๆ ของต้นไม้ ถ้ารดน้ำต้นไม้ที่ปลูกกลางแจ้งตอนกลางคืน
ก็อาจจะมืดจนเราไม่สังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของพืช ปริมาณน้ำที่รดควรจะสัมพันธ์กับปริมาณแสงที่ต้นไม้ได้รับ ถ้าต้นไม้ได้รับแสงเยอะ น้ำระเหยเร็ว ควรรดมาก แต่ถ้าต้นไม้อยู่ในที่ร่ม ไม่โดนแสงส่องโดยตรง ก็ควรรดน้ำน้อย การย้ายต้นไม้ที่เคยปลูกกลางแดดมาไว้ในร่มหรือแดดรำไร ถ้ารดเท่าเดิมก็อาจจะช็อกน้ำตายได้ ต้องค่อยๆ ลดปริมาณน้ำลง เพื่อให้เขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ นอกจากแสงแดดแล้ว ความชื้นในอากาศก็มีผลกับปริมาณน้ำที่จะรด ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวที่ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศน้อย น้ำระเหยเร็ว (ตากผ้าก็แห้งเร็ว) รดน้ำได้เยอะ เพราะเดี๋ยวก็ระเหยหมด แต่ถ้าเป็นหน้าฝนที่มีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมาก (ผ้าที่เราตากก็แห้งช้า) ก็ไม่ควรรดน้ำมาก เพราะน้ำจะระเหยยาก คนทั่วไปคิดว่า ต้นไม้จะตายเพราะขาดน้ำ เลยรดน้ำให้แฉะไว้ก่อน
นั่นเลยทำให้ต้นไม้ที่ปลูกในห้องส่วนใหญ่ตายเพราะรากเน่า เมื่อเรารดน้ำมากไป น้ำที่ขังในกระถางจะทำให้วัสดุปลูกขึ้นรา ทางแก้คือเอาส่วนที่ขึ้นราออก แล้วเติมวัสดุปลูกลงไปใหม่ ถ้าอาการหนักถึงรากเน่า ก็ต้องขุดเอาทั้งต้นทั้งรากมาผึ่งให้แห้ง โละวัสดุปลูกเดิมทิ้ง แล้วปรุงดินใหม่ ยากจะบอกว่าเราควรรดน้ำต้นไม้บ่อยแค่ไหน เช่น สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง เพราะมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องเยอะเหลือเกิน อย่างที่เราได้เล่ามา
ไม่ว่าจะเป็นชนิดของต้นไม้ แสงที่ต้นไม้ได้รับ ความชื้นในอากาศ หรือปริมาณน้ำที่รด ดังนั้น หลักในการรดน้ำต้นไม้ปลูกในร่มที่ง่ายที่สุดคือ รดเมื่อดินแห้ง วิธีตรวจสอบก็ง่ายดาย แค่เอานิ้วแตะดิน ถ้าแห้งก็แสดงว่าได้เวลารดน้ำแล้ว จุดที่ควรรดน้ำที่สุดคือโคนไปจนถึงราก จุดที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือดอกและใบ เพราะจะทำให้ดอกร่วง และอาจทำให้ใบเน่าได้ (ถ้าน้ำไม่ระเหย) แต่ข้อดีของการรดน้ำที่ใบก็คือ ช่วยล้างฝุ่นออกจากใบ
ซึ่งจะทำให้ต้นไม้สังเคราะห์แสงดีขึ้น วิธีการที่แนะนำคือพ่นน้ำจากขวดสเปรย์ให้กระจายใส่ใบ วิธีล้างฝุ่นจากใบอีกวิธีคือเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ด เราก็จะได้ต้นไม้ที่มีใบสีเขียวสดสวยงามด้วย บัวรดน้ำมีหลายแบบและหลายขนาด สำหรับต้นไม้ที่ปลูกในห้อง บัวรดน้ำที่เหมาะที่สุดคือแบบปากเรียวเล็ก มีทั้งคอสั้นตรงและคอโค้งยาว เพราะควบคุมทิศทางการไหลของน้ำให้ลงกระถางได้ง่าย เข้าถึงได้ทุกซอกของกระถาง ส่วนกระบอกฉีดน้ำแบบหัวสเปรย์ เหมาะกับกระถางขนาดเล็กหรือต้นไม้ที่ชอบน้ำน้อย จานรองกระถางต้นไม้ไม่ได้มีหน้าที่แค่รองน้ำไม่ให้ไหลเลอะเทอะหรือเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยกักเก็บน้ำให้ต้นไม้ดูดกลับไปใช้ผ่านวัสดุปลูกด้วย ระหว่างวัสดุปลูกกับจานรองควรใส่หิน หินภูเขาไฟ โฟม อิฐมอญ หรืออุปกรณ์ที่ไม่อุ้มน้ำ เพื่อไม่ให้ดินโดนน้ำในจานรองโดยตรงจนชื้นเกินไป นอกจากนี้ไม่ควรใช้จานรองที่เล็กกว่ากระถาง เพราะจะทำให้น้ำไหลล้นเลอะเทอะทุกครั้งที่รดน้ำ Writerศิริวิทย์ ริ้วบำรุงปัจจุบันเป็นนักจัดสวน ในนาม little tree landscape เกิดและเติบโตมาในบ้านสวนริมน้ำท่าจีนมีพ่อเป็นนักสะสมต้นไม้ และมีแม่ชอบปลูกดอกไม้ ชีวิตจึงมีต้นทุนเรื่องต้นไม้มาแต่เด็ก สิบกว่าปีก่อนได้กลายเป็นนักจัดสวนโดยบังเอิญ และเป็นเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้ค้นพบแล้วว่างานจัดสวนให้โอกาสเราได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก และเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข Photographersธีรพันธ์ ลีลาวรรณสุขช่างภาพ นักออกแบบกราฟิก นัก(หัด)เขียน โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ว่าไปเจออะไรน่าทำ IG : cteerapan ธัชชา ศุภกิจเจริญนักเรียนกราฟิคดีไซน์ชื่อฟ้า ผู้ฝึกงานถ่ายภาพกับบริษัทก้อนเมฆ หลงรักกล้องฟิล์ม และออกเดินทางเพื่อสะสมเรื่องราวลงกลักฟิล์มม้วนใหม่เสมอๆ Most PopularPlant Planetชวนเดินทางเข้าสู่โลกของต้นไม้เพื่อทำความรู้จักพืชในฐานะเพื่อน วงการไม้ดอกก็เหมือนกับไม้ประเภทอื่น ๆ คือมีการนำเข้าไม้พันธุ์ใหม่ ๆ จากต่างประเทศตลอดเวลา ซึ่งไม้นำเข้าในยุคหลัง ๆ นี้ค่อนข้างคัดสรรกันมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะเจริญเติบโตได้ดีในบ้านเรา นั่นก็หมายความว่า การจัดสวนด้วยไม้ดอกที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ คอลัมน์ตอนนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ 15 ไม้ดอกจากต่างประเทศพันธุ์ใหม่ ๆ รวมไปถึงพันธุ์ที่อาจจะอยู่มานานแล้ว แต่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก
เป็นพันธุ์ที่ออกดอกดกตลอดทั้งปีและเลี้ยงง่าย โดยรวม ๆ คือต้องการแดดจัดและไม่ชอบน้ำแฉะ เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่หาซื้อไม่ง่าย บางชนิดจึงอาจจะไม่พบในท้องตลาด ถ้าใครตามหาต้นไหนไม่ได้ ก็ลองมาสอบถามได้ที่ Little Tree นะครับ ชบาป่าญี่ปุ่นเป็นไม้คลุมดินที่จะเลื้อยไปเรื่อย ๆ เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลเยอะ ถ้าปลูกที่สูงก็จะย้อยลงมา ความน่ารักอยู่ที่ดอกซึ่งมีลักษณะบางเบาสีชมพูพาสเทล เวลาโดนลมจะพลิ้วไหวเหมือนเต้นระบำ 02Vitex agnocastusต้นนี้คล้ายกับ คนทีเขมา (Vitex negundo) แต่ช่อดอกฟูกว่า เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ชอบแดดจัด ถ้าลงดินสูงได้ถึง 3 – 4 เมตร ต้นนี้ได้มาโดยบังเอิญ มีคนนำเข้ามาแล้วเขาขยายพันธุ์ไม่ได้ เลยเอามาให้ที่ Little Tree เลี้ยงในกระถางมาได้ 7 ปี พอเอาลงดิน ต้นก็โตและออกดอกเยอะมาก หลายคนลองเก็บเมล็ดไปเพาะก็ไม่ขึ้น จึงไม่มีขายในตลาด ในช่วงโควิดที่ผ่านมาลองตั้งใจเพาะ สุดท้ายก็สำเร็จ ต้นแม่ดอกเป็นสีม่วง แต่ต้นลูกที่ได้มามีทั้งดอกสีม่วง สีชมพู และสีขาว ตอนนี้ที่ Little Tree เลยมี 3 สีเลย เป็นต้นไม้ที่เอาไปจัดสวนให้ลูกค้าแล้วพอลงรูปในไอจี มีคนพิมพ์ถามมาเยอะมากว่าคือต้นอะไร 03ราชาวดีออสเตรเลียBuddleja davidii ‘White Profusion’ราชาวดีออสเตรเลียมีช่อดอกใหญ่กว่าราชาวดีไทย แต่ไม่หอมเท่า เป็นไม้พุ่มที่สูงท่วมหัว สีที่เห็นกันบ่อย ๆ คือ สีม่วงเข้ม หรือที่เรียกว่าราชาวดีม่วง (Buddleja davidii) รวมไปถึงสีชมพูและม่วงอ่อน แต่สีขาวเป็นไม้ใหม่ที่ยังแทบไม่เห็นในตลาด นอกจากจะเลี้ยงง่ายไม่ต่างจากราชาวดีไทยแล้ว ดอกยังเป็นดอกไม้กินได้ ใช้จัดจานโรยหน้าอาหารได้ด้วย 04คูลลิ่งHelichrysum italicumคูลลิ่งเป็นชื่อที่คนไทยเรียกกัน ชื่อภาษาอังกฤษคือ Curry Plant เพราะใบมีกลิ่นฉุนคล้ายผงกะหรี่ อีกชื่อที่เรียกกันคือ โรสแมรี่ขาว เพราะมีลำต้นและใบคล้ายโรสแมรี่มาก แต่ใบมีสีออกเทา ๆ ขาว ๆ ชอบแดดและไม่ชอบแฉะเหมือนโรสแมรี่ คูลลิ่งที่เข้ามาเมืองไทยรุ่นแรกค่อนข้างจะมีทรงพุ่มใบแน่น พอโดนฝนในบ้านเราเลยชื้นจนเป็นเชื้อรา จึงดูแลยาก แต่คูลลิ่งรุ่นใหม่ มีข้อใบที่โปร่งขึ้น จึงเลี้ยงง่ายกว่าเดิม เป็นไม้ที่นิยมใช้จัดสวน นอกจากจะมีสีใบที่สวยแล้ว ยังมีดอกสีเหลืองที่มีกลิ่นหอมด้วย 05เสจรัสเซียPerovskia atriplicifoliaเสจ (Sage) เป็นสมุนไพรฝรั่งที่มีสรรพคุณมากมาย และเสจหลายพันธุ์ก็มีดอกสวยเหมาะกับการนำมาปลูกประดับ เสจรัสเซียมีลักษณะคล้ายลาเวอร์เดอร์คือเป็นไม้พุ่มมีดอกสีม่วง ดูเผิน ๆ เหมือนเสจจะเป็นไม้เมืองหนาวที่ปลูกยากในเมืองไทย แต่ความเป็นจริงแล้วปลูกง่ายมาก ขึ้นในกรุงเทพฯ ได้สบาย ๆ เคล็ดลับคือต้องการแดดจัดและต้องหมั่นตัดแต่งอยู่เสมอ 06บลูเสจSalvia azureaบลูเสจเป็นดอกไม้ที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทย จุดเด่นคือมีดอกสีฟ้า ซึ่งหายากมากในเมืองไทย 07ซัลเวียบิ๊กบลูSalvia longispicata x farinacea
เสจอีกตัวที่อยากแนะนำคือ ซัลเวียบิ๊กบลู ต่างจากซาลเวียอื่น ๆ ตรงที่มีช่อดอกใหญ่กว่า ดอกดกกว่า และสีไม่เข้มเสมอกันทั้งช่อ แต่สีออกเหลือบ ๆ มากกว่า เลี้ยงง่าย ถ้าตัดแต่งดี ๆ อยู่ได้ยาว ๆ 5 – 6 ปีสบาย 08นีออนออสเตรเลีย
นีออนเป็นไม้พุ่มขนาดกลางถึงใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่ใบสีสว่างออกเทา ๆ ขาว ๆ และออกดอกดก นีออนที่ขายกันในบ้านเรา บางคนก็เรียก Texas Sage ดอกมีสีม่วงสดและชมพูอมแดง ออกดอกทั้งปี แต่ต้นที่อยากแนะนำคือนีออนออสเตรเลียที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดต้นไม้ในเมืองไทย ดอกดกกว่านีออนปกติและดอกมีสีม่วงอ่อน สวยแบบหวาน ๆ มากกว่า 09พยับเมฆคนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักต้นพยับหมอก (Plumbago auriculata) ซึ่งมีดอกสีฟ้า เป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ออกดอกตลอด ชอบแดดจัด ไม่ชอบน้ำ ไม่ชอบแฉะ เหมาะจะปลูกในกระถางวางไว้ในที่สูง ๆ แต่ตัวที่น้อยคนจะรู้จัก และแทบไม่มีขายเลยก็คือ พยับเมฆ ซึ่งมีดอกสีฟ้าเทา เป็นโทนสีที่ซอฟต์ลงมาแตกต่างจากพยับเมฆ สวยแปลกตากว่าที่เราคุ้นเคยกัน พยับเมฆนี้ไม่ใช่ต้นพยับเมฆที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของหญ้าหนวดแมว (Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.) แต่อย่างใด 10พยับขาวนอกจากจะมีพยับเมฆ ที่เป็นพยับหมอกสีเทาแล้ว ก็ยังมีพยับเมฆที่เป็นสีขาวล้วน หรือที่เรียกว่า พยับขาวด้วย เป็นต้นไม้ที่หายากเช่นกัน ปลูกแล้วให้ความสวยเรียบแบบคลาสสิก แล้วก็ปลูกง่าย เคล็ดลับสำคัญคือ พอดอกโรยต้องหมั่นตัดแต่ง ต้นจะโตเร็วและออกดอกดก 11ฟอร์เก็ตมีน็อตไต้หวันฟอร์เก็ตมีน็อตไต้หวันเป็นต้นไม้ที่อยู่ในตลาดต้นไม้บ้านเรามาสิบกว่าปีแล้ว แต่ช่วงหนึ่งหายไปจากท้องตลาด เพิ่งจะกลับมาช่วงนี้เอง จุดเด่นของฟอร์เก็ตมีน็อตไต้หวันคือมีดอกสีม่วง ฟอร์เก็ตมีน็อตเป็นไม้ล้มลุกที่มีตอ จึงอยู่ได้นาน จุดเด่นคือเป็นดอกไม้ที่ชูก้านเด่น ซึ่งมีดอกไม้น้อยชนิดมากที่มีฟอร์มของก้านดอกที่ชูและแข็งแรงแบบนี้ การดูแลก็ง่ายมาก ชอบแสงแดด และอยู่ในที่ชื้นแฉะได้ด้วย 12แมคคาโดเนียแมคคาโดเนีย (Mecardonia) เป็นไม้คลุมดินที่เหมาะกับการปลูกเพื่อป้องกันไม่ให้วัชพืชขึ้น จะไต่ข้อไปเรื่อย ๆ มีดอกสีเหลืองขนาดเล็ก ดอกดก ออกดอกตลอดปี ปลูกง่ายกว่าเดซี่ ควรปลูกในกระถางหรือยกแปลง 13เดซี่ออสเตรเลียเดซี่ออสเตรเลียเป็นไม้ที่อยู่ในบ้านเรามาพอสมควรแล้ว ถือเป็นไม้เลื้อยที่เลี้ยงง่ายกว่าเดซี่ทั่วไป ออกดอกสีขาวดกตลอดทั้งปี ถ้าเลี้ยงในกระถางแล้ววางไว้บนระเบียง ต้นจะย้อยยาวลงมาได้เป็นเมตรเลย 14ยาร์โรว์ (Yarrow)Achillea millefoliumยาร์โรว์เป็นไม้ดอกที่คนยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก จุดเด่นคือช่อดอกที่ประกอบไปด้วยดอกเล็ก ๆ สีขาว เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่ายมาก ชอบแดดจัด และแทบไม่ต้องการการดูแล ไม่ชอบน้ำแฉะ แตกกอง่ายมาก 15ดาวกระจายสีเหลืองอ่อนดาวกระจายที่เห็นทั่วไปมักเป็นสีเหลืองสด ขาว ชมพู ม่วง แต่การขยายพันธุ์ต้นไม้ด้วยเมล็ดนั้นมักให้พันธุ์ที่ไม่นิ่ง ต้นไม้หลายชนิดที่ Little Tree จริงมีลูกที่ให้ดอกที่มีสีสันแตกต่างออกไป รวมถึงดาวกระจายสีเหลืองอ่อนด้วย ด้วยความที่เป็นสีครีม มีความซอฟต์จึงดูพิเศษกว่าทั่วไป Writerศิริวิทย์ ริ้วบำรุงปัจจุบันเป็นนักจัดสวน ในนาม little tree landscape เกิดและเติบโตมาในบ้านสวนริมน้ำท่าจีนมีพ่อเป็นนักสะสมต้นไม้ และมีแม่ชอบปลูกดอกไม้ ชีวิตจึงมีต้นทุนเรื่องต้นไม้มาแต่เด็ก สิบกว่าปีก่อนได้กลายเป็นนักจัดสวนโดยบังเอิญ และเป็นเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้ค้นพบแล้วว่างานจัดสวนให้โอกาสเราได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก และเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข Photographerวินัย สัตตะรุจาวงษ์ผู้กำกับรายการและโฆษณาที่ช่วงนี้หันมาสนใจงานแนวสารคดี จึงเน้นทำงานที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ตัวอย่างผลงานที่ผ่านมาคือ รายการ human ride และ เป็น อยู่ คือ อ่านต่อ Loading... End of content No more pages to load ปลูกต้นไม้ช่วงเวลาไหนดีที่สุด3.ไม่ควรย้ายต้นไม้ในช่วงเช้า เพราะเมื่อแสงแดดร้อนมากขึ้นในช่วงกลางวันจะทำให้ต้นไม้มีการคายน้ำมาก อาจทำให้เหี่ยวเฉาได้ง่าย เวลาย้ายต้นไม้ที่ดีที่สุดควรเป็นช่วงบ่าย เพราะเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ใกล้ตก อุณหภูมิของอากาศจะค่อยลดต่ำลง ทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับความร้อนต่อเนื่องเป็นเวลานานจนถึงรุ่งเช้า
จะปลูกต้นไม้เดือนไหนดีเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำ ฝนที่ตกลงมา ทำให้ดินที่อ่อนนุ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้หรือฟื้นฟูป่าในพื้นที่ที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีความเขียวชอุ่มอีกครั้ง เพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กล้าไม้ที่เราช่วยกันปลูกสามารถเจริญเติบโตได้ด้
ปลูกต้นไม้ที่เป็นใบวันไหนดีวันอาทิตย์ ปลูกเอาหัว ให้ปลูกช่วงเย็น วันจันทร์ ปลูกเอาต้นเอาลำ ให้ปลูกช่วงสาย วันอังคาร ปลูกเอาใบ ให้ปลูกช่วงบ่ายแก่ วันพุธ ปลูกเอาดอก ไม่กำหนดเวลา
ปลูกต้นไม้วันไหนดี 2565"ฤกษ์ปลูกต้นไม้"เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2565. วันพุธ 6 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 06.42 น. ถึงวันพฤหัสบดี ๗ กรกฎาคม เวลา 07.06 น.. วันพฤหัสบดี 14 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 22.18 น. ถึงวันศุกร์ 15 กรกฎาคม เวลา 20.42 น.. วันเสาร์ 23 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.54 น. ถึงวันอาทิตย์ 24 กรกฎาคม เวลา 21.30 น.. |