จังหวัดที่อยู่แล้วมีความสุขที่สุด 2564

          นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ระบุว่า มีคำกล่าวอยู่ว่า นครพนมเป็นจังหวัดที่ผู้คนมีความสุขเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ถ้าเราลองย้อนไปเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานของประชากรจังหวัดนครพนม จะพบว่าที่จริงเป็นพื้นที่จังหวัดที่ผู้คนมีรายได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ แต่ว่าความสุขของคนนครพนม ผมสังเกตว่ามันเป็นความสุขที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองมากมาย เช่น การได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว การได้ทำมาหากินที่บ้าน การได้อยู่กับประเพณีวัฒนธรรมที่คนนครพนมมีความภูมิใจ สิ่งเหล่านี้มันคือความสุขของคนนครพนม มันก็เลยสะท้อนออกไปในลักษณะที่ผู้คนภายนอกเห็น ความมีน้ำใจไมตรี ความใจเย็น และสภาพของปัญหาที่ไม่รุนแรงในพื้นที่จังหวัด ผมเชื่อว่าถ้าคนนครพนมยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้ สังคมนี้ยังถือว่าเป็นสังคมที่ถือว่ามีความสุข

ผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับกรมสุขภาพจิต และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า จังหวัดนครพนม ได้รับการสำรวจพบว่าประชากรมีความสุขเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยติดกัน 2 ปีซ้อน แม้ว่าปัจจุบันการสำรวจทางสถิติดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ทั้งสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ รวมถึงหน่วยงานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตที่พรั่งพร้อม ก็ดูเหมือนจะทำให้พื้นที่นี้จะยังคงรักษาอันดับความสุขไว้ได้ตามคำกล่าวของพ่อเมืองคนล่าสุดของจังหวัด

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ระบุว่า มีคำกล่าวอยู่ว่า นครพนมเป็นจังหวัดที่ผู้คนมีความสุขเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ถ้าเราลองย้อนไปเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานของประชากรจังหวัดนครพนม จะพบว่าที่จริงเป็นพื้นที่จังหวัดที่ผู้คนมีรายได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ แต่ว่าความสุขของคนนครพนม ผมสังเกตว่ามันเป็นความสุขที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองมากมาย เช่น การได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว การได้ทำมาหากินที่บ้าน การได้อยู่กับประเพณีวัฒนธรรมที่คนนครพนมมีความภูมิใจ สิ่งเหล่านี้มันคือความสุขของคนนครพนม มันก็เลยสะท้อนออกไปในลักษณะที่ผู้คนภายนอกเห็น ความมีน้ำใจไมตรี ความใจเย็น และสภาพของปัญหาที่ไม่รุนแรงในพื้นที่จังหวัด ผมเชื่อว่าถ้าคนนครพนมยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้ สังคมนี้ยังถือว่าเป็นสังคมที่ถือว่ามีความสุข

ยุคที่ศรีสะเกษยังเป็นจังหวัดรายได้ต่อหัวต่ำสุดของประเทศไทย จนเป็นเหตุให้นักพัฒนาชนบทยุคโน้นตัดสินใจหยิบยกจังหวัดนี้มาเป็นจังหวัดทดลอง “นำร่อง” ซึ่งหากเป็นยุคปัจจุบันคงเรียกกันว่า “ศรีสะเกษแซนด์บ็อกซ์” ไปแล้วล่ะ

ช่วยกันทำโน่นนิดนี่หน่อยจนจังหวัดศรีสะเกษเจริญก้าวหน้าตามลำดับ จนล่าสุดไม่ใช่จังหวัดจนที่สุดของประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว ตามตัวเลขที่ค้นเจอในกูเกิลน่าจะอยู่อันดับที่ 63 ของประเทศ หรือประมาณ 12 หรือ 13 อันดับจากล่างสุด

วันนี้ผมขออนุญาตเขียนต่อนะครับเพราะไปพบในการสืบค้นจากกูเกิลเช่นกันว่า จังหวัดที่จนที่สุดหรือมีรายได้ต่อหัวต่ำสุดในปัจจุบันนี้คือ “แม่ฮ่องสอน” นั่นเอง

เห็นตัวเลขแล้วก็นึกถึงความหลังขึ้นมาอีกเพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผมชื่นชอบมากๆ--อยากจะเขียนให้กำลังใจเช่นกัน

ในแผนภูมิหลายๆแผนภูมิที่ผมเจอในกูเกิลสรุปว่า ค้นต่อมาจากสภาพัฒน์และบอกว่าเป็นตัวเลขของปี 2563 นั้นสรุปรายได้ต่อหัวของ 10 จังหวัดต่ำสุดของประเทศไทยไว้ดังต่อไปนี้

1.แม่ฮ่องสอน (รายได้ต่อหัว 4,864 บาท/เดือน), 2.ยโสธร (5,005 บาท/เดือน), 3.หนองบัวลำภู (5,065 บาท/เดือน), 4.นราธิวาส (5,172 บาท/เดือน), 5.มุกดาหาร (5,231 บาท/เดือน), 6.สกลนคร (5,340 บาท/เดือน), 7.อำนาจเจริญ (5,479 บาท/เดือน), 8.บุรีรัมย์ (5,595 บาท/เดือน), 9.บึงกาฬ (5,623 บาท/เดือน) และ 10.ชัยภูมิ (5,811 บาท/เดือน)

รวมความแล้วก็คือ แม่ฮ่องสอน ของภาคเหนือครับที่ถือว่ายากจนที่สุดตามข้อมูลนี้ ส่วนที่ยากจนรองๆลงมาก็จะอยู่ในภาคอีสานเกือบทั้งหมด มี นราธิวาส จากภาคใต้แทรกอยู่ที่จนอันดับ 4 เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น

แต่ในขณะที่ผมค้นหาไปเรื่อยๆนั้น ก็ไปเจอการสำรวจชิ้นหนึ่งจัดทำโดย ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชนของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เมื่อ 9 ปีที่แล้วคือ พ.ศ.2556

แม้จะเป็นข้อมูลเก่าแต่ผมก็ยังเชื่อว่า ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะผมแว่บไปบางจังหวัดเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว (ก่อนโควิด-19 อาละวาด) ก็พบว่า ยังคงน่าอยู่อาศัยและมีความสุขเหมือนเดิม

นี่คือจังหวัดที่ประชาชนอยู่แล้วมีความสุขที่สุด 10 จังหวัดแรกครับ...ได้แก่ 1.แม่ฮ่องสอน (ได้คะแนน 60.9%) 2.พังงา (ได้คะแนน 60.7%) 3.ชัยภูมิ (60.0%) 4.ปราจีนบุรี (57.0%) 5.อุทัยธานี (56.6%)

อันดับ 6 ได้คะแนนเท่ากัน 2 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี และ สุโขทัย ได้คะแนนร้อยละ 56.3

อันดับ 7 ก็มี 2 จังหวัด ได้แก่ พะเยา และ แพร่ ได้คะแนนร้อยละ 55.6

อันดับ 8 น่าน (54.8%) อันดับ 9 หนองคาย (54.3%) และอันดับ 10 ลำปาง (53.9%)

เห็นอย่างนี้แล้วก็ชื่นใจแทน แม่ฮ่องสอน ซึ่งแม้จะมีรายได้ต่อหัวต่ำสุดหรือจนที่สุด แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มี ดัชนีความสุข สูงสุด

ผมว่าน่ายินดีกว่าเป็นจังหวัดที่รวยที่สุดหรือรวยมากๆแต่ความสุขน้อยๆเสียอีกด้วยซ้ำ

ทุกจังหวัดใน 10 อันดับแรกผมมีโอกาสแวะไปก่อนโควิด-19 ถึง 6-7 จังหวัด รวมทั้ง แม่ฮ่องสอน ด้วย ยืนยันและเห็นด้วยกับการสำรวจของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเลยครับว่า น่าอยู่...และอยู่แล้วเป็นสุขที่สุดจริงๆ

ส่วนจังหวัดที่ได้คะแนนน้อยสุดแปลว่า อยู่แล้วความสุขน้อยที่สุด ความจริงในรายงานเขาก็ระบุไว้ 10 จังหวัดเช่นกัน แต่เนื้อที่ผมจะหมดแล้ว ขอลงแค่ 3 จังหวัดดังนี้ครับ

อันดับ 75 (รองบ๊วยอันดับ 2) ภูเก็ต (24.2%) อันดับ 76 (รองบ๊วยอันดับ 1) สมุทรปราการ (22.0%)

และบ๊วย...ได้แก่...(ดนตรี)...กรุงเทพมหานคร (20.8%)!

เฮ้อ! ก็เป็นไปตามที่คาดหมายไว้...ผมงงๆหน่อยที่ภูเก็ตมาติดอันดับเกือบบ๊วยกับเขาด้วย แต่สำหรับ สมุทรปราการ และ กทม. แล้วไซร้ เห็นด้วยพันเปอร์เซ็นต์ครับ ความสุขน้อยกว่าจังหวัดอื่นๆจริง

แต่จะทำไงได้ ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่แล้วนี่นา...หวังว่าท่านผู้ว่าฯคนใหม่จะช่วยทำให้อันดับความสุขดีขึ้นนะครับ (ปล.เขียนในวันที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งพอดีเลยครับ)

จังหวัดไหนที่มีความสุขมากที่สุด

ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย เรื่อง “ผลการจัดอันดับจังหวัดแห่งความสุขของประเทศไทย” พบว่า จังหวัดที่ประชาชนอยู่แล้วมีความสุขมากที่สุดอันดับหนึ่งได้แก่ แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่อยู่ในอันดับสุดท้าย ขณะที่จังหวัดสมุทรสาครอยู่ในอันดับที่ 66 ...

จังหวัดไหนที่น่าอยู่ที่สุด

นี่คือจังหวัดที่ประชาชนอยู่แล้วมีความสุขที่สุด 10 จังหวัดแรกครับ... ได้แก่ 1.แม่ฮ่องสอน (ได้คะแนน 60.9%) 2.พังงา (ได้คะแนน 60.7%) 3.ชัยภูมิ (60.0%) 4.ปราจีนบุรี (57.0%) 5.อุทัยธานี (56.6%)

จังหวัดไหนที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศไทย

อันดับ 1 แม่ฮ่องสอน ได้ร้อยละ 60.9. อันดับ 2 พังงา ได้ร้อยละ 60.7. อันดับ 3 ได้แก่ ชัยภูมิ ได้ร้อยละ 60.0.

จังหวัดใดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุด

แต่หลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า ระยอง คือจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัว (GPP per Capita) สูงที่สุดในประเทศไทย!!! จุดน่าสนใจคือ ระยองไม่ได้เป็นจังหวัดขนาดใหญ่มากนัก เนื่องจากมีพื้นที่เพียงแค่ 3,552 ตารางกิโลเมตร ถือว่ามีพื้นที่ในอันดับ 57 ของประเทศ มีประชากรราว 7.2 แสนคน