ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G เจอปัญหาหน้าจอของเครื่องดับไปโดยไม่มีสาเหตุ และมีการแชร์ข้อมูลในกลุ่มผู้ใช้งาน ก็พบว่าเจอปัญหาคล้ายกันหลายคน คือตัวเครื่องยังเปิดทำงานอยู่ แต่หน้าจอดับไป ไม่สามารถกดใช้งานได้ แต่ยังได้ยินเสียงการแจ้งเตือนรวมถึงมีการโทรเข้าได้อยู่ แม้ว่าหน้าจอจะไม่แสดงผลใด ๆ เลย โดยเจอกันทั้งรุ่นชิป Exynos และ Snapdragon Show Galaxy Note 20 Ultra 5G เจอปัญหาจอดับโดยปัญหาล่าสุดนี้เริ่มเป็นข้อถกเถียงกันทั้งใน Pantip และกลุ่มผู้ใช้งาน Samsung Galaxy Note บน Facebook ซึ่งมีสมาชิกหลายคนรายงานว่า Galaxy Note 20 Ultra 5G ของเขาเกิดปัญหาหน้าจอดับสนิทไม่แสดงผลใด ๆ แต่พบว่าเครื่องก็ยังทำงานอยู่ เพราะมีสายโทรเข้ามาในขณะที่หน้าจอไม่แสดงผล แต่สามารถกดรับสายได้ (เขาต้องจำตำแหน่งเมนูรับสาย) ซึ่งก่อนหน้านี้เครื่องของเขาก็เคยมีปัญหาเครื่องร้อนมากขณะดู Youtube รวมไปถึงอาการอินเทอร์เน็ตค้างอีกด้วย หลังจากนั้นก็มีสมาชิกบางส่วนมาแสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ปัญหาหน้าจอมืดสนิท และก็ยังได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากข้อความ กับสายโทรเข้าอยู่ ส่วนบางคนก็เจอปัญหาทั้ง ๆ ที่วางเครื่องไว้ไม่ได้ใช้งาน แถมยังดับสนิทไปเลยราว ๆ 1 ชั่วโมงเลยด้วย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะมีสมาชิกรายหนึ่งบอกว่าเคยพบนี้เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมปี 2563 ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านมาแล้ว 2 เดือน ก็กลับมาพบอาการเดิมอยู่ ปัญหาหน้าจอ Note 20 Ultra เกิดจากอะไรแน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องของการอัปเดท Software ที่จะแก้ได้ เหมือนอาการหน้าจอเขียว ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายก็ได้นำเครื่อง Galaxy Note 20 Ultra 5G ไปซ่อมที่ศูนย์ของ Samsung ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการเปลี่ยนหน้าจอให้ภายใน 1 วัน โดยได้มีการพูดคุยสอบถามกับเจ้าหน้าที่เบื้องต้น ก็พบว่ามีผู้เจอปัญหานี้พอสมควร และก็แนะนำว่าหากใครมีปัญหาก็สามารถนำมาซ่อมเพื่อเปลี่ยนหน้จอใหม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Samsung อย่างเป็นทางการว่าปัญหานี้เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ แต่เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการบอกว่าเกิดจากการลัดวงจร และการจ่ายไฟส่งไปเลี้ยงหน้าจอไม่พอในบางครั้งจนทำให้หน้าจอดับไป และในบางรายที่อาการหนักมากๆ อาจจะทำให้บอร์ดชองเครื่องพังไปด้วย เรียกว่าเปลี่ยนกันยกชุดเลยทีเดียว Samsung ประเทศไทยพร้อมให้บริการเปลี่ยนหน้าจอฟรีหลังจากได้สอบถามกับทาง Samsung มาในเบื้องต้น สำหรับ Galaxy Note 20 Ultra 5G นั้นมาพร้อมกับบริการ Galaxy Butler ซึ่งเราสามารถโทรนัดกับเจ้าหน้าที่ได้ก่อนเพื่อนัดหมายวันรับซ่อม รวมถึงมีบริการมารับ-ส่งเครื่องถึงที่บ้านอีกด้วย โดยการเปลี่ยนหน้าจอของ Note 20 Ultra 5G จะได้แบตเตอรี่ก้อนใหม่ไปด้วย เนื่องจากส่วนของหน้าจอและแบตนั้นติดเป็นชิ้นเดียวกันนั่นเองครับ ซึ่งการให้บริการในส่วนนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หมายเหตุ : มีบางกรณีเห็นว่าหากอะไหล่ขาด ไม่สามารถซ่อมได้ หรือลูกค้าไม่พอใจ ทาง Samsung จะรับซื้อเครื่องคืนด้วยนะครับ ที่มา : Pantip Home » Editorial
October 11, 2020 157,068 Views มือถือเปิดไม่ติด มือถือค้าง มือถือดับ เป็นปัญหาปกติที่ผู้ใช้มือถือและแท็บเล็ตต่างก็คุ้นเคยกันดี เพราะอย่างน้อยสำหรับคนที่ใช้งานมานานก็คงต้องเจอกันบ้างสักครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญหาที่ตัวซอร์ฟแวร์มากกว่าจะเป็นปัญหาที่ตัวเครื่อง ซึ่งวิธีแก็ปัญหาก็มีไม่ค่อยเยอะ แถมหลาย ๆ วิธียังยากต่อผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปอีกด้วย และวิธีสุดท้ายที่เรามักจะใช้กันก็คือเอามือถืออที่มีปัญหานั้นไปส่งศูนย์ซ่อม ซึ่งหากอยู่ในประกันก็นับว่าโชคดีไปเพราะจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่หากหมดประกันไปแล้วค่าซ่อมบางครั้งก็โหดพอที่จะซื้อใหม่ได้สบาย วันนี้ Specphone เราจะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นหากเพื่อน ๆ เจออาการมือถือเปิดไม่ติด, มือถือค้าง หรือมือถือดับกัน ให้ลองแก้กันเองดูก่อน หากไม่ไหวจริง ๆ ค่อยไปส่งซ่อม ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างนั้นไปดูกันได้เลย 1. ตรวจสอบแบตเตอรี่อย่างแรกเลยที่เราต้องเช็คหลังจากมือถือเปิดไม่ติดหรือมือถือดับไปก็คือมือถือเราแบตเตอรี่หมดหรือเปล่า เพราะบางครั้งมือถืออาจจะแบตเตอรี่หมดโดยที่เราไม่ได้สังเกตก็เป็นได้ หลังจากเอาไปเสียบชาร์จแล้วยังไม่ติดอยู่ดีให้ลองเช้คที่หัวชาร์จหรือไม่ก็สายชาร์จดูว่ามันชาร์จไฟเข้ามือถือเราจริงหรือเปล่า อีกทั้งบางครั้งหากมีเศษฝุ่นไปเกาะอยู่ที่ช่องชาร์จก็สามารถทำให้ชาร์จไฟไม่เข้าได้เช่นกัน หากเจอเศษฝุ่นให้ทำการเป่ามันออก อย่าไปเอาอะไรไปแคะมันออกเชี่ยวไม่อย่างนั้นพอร์ตชาร์จอาจจะเกิดความเสียหายได้ 2. ลองรีสตาร์ตเครื่องดูถ้าหากพบปัญหามือถือดับเองหรือรีสตาร์ตเรื่อย ๆ ก็ให้ลองจัดการรีสตาร์ตเครื่องด้วยตัวเองหรือปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่สักรอบ หรือถ้าหากเครื่องค้างก็ให้ใช้วิธี Hard Reset ด้วยการกดปุ่ม Power กับปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงค้างไว้ (แล้วแต่รุ่นมือถือ) ซึ่งในบางกรณีการทำแค่นี้ก็อาจช่วยแก้ปัญหาให้มือถือสามารถกลับมาใช้เป็นปกติก็ได้ 3. Factory Reset ล้างเครื่องใหม่ถ้าหากทำตามวิธี 2 ข้อแรกแล้วยังไม่ได้ผล ก็คงต้องยอมทำใจจัดการ Factory Reset เพื่อล้างเครื่องดูสักรอบ ซึ่งจะเป็นการทำให้เครื่องกลับไปสู่การตั้งค่าแบบจากโรงงานใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่าแอปฯ รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องจะถูกลบล้างหายไปทั้งหมด โดยวิธีนี้จะสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดจากด้านซอฟต์แวร์ได้ สำหรับคำสั่ง Factory Reset นั้นจะอยู่ใน Settings ของเครื่อง ซึ่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นมือถือที่ใช้อยู่ 4. Download Mode (Android) / DFU Mode (iOS)หากทำตามขั้นตอนด้านบนจนถึงขนาด Factory Reset ก็ไม่หาย ลองเข้า Download Mode / DFU Mode เพื่อรีเซ็ตเครื่องโดยไม่ผ่านระบบ ซึ่งวิธีนี้เป้นวิธีที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันจนถูกลืมเลือนไปแล้ว ทว่าในสมัยก่อนตอนที่ยังมีการแฟลชรอมหรือรูทเครื่องนั้นทุกคนจะต้องเข้าโหมดนี้กันจนชินเลยทีเดียว ซึ่งใน Android และ iOS นั้นมีวิธีเข้าโหมดนี้ต่างกัน โดยสามารถทำตามได้ดังนี้ Android
iOS (เข้า DFU Mode)
iOS (ออก DFU Mode)
5. ส่งศูนย์ซ่อมถ้าหากทำตามวิธีข้างต้นหมดแล้วแต่ปัญหาก็ยังอยู่แก้ไม่หายสักที นั่นอาจเป็นเพราะปัญหาที่เกิดจากด้านฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือส่วนอื่น ๆ ภายในตัวเครื่อง ก็คงต้องใช้วิธีสุดท้ายคือส่งเครื่องให้ศูนย์บริการซ่อม แต่ถ้าหากเป็นเครื่องที่หมดประกันหรือเก่ามากแล้ว ซ่อมไม่คุ้ม ก็อาจลองพิจารณาซื้อเครื่องใหม่จะดีกว่า
ผู้เขียนYachirO |