สายอาชีพที่อเมริกา ต้องการ

อยากไปเรียนสายอาชีพในอเมริกาค่ะ

กระทู้คำถาม

เรียนต่อต่างประเทศ คนไทยในอเมริกา นักเรียนแลกเปลี่ยน สายอาชีพ

สวัสดีค่ะสมาชิกพันทิปทุกคน
ตอนนี้เราอายุ 22 ปีและกำลังจะไปอยู่ที่อเมริกาค่ะ
แล้วเราอยากจะเรียนสายอาชีพของที่นั่นอารมณ์เหมือนอาชีวะบ้านเราค่ะ เราก็เลยอยากจะสอบถามสมาชิกที่อยู่อเมริกาหรือพอจะมีความรู้เรื่องวิทยาลัยมาบ้างค่ะว่า

- ที่นั่นมีวิทยาลัยที่เปิดสอนสายอาชีพมั้ยคะ

- ถ้าหากว่ามี ที่ไหนที่น่าเรียนและอยู่ใกล้ new jerseyบ้างคะ

- ถ้าเราไปต้องขอวีซ่านีกเรียนใช่มั้ยคะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำของทุก ๆ คนนะคะ🙏🏻

0

0

สมาชิกหมายเลข 6118504

แม้เรียนจบปริญญาจะเป็นหัวใจหลักในการประสบความสำเร็จในชีวิต จะเห็นได้จากการที่คนที่จบระดับปริญญาตรีขึ้นไปจะมีรายได้มากกว่า 2 ใน 3 ของแรงงานที่จบการศึกษาระดับมัธยม

แต่การเรียนจบปริญญาตรีก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือประสบการณ์ ดังนั้นไม่ว่าจะจบอะไรถ้าคุณมีความสามารถและประสบการณ์ในการทำงาน มันก็จะส่งผลให้งานของคุณออกมาดีและจะช่วยให้คุณทำเงินได้ดีอย่างแน่นอน

วันนี้เราก็มี 11 อาชีพที่น่าสนใจในสหรัฐอเมริกาที่ไม่จำเป็นต้องเรียนจบปริญญาตรีก็สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้ดีเช่นเดียวกัน บางอาชีพน่าสนใจจนคุณคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ

1.  พนักงานติดตั้งลิฟต์

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $80,870  (ประมาณ 2,600,000 บาท)

การก่อสร้างอาคารในปัจจุบันมักสร้างตึกหลายๆชั้นเพื่อใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องติดตั้งลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ที่ใช้งาน พนักงานติดตั้งลิฟต์จึงมีหน้าที่ติดตั้งและซ่อมแซมบำรุงลิฟต์เพื่อให้ปลอดภัยต่อการใช้งานอยู่เสมอ

2.  นักบินพาณิชย์

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $75,744  (ประมาณ 2,500,000 บาท)

โดยทั่วไปนักบินจะต้องจบการศึกษาอย่างน้อยในระดับปริญญาตรี แต่สำหรับนักบินเชิงพาณิชย์ที่บินในเที่ยวบินเช่าเหมาลำในการช่วยเหลือการดับเพลิง การถ่ายภาพทางอากาศหรืออื่นๆ สามารถจบระดับมัธยมปลายและต้องได้รับการฝึกการบินและมีใบรับรองจึงจะสามารถทำการบินได้

3.  พนักงานติดตั้งสายไฟฟ้า

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $66,213  (ประมาณ 2,200,000  บาท)

พนักงานติดตั้งสายไฟฟ้ามีหน้าที่ในการติดตั้งแต่ซ่อมบำรุงสายไฟ ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมากเพราะต้องทำงานกับกระแสไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่

4.  เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนด้านสำนักงาน

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $52,602 (ประมาณ 1,700,000  บาท)

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนด้านสำนักงานมีหน้าที่ประสานงานกับผู้บริหาร และทำงานด้านธุรการ ถือว่าเป็นงานที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

5.  ช่างเครื่องกลอุตสาหกรรม

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $49,537 (ประมาณ 1,600,000  บาท)

ช่างเครื่องกลอุตสาหกรรมทำหน้าที่ซ่อมบำรุง หาสาเหตุและแก้ไขปัญหาเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม

6.  ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนผู้ใช้คอมพิวเตอร์

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $48,685 (ประมาณ 1,600,000  บาท)

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต้องเป็นผู้ที่มีทักษะและต้องทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เมื่อมีการขอคำแนะนำหรือเกิดปัญหากับคอมพิวเตอร์

7.  เจ้าหน้าที่ประจำห้องผ่าตัด

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $45,064 (ประมาณ 1,500,000  บาท)

โดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่ประจำห้องผ่าตัดจะจบการศึกษาระดับมัธยมปลายและผ่านการเรียนในหลักสูตร the Commission on Accreditation of Allied Health Education Programs ก่อนเพื่อที่จะได้รับใบรับรองในการประกอบอาชีพ

8.  ผู้ช่วยพยาบาล

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $43,201 (ประมาณ 1,400,000  บาท)

หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลสามารถเรียนจบได้ใน 7-24 เดือน มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในขั้นพื้นฐาน โดยจะต้องจบหลักสูตร LPN และมีใบรับรองก่อนเข้าปฏิบัติงาน

9.  ครูส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $36,872 (ประมาณ 1,200,000  บาท)

โดยทั่วไปครูส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองจะเป็นที่นิยมในการสอนผู้เกษียณอายุที่ไม่อยากทิ้งเวลาไปเปล่าๆ และต้องการพัฒนาตนเอง โดยการเรียนการสอนนั้นก็จะเป็นเรื่องราวที่ไม่มีในหลักสูตรเช่น สอนดนตรี เต้นรำ โยคะไปจนถึงการทำอาหาร

10.  ผู้ช่วยทันตแพทย์

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $36,788 (ประมาณ 1,200,000  บาท)

ผู้ช่วยทันตแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ และบุคลากรสายอาชีพนี้ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนหันมาสนใจในการดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างละเอียดมากขึ้นนั่นเอง

11.  ผู้ช่วยเฝ้าดูแลตามบ้าน

เงินเดือนเฉลี่ยต่อปี:  $21,895 (ประมาณ 700,000  บาท)

เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุมีอัตราเพิ่มขึ้น อาชีพผู้ช่วยเฝ้าดูแลตามบ้านจึงจำเป็นอย่างมากในการเฝ้าเยี่ยมดูแลความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ โดยจะมีหน้าที่คล้ายๆพยาบาลที่ดูแลตามบ้านแต่ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ในขอบเขตของด้านการรักษาทางการแพทย์

ที่มา:  kiplinger

ร่วมแสดงความคิดเห็นกันจ้า...