ผู้นําที่ดีที่สุดในโลก 2563

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่นมาน นิตยสาร TIME ได้ทำการจัดอันดับบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2020 นี้ ได้จัดอันดับแบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางการเมือง (Leaders), ผู้บุกเบิก (Pioneers), ศิลปิน (Artists), บุคคลจากภาคเศรษฐกิจและสังคมที่มีชื่อเสียง (Titans) และบุคคลผู้เป็นแบบอย่าง (Icons) โดยในหมวดผู้นำทางการเมืองนั้น ในปีนี้มีผู้นำประเทศ ผู้นำองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองโลกติดอยู่ในอันดับถึง 22 ราย

Beartai ขอนำเสนอบุคคลที่ทรงอิทธิพลฯ จำนวน 13 คนที่น่าจับตามองเรื่องราวของพวกเขาในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทบาททางด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม ที่อยากให้แฟน ๆ นักอ่านได้อัปเดตสำหรับผู้ทรงอิทธิพลที่รู้จักเขาอยู่แล้ว หรือถ้าไม่รู้จักก็จะได้ไม่ตกข่าวตกเทรนด์ว่า เพราะเหตุใดพวกเขาเหล่านี้จึงถูกจัดอันดับในปีนี้

  • ข้ามไปอ่าน Joe Biden, Kamala Harris, Angela Merkel กดตรงนี้
  • ข้ามไปอ่าน Nathan Law, Shiori Ito, Bong Joon-Ho กดตรงนี้
  • ข้ามไปอ่าน Selena Gomez, Michael B. Jordan, Dr. Tedros Adhanom, Dr. Anthony Fauci กดตรงนี้

Xi Jinping ประธานาธิบดี (ตลอดกาล?) ของจีน

ผู้นําที่ดีที่สุดในโลก 2563

สีจิ้นผิง” บุรุษวัย 67 ปี ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ประธานาธิบดีจีนในปี 2013 ได้รับฉายา “ประธานาธิบดีปราบโกง” จากการกวาดล้างนักการเมืองคอรัปชั่นจากฐานอำนาจเดิม เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญจีน เพื่อหวังที่จะเป็นประธานาธิบดีได้อย่างไม่มีสิ้นสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ ประชาชนจีนก็ยังคงนิยมชมชอบเขาเช่นเดิม ในฐานะผู้นำที่รวบอำนาจไปจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบ “สีโคโนมิกส์” ตามที่ชาติตะวันตกเรียกขาน เน้นส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย มากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์ และมหาเศรษฐีผูกขาดเหมือนอย่างรัฐบาลก่อนหน้า เขาเริ่มเน้นการผลิตที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณเหมือนอย่างในอดีต โดยหวังว่ายุทธศาสตร์นี้ จะทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจโลก

สีจิ้นผิงเน้นส่งเสริมการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้เหมาะสมกับโลกยุคใหม่ที่กว้างขึ้นด้วยอินเทอร์เน็ต ยินยอมให้เอกชนเข้าซื้อ และควบกิจการของตะวันตกที่แล้วที่เล่า ประกาศแผน Made In China 2025 เพื่อยกระดับการผลิตอุตสาหกรรมของจีนภายในระยะเวลา 10 ปี ประกาศแผน AI 2030 เพื่อยกระดับการผลิต ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ภายใน 15 ปี เหตุนี้จึงทำให้จีนยังคงยิ่งใหญ่ในเวทีโลก และแม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ากระหน่ำอย่างหนัก แต่จีนก็ยังเป็นประเทศเดียวที่มีรายได้มวลรวมประชาชาติ หรือ GDP เป็นบวก

ในปีนี้รัฐบาลของสีจิ้นผิงต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมืองอู่ฮั่นของจีนก็คือต้นตอของการระบาดที่ทำให้น็อกไปทั้งโลก เขายอมรับว่าเป็นโรคระบาดที่ควบคุมยากสุดในรอบ 70 ปี แต่รัฐบาลจีนก็รับมือกับวิกฤตด้านสาธารณสุขของคนจีนได้ดีพอสมควร เมื่อการแพร่ระบาดในวงกว้างเริ่มถูกจำกัดได้ในช่วงกลางปี สียอมรับว่า จีนจำเป็นต้องเรียนรู้จากข้อบกพร่องที่ปรากฏชัดเจนในการตอบสนองต่อโรคระบาด และต้องปรับปรุงขีดความสามารถในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต และเขายังให้ความมั่นใจว่า การประเมินสถานการณ์การระบาดของคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นถูกต้องแม่นยำ ที่ผ่านมามีการสั่งการได้ทันท่วงที และใช้มาตรการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งบทบาทอันทรงอิทธิพลของสีในปีนี้คือ การลงนามในกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกง ที่จะให้อำนาจรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เข้าไปควบคุมฮ่องกงได้มากขึ้น ซึ่งจะถูกนำไปใส่ไว้ในธรรมนูญการปกครองของฮ่องกง มีใจความสำคัญที่กำหนดให้การปลุกระดมมวลชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และจะเปิดทางให้ทางการเข้าไปจัดการต่อการชุมนุมประท้วงได้มีประสิทธิภาพขึ้น

นาง Carrie Lam ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้กล่าวปกป้องกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นการช่วยอุดช่องโหว่เรื่องความมั่นคงของชาติ ช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบ และความไร้เสถียรภาพจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง ส่วนฝ่ายต่อต้านจีนโต้กลับว่า กฎหมายฉบับนี้จะสร้างความเสียหายต่อความเป็นอิสระของกฎหมายพื้นฐานที่รับรองเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุมในการแสดงความคิดเห็น

  • อ้างอิงภาพ

Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (สมัยเดียว? เพราะโควิด)

ผู้นําที่ดีที่สุดในโลก 2563

กำลังจะอยู่ครบวาระ 4 ปีเต็ม สำหรับประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนที่ 45 มหาเศรษฐีประธานาธิบดีซึ่งนิตยสาร Forbes รายงานไว้เมื่อปี 2016 ว่า เขามีทรัพย์สินอยู่ราว 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 160,000 ล้านบาท เขามาพร้อมนโยบาย Made America Great Again และขณะเดียวกันก็ทำให้อเมริกามาพร้อมทั้งความวุ่นวายและความอลหม่านทั้งในประเทศตัวเองและบนเวทีโลกเช่น สร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ และประเทศเม็กซิโก นโยบายกีดกันไม่ให้ชาวมุสลิมเข้าประเทศ สนับสนุนกฎหมายค้าอาวุธปืนเสรี การออกมาทวีตว่าจะปราบปราบกลุ่มผู้ประท้วงเรื่องผิวดำด้วยถ้อยคำรุนแรงจนทวิตเตอร์ต้องขึ้นประกาศคำเตือนให้ใช้วิจารณญาณ ล่าสุดก็ประกาศสงครามกับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของจีนอย่างชัดเจน

ประธานาธิบดีที่ไม่เคยเป็นข้าราชการหรือทหารคนแรกของประเทศ มีค่าหัว 80 ล้านเหรียญฯ หรือราว 2,400 ล้านบาท จากการหมายหัวของผู้นำทางทหารของอิหร่าน ฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของการติดเชื้อโควิด-19 มาได้อย่างยากลำบาก จึงเบี่ยงเบนความสนใจของความล้มเหลวนี้ไปที่นโยบายต่างประเทศอื่น ๆ เพื่อไม่ให้คะแนนเสียงของเขาจากกลุ่ม Swing Vote ที่ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยมแบบเขา หรือขั้วตรงข้ามเสรีนิยมที่ยังไงก็เลือก Joe Biden จากพรรคเดโมแครตอยู่แล้ว โดยเฉพาะการพุ่งเป้าโจมตีว่า ต้นเหตุความผิดพลาดของการแพร่ระบาดมาจากประเทศจีน ก่อนหน้านี้ Trump ก็ถูกโจมตีว่าเป็นผู้นำที่ไม่จริงจังในการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่ใส่หน้ากากอนามัยขณะออกพบปะกับประชาชนในที่สาธารณะ ก่อนที่ต่อมาจะทนรับแรงกดดันไม่ไหวยอมใส่หน้ากากอนามัยในที่สุด

เมื่อมานานมานี้ สุนทรพจน์ที่เขาบันทึกลงวิดีโอและเผยแพร่ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของ UN Trump ใช้ถ้อยคำโจมตีจีนอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องทั่วโลกให้ร่วมกดดันจีนเพื่อรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว ที่ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 200,000 ราย นอกจากนี้เขายังกล่าวโจมตีองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นองค์การที่ควบคุมโดยประเทศจีนอีกด้วย

ผลงานด้านการต่างประเทศล่าสุดของเขา คือการฟื้นฟูข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และบาห์เรน ที่โดยเขากล่าวว่านี่คือ “รุ่งอรุณของตะวันออกกลางยุคใหม่” แต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ด้านการต่างประเทศก็คือ การลงนามในคำสั่งพิเศษยุติสถานภาพพิเศษของฮ่องกงภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้กรณีที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่า เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพและทำลายอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกง

  • อ้างอิงภาพ

Tsai Ing-wen ประธานาธิบดีหญิงแกร่ง พาไต้หวันต้านอำนาจจีน

ผู้นําที่ดีที่สุดในโลก 2563

ไช่ อิงเหวิน เดิมทีเป็นอาจารย์กฎหมาย เข้าทำงานตำแหน่งรัฐมนตรี ในปี 2004 เธอเข้าร่วมพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party: DPP) หลังจากนั้นแค่ 4 ปี เธอก็ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อปี 2012 แต่แพ้ไปในครั้งแรก ผ่านไปอีก 4 ปี เธอขอกลับมาลงสมัครอีกครั้ง โดยชูนโยบายที่ท้ารบกับจีนแบบเปิดหน้า ขอปลดแอกไต้หวันจากจีนแผ่นดินใหญ่ เชิดชูระบอบประชาธิปไตยซึ่งตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์จีน รวมทั้งสนับสนุนสิทธิชาว LGBTQ+

See also

In beartai BUZZข่าวฮือฮาทีวี-ซีรีส์

on 18/10/2022

’10 อันดับ’ ซีรีส์เงินหนา ที่ใช้งบประมาณมหาศาลในการสร้าง จนภาพยนตร์ดังบางเรื่องต้องชิดซ้าย

โฆษกรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ จึงออกโรงตอบโต้โดยด่วน แถลงการณ์ว่าจีนจะไม่เปลี่ยนนโยบายต่อไต้หวัน แสดงให้เห็นจุดยืนว่าแผ่นดินใหญ่พร้อมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดทุกรูปแบบหากไช่ อิงเหวิน ชนะการเลือกตั้ง ไช่ อิงเหวินนั้นแทบจะเป็น “นารีขี่ม้าขาว” มาถูกที่ถูกเวลา (มากกว่า 4 ปีก่อน) เพราะประชาชนชาวไต้หวันส่วนใหญ่ไม่พอใจกับนโยบายพินอบพิเทาต่อจีนของประธานาธิบดี หม่า อิ๋งเจียว (Ma Ying-jiu) ประธานาธิบดีสองสมัย ระหว่างปี 2008-2016 บานปลายไปถึงความกลัวว่า หากจีนจะรวบหัวรวบหางไต้หวัน ผู้นำของไต้หวันเองจะยอมตั้งแต่หน้าประตู จึงถึงเวลาที่จะได้ผู้นำหัวใหม่อย่างเธอมาเปลี่ยนทิศทางการเมืองของไต้หวัน ท้ายที่สุดไช่ อิงเหวิน ชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอย ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 14 และเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน ในปี 2016

ช่วงปี 2018 คะแนนนิยมของพรรค DPP เริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย คณะบริหารของ ไช่ อิงเหวิน พ่ายแพ้หลายเมืองในการเลือกตั้งผู้แทนสภาท้องถิ่น ผลงานไม่โดดเด่นเป็นชิ้นเป็นอัน พร้อมกับเสียงวิจารณ์จากจีนว่าประธานาธิบดีหญิงกำลังพ่ายแพ้ คนไต้หวันอยากกลับไปซบอกจีนอีกครั้งด้วยหลายเหตุผล แต่ต่อมาดันเกิดกรณีลมหวนกลับ ปี 2019  ไช่ อิงเหวิน ประกาศจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุมฮ่องกง พร้อมยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ผูกมิตรกับจีน และจะทำให้ไต้หวันได้รับเอกราชอย่างที่เคยพูดไว้เมื่อครั้งลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก ทำให้ได้รับความนิยมจากนโยบายชาตินิยมกลับมาอีกครั้ง เธอจึงลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคม ปี 2020 

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไต้หวันได้ถูกบันทึกไว้ในปีนี้ว่า ประชาชนมากกว่า 13 ล้านคน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 19 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิมากที่สุดเป็นประวัติการ และทำให้ ไช่ อิงเหวิน กวาดคะแนนเสียงแบบขาดลอยอีกครั้ง ด้วยคะแนนกว่า 8.17 ล้านเสียง ทิ้งห่าง ฮั่น กั๋วหยู (Han Kuo-yu) ผู้สมัครจากพรรคก๊กมินตั๋ง ที่มีนโยบายหาเสียงจับมือกับจีนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งได้คะแนนประมาณ 5.4 ล้านเสียง หลังจากนั้น สหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีและย้ำว่า ไต้หวันเป็น “ประเทศ” (จริง ๆ ไต้หวันไม่ใช่ประเทศ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของจีนตามกฎหมายระหว่างประเทศ) แห่งการยึดมั่นในและแสวงหาประชาธิปไตย