E-BOOK คู่มือครูวิทยาศาสตร์เล่มนี้ เป็นแนวทางให้ครูนําเนื้อหาความรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมธรรมชาติในท้องถิ่น ตามความเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 3 (ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1-3) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษา วิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ได้แก่ ดิน น้ำบรรยากาศ สิ่งปกคลุมดิน และสิ่งมีชีวิต เพื่อให้เข้าใจถึงรูปแบบความสัมพันธ์ ปรากฏการณ์ รวมทั้งแนวโน้ม ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และมีผลต่อเนื่องมาถึงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ ได้แก่ การสังเกต การตั้งคำถามวิจัยการตั้งสมมติฐาน เพื่อจะนำ ไปสู่การวิจัยแบบนักวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์และการคิดเป็นระบบมีความสามารถในการตัด สินใจ สามารถสื่อสาร ทำงานร่วมกัน เป็นทีม และนำ ความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม มาตรฐาน ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ผลการเรียนรู้ ๑. ศึกษา อธิบาย วิเคราะห์ ความหมายของโลกทั้งระบบ ตลอดจนหาความสัมพันธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นในโลกทั้งระบบ ๒. สำรวจและบันทึกองค์ประกอบพร้อมทั้งทดลอง อธิบาย อภิปราย ถึงความสัมพันธ์ของสภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณที่ศึกษาได้ ๓. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอธิบายถึงการเลือกคำถามพร้อมทั้งตัดสินใจในการเลือกคำถามเพื่อใช้ในการวิจัย วทิ ยาศาสตร์โลกท้งั ระบบ (EARTH SYSTEM สอนโดย นางปิ ยะนุช พกิ ลุ สวสั ด์ิ วิทยาศาสตรโ์ ลกทงั้ ระบบ (EARTH การเรียนรู้เก่ียวกับความสัมพันธ์ ระหว่าง องคป์ ระกอบหลักของโลก 1. ส่วนที่เป็นพ้นื ดินและหิน หรือธรณีภาค 2. ส่วนที่เป็นพ้นื น้า หรืออุทกภาค 3. ส่วนท่ีเป็นบรรยากาศ (Atmosphere) 4. ส่วนที่เป็นชีวภาคหรือชีวมณฑล (Biosphere) ลกั ษณะดงั กล่าวจะเป็นปัจจยั สาคญั ท่ีกาหนดใหด้ ินที่มี สมบตั ิต่างกนั ส่งผลใหพ้ บส่ิงมีชีวติ ที่มีความเฉพาะแตกต่าง กนั ไป เกิดเป็นเขตส่ิงมีชีวติ (Biomes) ที่หลากหลาย ทุ่งหญา้ สะวนั นา หรือเขตทุนดรา เป็นตน้ ดงั ภาพ ภาพแสดงองคป์ ระกอบหลกั ของโลก ซ่ึงประกอบดว้ ย ส่วนที่เป็นพ้นื ดินและหิน ส่วน ใหน้ กั เรียนเลือกสิ่งแวดลอ้ มธรรมชาติท่ีน่าสนใจมา 1 ระบบ และใหร้ ะบุความสมั พนั ธ์ นาขา้ ว นาขา้ ว มีลกั ษณะภูมิประเทศเป็นพ้นื ที่ราบลุ่ม มีท้งั ดิน น้า การหมุนเวยี นพลงั งานและสาร จะเกิดในลกั ษณะวฏั จกั ร เช่น วฏั จกั รน้า วฏั จกั รเหล่าน้ีจะเกิดข้ึนต่อเน่ืองและเชื่อมโยงกนั วฏั จกั รนา้ น้า ไอน้า ฝน เมฆ วฏั จักรคารบ์ อน สัตว์ คาร์บอนไดออกไซ ออกซิเจน พืช สมการเคมกี ารสังเคราะหด์ ว้ ยแสง แก๊สเรอื นกระจก 1.แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ CO₂ 2.มเี ทน CH₄ 3.ไนตรสั ออกไซด ์ N₂O 4. สาร CFCs (Chlorofluorocarbons คลอโรฟลอู อโรคารบ์ อน) 5.โอโซน O₃ แก๊สเหล่าน้ีทาหนา้ ท่ีกกั เกบ็ พลงั งานความร้อนจากดวง กระจก (Greenhouse Effect) แต่เมื่อแก๊สเหล่าน้ีถูกปลดปล่อยสู่ช้นั บรรยากาศ ปัญหาทเ่ี กดิ จากภาวะโลกร้อน 3.ผลกระทบด้านปริมาณอาหาร -ผลผลิตทางการเกษตรลดลง -น้าทะเลมีความเป็นกรดมากข้ึน ทาใหส้ ตั วน์ ้าทะเล 4.ผลกระทบด้านสุขภาพ -ประชากรเสียชีวติ มากข้ึนเพราะรับอนั ตรายจากไฟ วธิ ีการลดภาวะโลกร้อน ดินจดั เป็นทรัพยากรของโลกท่ีสาคญั ที่มีความสมั พนั ธก์ บั ทรัพยากรอ่ืนๆ ดงั น้ี โรค ซ่ึงอาจไดม้ าจากดินท้งั ทางตรงและทางออ้ ม สารมลพิษ (Pollutant) ตลอดจนเช้ือโรคลงไปปนเป้ื อนน้าใตด้ ิน นอกจากน้ีดินยงั ทา 3. ดินทาหนา้ ที่เป็นที่เกาะยดึ (Anchorage) ของรากพชื เพอื่ ยดึ ลาตน้ ใหแ้ น่น ไม่ใหล้ ม้ 4. ดินเป็นแหล่งผลิตและดูดซบั แก๊สต่างๆ ในดินมีช่องวา่ งท่ีสามารถเกบ็ กกั แก๊สต่างๆ ไวไ้ ด้ 5. ดินเป็นแหล่งวสั ดุสาหรับการก่อสร้าง ของมนุษยใ์ นอดีต การเกบ็ ตวั อยา่ งดิน (SOIL SAMPLING)การเกบ็ ตวั อยา่ งดินโดยเกบ็ ตวั อยา่ งที่ผวิ ดิน การเกบ็ ตวั อยา่ งดินโดยใชส้ วา่ นเจาะดิน 1. กางแผน่ พลาสติก แผน่ กระดาษ หรือภาชนะลงบนผวิ ดินใกลๆ้ กบั บริเวณท่ีจะเจาะดิน 2. เจาะดินดว้ ยสวา่ นเจาะดิน โดยค่อยๆ หมุนสวา่ นตามทิศตามเขม็ นาฬิกาไปเร่ือยๆ ไม่ตอ้ งออก 3. ระบุช้นั ดิน วดั ความหนาช้นั ดิน คุณลกั ษณะของสีดิน เน้ือดิน และลกั ษณะอ่ืนๆ ที่แตกต่างกนั วิธีการตรวจวดั 1. เกบ็ ตวั อยา่ งดินแต่ละช้นั โดยเลือกวิธีเกบ็ ตวั อยา่ งดินใหเ้ หมาะสมกบั พ้นื ที่ จานวน 3 2. ใส่ตวั อยา่ งดินในถุงหรือภาชนะเกบ็ ดินอื่นๆ 3. ปิ ดฉลากท่ีถุงใส่ตวั อยา่ งดินแสดงชื่อจุดศึกษา ความลึกจากดา้ นบนสุดและล่างสุด |