ผู้มีสัญชาติไทยทุกคนต้องมีบัตรประจําตัวประชาชนไว้ใช้แสดงตนเพื่อประโยชน์ในการเข้ารับบริการสาธารณะของรัฐ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการออกบัตรประจําตัวประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่รัฐจะนําเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ผ่านทางบัตรประจําตัวประชาชน เพื่อประโยชน์ของผู้ถือบัตรประจําตัวประชาชน
บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ เพื่อใช้พิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลว่ามีสัญชาติไทยจริง บัตรประจำตัวประชาชนจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การทำนิติกรรมสัญญา การสมัครงาน การใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การทำหนังสือเดินทาง การทำใบอนุญาตขับขี่ ฯลฯ ถ้าไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการพิสูจน์ตัวบุคคลและการติดต่อการงานต่างๆ กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับบัตรประจำตัวประชาชน คือ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 และพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542 กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับบัตรประจำตัวประชาชน เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นพลเมืองไทย โดยจะต้องเป็นบุคคลผู้มีนสัญชาติไทย มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 70 ปี ต้องยื่นขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือที่ทำการกิ่งอำเภอ หรือสำนักงานเขตที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ มีรายละเอียดดังนี้ # 01 ความสำคัญของบัตรประชาชน บัตรประชาชน หรือ บัตรประจำตัวประชาชน เป็นเอกสารสำคัญที่ทางราชการออกให้เฉพาะ เพื่อใช้ยืนยันตัวบุคคล ในกรณีที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง สมัครงาน ทำนิติกรรมสัญญา ติดต่อหน่วยงานราชการหรือเอกชน เป็นหลักฐานที่หน่วยงานต่างๆใช้ตรวจสอบตัวบุคคลเมื่อจะออกหนังสือสำคัญ เช่น บัตรประจำตัวผู้ป่วย ใบอนุญาตขับรถ หนังสือเดินทาง บัตรเครดิต บัตรสมาชิกสโมสร รวมทั้งใช้ตรวจสอบตัวบุคคลเมื่อจะถอนเงิน รับพัสดุ หรือเปิดเซฟ เป็นต้น ในบัตรประจำตัวประชาชน จะมีรูปภาพเจ้าของบัตรฯถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกไม่สวมแว่น ข้างหลังรูปภาพมีแถบบอกความสูง และมีข้อมูลเกี่ยวกับ เลขหมายประจำตัวของเจ้าของบัตร จำนวน 13 หลัก ซึ่งจะไม่ซ้ำซ้อนกับของผู้อื่น มีชื่อตัว ชื่อสกุล วันเดือนปีที่เกิด ศาสนา หมู่โลหิตของเจ้าของบัตร พร้อมที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน วันที่ที่ออกบัตร วันที่ที่บัตรหมดอายุ เป็นต้น # 02 คุณสมบัติของผู้ที่มีบัตรฯ ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตามบทบัญญัติมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542 ผู้ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตร เพราะมีบัตรประจำตัวตามกฎหมายอื่น ให้ใช้บัตรประจำตัวอื่นนั้นแทนบัตรประจำตัวประชาชน เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภิกษุ สามเณร ผู้ที่อยู่ในที่คุมขังตามกฎหมาย ผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษา ณ ต่างประเทศ เป็นต้น บุคคลพิการโดยทั่วไป จะต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน ยกเว้นบุคคลพิการ 4 ประเภท คือ เป็นผู้พิการทางร่างกายเดินไม่ได้, เป็นใบ้, ตาบอดทั้งสองข้าง, หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตร อย่างไรก็ตาม บุคคลพิการ 4 ประเภท หากประสงค์จะขอมีบัตรฯ ก็สามารถไปดำเนินการขอมีบัตรได้ โดยเจ้าตัวจะต้องไปแสดงตัวและมีส่วนร่วมขอมีบัตรด้วยตนเอง # 03 ความหมายของเลขหมายประจำตัว 13 หลัก หลักที่ 1 (ในภาพข้างบน คือ เลข 3) หมายถึงประเภทบุคคล ซึ่งมี 8 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา ประเภทที่ 5 ได้แก่ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน ในกรณีตกสำรวจหรือกรณีอื่น ๆ ประเภทที่ 6 ได้แก่ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแต่จะอยู่ในลักษณะชั่วคราว ประเภทที่ 7 ได้แก่ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย ประเภทที่ 8 ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ได้รับใบสำคัญประจำตัว คนต่างด้าว คนที่ได้รับ การแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยและคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย
|