คณะวิทยาการจัดการ ก่อกำเนิดจากการแบ่งส่วนราชการของวิทยาลัยครูสวนสุนันทา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการแบ่งส่วนราชการในวิทยาลัยครู ฉบับลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ซึ่งขณะนั้น มีฐานะเป็นวิทยาลัยครูสวนสุนันทาและใช้ชื่อ “คณะวิชาวิทยาการจัดการ” โดยวิทยาลัยมอบหมายให้ อาจารย์เปรมจิตต์ สระวาสี เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการก่อตั้งคณะวิชาวิทยาการจัดการ ระยะแรกของโครงการก่อตั้งคณะนั้นได้ทดลองเปิดสอนในหลักสูตร โปรแกรมวิชาธุรกิจศึกษา ต่อมาในปีพ.ศ. 2530 จึงดำเนินการพัฒนาหลักสูตรอนุปริญญาศิลปศาสตร์ สาขาการจัดการทั่วไป และในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2530 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้คณะวิชาวิทยาการจัดการเป็นส่วนราชการหนึ่งของ วิทยาลัยครูสวนสุนันทา มีหน้าที่ในการบริหารจัดการและจัดการเรียนการสอนใจระดับอนุปริญญาและปริญญา 2 ปี(ต่อเนื่อง) ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538 นับแต่นั้นเป็นต้นมา คณะวิชาวิทยาการจัดการก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คณะวิทยาการจัดการ” เป็นส่วนราชการหนึ่งในสถาบันราชภัฏสวนสุนันทาตามพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เปลี่ยนเป็น คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีภารกิจหลักในการให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพแขนงวิชาต่าง ๆ การทำวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่สังคมการปรับปรุงถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีและการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม จัดการเรียนการสอนใน 2 กลุ่มสาขาวิชา คือ กลุ่มสาขาวิชาบริหารธุรกิจ และกลุ่มสาขาวิชานิเทศศาสตร์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2563 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาได้ออกประกาศฯ ให้โอนย้ายบุคลากร และนักศึกษากลุ่มสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ตั้งขึ้นเป็น "วิทยาลัยนิเทศศาสตร์" ปัจจุบันคณะวิทยาการจัดการ จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจใน 3 หลักสูตร และ 6 แขนงวิชา
รายนามผู้บริหารคณะวิทยาการจัดการ หัวหน้าคณะวิชาและคณบดี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งถึงปัจจุบัน 9 ท่าน คือ
ปรัชญา (Philosophy)“แม่แบบที่ดีของสังคม” วิสัยทัศน์ (Vision)"คณะวิทยาการจัดการ : แม่แบบที่ดีของสังคม ด้านการบริหารจัดการ” พันธกิจ (Mission)
อัตลักษณ์ ของบัณฑิตคณะวิทยาการจัดการ“เป็นนักปฏิบัติ ถนัดวิชาการ เชี่ยวชาญการสื่อสาร ชำนาญการคิด มีจิตสาธารณะ” เอกลักษณ์ ของคณะวิทยาการจัดการ“เน้นความเป็นวัง ปลูกฝังองค์ความรู้ ยึดมั่นคุณธรรมให้เชิดชู เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่สากล” หลักสูตรการเรียนการสอนปัจจุบันคณะวิทยาการจัดการ จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจใน 3 หลักสูตร และ 6 แขนงวิชา
จุดเด่น ของหลักสูตรบัญชีบัณฑิต บริหารธุรกิจบัณฑิต และเศรษฐศาสตรบัณฑิต จัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับอาเซียน โดยอาจารย์ประจํา และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา ทั้งด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการมุ่งเน้น การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง มีกิจกรรมประกอบหลักสูตรที่หลากหลายมีการฝึก ประสบการณ์ในสถานประกอบการชั้นนํา และมีความพร้อมในการประกอบวิชาชีพในหน่วยงานได้ทันทีและตรงกับความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตและตลาดแรงงาน เมื่อสําเร็จการศึกษาหลังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวีตข้อความถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในเชิงดูแคลน ได้กลายเป็นดราม่าร้อนแรงบนโลกโชเชี่ยล ระหว่างนักศึกษาราชภัฏกับนิสิตมหาวิทยาลัยดังแถวสามย่าน ปมโดนเหยียดสลับที่เรียน ก่อนหน้านี้ คอลัมน์ เปลว สีเงิน : เขาคือ 'เด็กราชภัฏ' หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 27 ก.ค. 2565 ได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างไร edunewssiam ขออนุญาตนำมาถ่ายทอดให้อ่านกัน....
ทำให้ตอนเรียนผมหาเงินได้แล้วเดือนละ 13,000 บาท (เกือบค่าแรงขั้นต่ำเลยนะ)
เห็นคนพูดกันถึง "โอกาส" "ความเท่าเทียม" "คนไม่เท่ากัน" ต่าง ๆ
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ล่าสุด นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และนิสิตเก่าจุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เบรกประเด็นดรามา "จุฬา-ราชภัฏ" บอกเรียนที่ไหนก็ดีเหมือนๆ กัน ขอแค่จบมาแล้วเป็นคนดี ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่าคดโกง อย่าคิดล้มล้างประเทศและสถาบันฯ ก็พอ... อีกทั้ง ยังมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น หนึ่งในนั้น คือ มีมี่ กัลย์สุดา ชนาคีรี หรือรู้จักกันในนาม อิอิ ออง ทู่น (အိအိအောင်ထွန်း) มิสแกรนด์เมียนมา ประจำปี 2022 ลูกครึ่งไทย-เมียนมาเชื้อสายกะเหรี่ยง มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่เตรียมเป็นตัวแทนประเทศเมียนมาในการประกวด มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2022 ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ฉันคือเด็กราชภัฏ ฉันภูมิใจ” เนื่องจากมีมี่เอง ก็ศึกษาที่คณะครุศาสตร์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ขอปิดท้ายด้วยความเห็นจากเม้นท์ของ Layya Papacallme ที่ว่า... "จบที่ไหนไม่สำคัญ ขอให้จบมาแล้วเป็นคนดี ทำคุณประโยชน์ต่อตัวเอง ครอบครัวและประเทศชาติก็นับว่าใช้ได้แล้ว ขออย่าคดโกง อย่าคิดล้มล้างประเทศและสถาบันฯ คนที่เรียนจุฬาฯ ไม่ได้มีหลักประกันว่าจะเป็นคนดี เรียนจบมาแล้วทำงานสู้คนที่จบจากราชภัฏไม่ได้มีถมเถไป เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ประสบความสำเร็จก็เยอะ ไม่มีประเด็นให้เราต้องแบ่งแยก ชิงดีชิงเด่น ขอให้ก้มหน้าก้มตาทำงาน อย่าอวดเบ่ง คุยทับกับเพื่อนต่างสถาบันเลย" |