����ͼ���������ͧ�觡�¨��������ҧ������������ǹҹ��� ���������е�ͧ���ѡ�����ѡ����зӤ������Ҵ���ҧ�١�Ը� �������������ѡ���͡���Ե�ѳ��㹡�÷Ӥ������Ҵ�����ҧ������� ���ѡ�ӨѴ������ ����֧����ö�ѡ�մ����ͼ�� �ҡ��������ҧ�١�Ը� �ѹ���觼��������ö���͡������ͼ���������ͧ�觡�������ҧ������������ǹҹ Show
เสื้อผ้าที่เราวื้อมานั้นเราก็คงไม่อยากให้โทรมหรือเสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งโดยเฉพาะตัวไหนที่เราชอบหรือตัวที่เราซื้อมาแพงนั้นต้องดูแลรักษาดีเป็นพิเศษ เพราะเหตุนี้เราควรที่จะรู้วิธีในการทำความสะอาดเสื้อผ้าให้ถูกต้อง และวิธีในการเก็บรักษา เพื่อให้เสื้อผ้าที่เราซื้อมานั้นใช้งานได้ยาวนาน ลองมาดูเคล็ดดีๆกันเถอะ 1. การแยกเสื้อผ้าก่อนซัก นอกจากที่เราจะแยกซักระหว่างผ้าขาวกับผ้าสีแล้ว อย่างแรกที่ควรทำคือคัดว่าเป็นผ้าซักแห้งหรือผ้าซักน้ำ ตามความจริงแล้วเราควรจะแยกซักผ้าตามเนื้อผ้าอีกด้วย โดยการแยกผ้าหน้าและผ้าบางออกจากกันเช่น ผ้าชีฟอง ผ้าไหม ออกจากชุดสูท หรือออกจากยีนเป็นต้น ผ้าบางหรือผ้าที่เป็นขลุยควรจะใส่ไว้ในถุงตะข่ายเพื่อไม่ให้ชายขลุยพันกัน และเราควรที่จะกลับผ้าด้านในออกมาซักแทนผ้าด้านนอกเพื่อจะได้ไม่ให้ผ้าดูซีดเร็ว หรือเวลาที่เสื้อผ้าเสียดสีกันจนเป็นรอย จะได้มองไม่เห็น 2. เสื้อผ้าบางตัวต้องซักมือเท่านั้น ผ้าบางชนิดนั้นต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยการแยกผ้าออกมาซักมือ ซึ่งผ้าพวกนี้จะเป็นผ้าบางมากๆอย่าง ผ้าชีฟอง ชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นใน โดยการซักผ้าในน้ำเย็นและใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนๆ และนำมาตากลมไม่ให้โดนแดดจัด 3. การคุมอุณหภูมิ ความร้อนที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดรอยไหม้หรือผ้ากรอบ ดังนั้นควรคุมอุณหภูมิความร้อนตามเนื้อผ้า ผ้าบางไม่ให้เตาร้อนจัดและควรทดลงโดยการรีดบนผ้าที่เตรียมเอาไว้ทดลองก่อนเสมอ 4. เสื้อขนสัตว์หรือแปลกๆ เสื้อที่เป็นเสื้อขนสัตว์หรือเป็นผ้าที่แปลกๆ หากนำไปซักปกติแล้วอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย โดยทั่วไปแล้วป้ายที่ติดอยู่ตรงคอเสื้อนั้นจะมีสัญลักษณ์ในการบ่งบอกว่าเสื้อผ้านี้ซักปกติได้ หรือควรจะซักแห้ง หากป้ายบอกว่าให้ซักแห้งเท่านั้น(Dry Cleaning Only) ก็นำไปซักแห้งเพื่อรักษาเสื้อผ้าไม่ให้เสียหาย หรือหากไม่แน่ใจให้ติดต่อสอบถามร้านซักแห้งที่เชียวชาญ เพื่อป้องกันการเสียหาย 5. ใช้ไม้ซีดาร์แทนลูกเหม็น ลูกเหม็นนั้นถึงจะใช้ในการไล่แมลงได้ดีแต่ด้วยกลิ่นที่รุนแรงจึงทำให้มีกลิ่นติดเสื้อผ้าแถมยังซักออกยาก หากเราดมไปบ่อยๆอาจจะทำให้คลื้นไส้ เวียนหัวได้ การเปลี่ยนมาใช้ไม้ซีดาร์จึงป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีและเป็นของธรรมชาติ โดยการนำเอาแท่งไม้ซีดาร์ขนาดเล็กห่อทิชชู่วางไว้ในตู้ หรือสามารถเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยไม้ซีดาร์แทนก็ได้ หากให้ดีจริงให้เปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท 6. เก็บชุดโปรใส่ถุงคลุมเสื้อ การที่เลือกเก็บเสื้อผ้าใส้ในถุงคลุมเพื่อไม่ให้ เสื้อผ้าไปเสียดสีกับเสื้อตัวอื่นๆและไม่ให้ไรฝุ่นมาเกาะเสื้อผ้าที่เรารัก หรือเศษไม้จากในตู้เกี่ยวเสื้อผ้าเราจนเสียหาย ถุงเสื้อนั้นไม่ควรที่จะปิดสนิท หากเป็นถุงพลาสสติกให้ตัดรอบๆให้มีรู เพื่อจะได้ถ่ายเทอากาศอีกด้วย 7. ตรวจดูผ้าในตู้บางครั้งบางคราว ผ้าบางชิ้นนั้นเราก็เก็บไว้ในตู้นาน จนบางครั้งอาจจะลืมไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นควรที่จะตรวจดูบ้างว่าผ้าที่เก็บไว้ควรที่จะนำออกมาซักบ้างรึยัง เพราะหากเก็บนานเกินไปผ้าอาจจะเป็นผ้าเก่าเก็บและขึ้นราได้ ดังนั้นก่อนที่ผ้าจะข้นราหรือเปื่อยควรนำออกมาซักบ้าง และถ้าหากผ้าเกิดขึ้นราหรือเก่าเก็บแล้วละก็ทาง Dry~Clinique ยินดีให้คำแนะนำ ผ้าแต่ละชนิดนั้นมีวิธีในการทำความสะอาดที่แตกต่างกันออกไป ผ้าบางชนิดต้องซักน้ำอุ่น บางชนิดพวกผ้าลูกไม้ก็ควรใส่ถุงตาข่ายก่อนนำลงไปซัก หรือบางชนิดก็ควรซักแห้งเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะนำผ้าลงไปซักควรที่จะอ่านฉลากก่อนเพื่อเป็นรักรักษาผ้าให้ใช้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น หากทันใดสงสัยว่าการซักแห้งคืออะไร แตกต่างจากซักทั่วไปอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง คลิ๊กอ่านต่อได้ที่นี้เลย "การซักแห้งคืออะไร ทำไมต้องซักแห้ง" สำหรับใครที่กำลังมองหาบริการในการซักแห้งทางเรา Dry~Clinique มีให้บริการโดยทางเรามีผู้เชียวชาญในด้านการซักแห้ง และยังเปิดให้บริการถึง 5 สาขาเพื่อความสะดวกแก่ลูกค้า สาขาที่เปิดให้บริการมีดังนี้ ที่ สุขุมวิท 33, ทองหล่อ 10, พหกโยธิน(ซอยอารีย์), สามเสน, ชิดลม และยังเพิ่มความสดวกสบายโดยมีบริการรับ-ส่งให้ ทางเราใช้เครื่องมือที่ท่านสมัยเราจึงสามารถให้บริการท่านได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 3 วันเท่านั้นนับจากวันที่ท่านมาส่งผ้า หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซักแห้ง อ่านต่อได้ที่ http://www.dryclinique.com/บริการของเรา/ซักแห้ง ใช้น้ำร้อนราดบนรอดให้จางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังซักไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงนำไปซักกับสารซักฟอกรอยเปื้อนเลือดให้นำนมข้นหวานทารอดเปื้อน หรือใช้แป้งมันผสมน้ำให้เข้มข้นเหมือนแป้งเปียกทารอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปซักตามปกติ ถ้ารอยเปื้อนเป็นคราบฝังแน่น ให้ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือ ถูเบาๆ จนรอยจางรอยเปื้อนหมากฝรั่งให้ใช้น้ำแข็งถูให้หมากฝรั่งแข็งตัว แล้วใช้สันมีดขูดออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด นำไปซักในน้ำสบู่รอยเปื้อนยาแดงเช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำรอยเปื้อนน้ำหมึกถ้าเป็นรอยเปื้อนใหม่ๆ ให้ขยี้น้ำผสมสารซักฟอก ถ้ายังมีรอยเปื้อน ให้นำเกลือป่นโรยตรงที่เปื้อน แล้วบีน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม นำไปผึ่งแดดแล้วค่อยนำไปซักรอยเปื้อนรา (เล็กน้อย)บีบน้ำมะนาวลงไปบนที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าในสารซักฟอกสักครู่ จากนั้นนำไปซักตามปกติรอยเปื้อนปากกาลูกลื่นใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจาง แล้วซักตามปกติรอยเปื้อนครีม เนย น้ำมันนำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรยบริเวณรอยเปื้อน แล้วใช้กระดาษชำระวางทับ จากนั้นนำเตารีดที่มีระดับความร้อนพอสมควรวางทับกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออกหมด จึงนำไปซักรอยเปื้อนยางผลไม้ใช้สารส้มถูรอยเปื้อน แล้วซักด้วยสารฟอกขาวรอยเปื้อนดินสอใช้ยาสีฟันป้ายแล้วขยี้ แล้วซักตามปกติรอยเปื้อนโคลนปล่อยให้โคลนแห้ง แล้วใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยสารซักฟอกรอยเปื้อนสนิมนำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วซักตามปกติรอยเปื้อนเหงื่อไคลซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วซักตามปกติ |