ภาพถ่ายแลนด์สเคป(Landscape) ถ้าให้พูดง่าย ๆเลยก็คือภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ
ที่ให้ความสำคัญกับการวางฉากหน้าฉากหลังและช่วงเวลาของแสงธรรมชาติ จะเจาะจงกับวัตถุหรือไม่ก็ได้ และยังไม่จำกัดว่าต้องใช้เลนส์อะไรอีกด้วย หลายคนบอกว่า Landscape นี่ต้องเลนส์มุมกว้าง(wide lenses) เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเลนส์มุมแคบ(tele) ก็สามารถถ่ายภาพแลนด์สเคปแบบเจาะจงบางมุมสวยๆได้ แถมยังได้มุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย ซึ่งจริง ๆแล้วภาพถ่ายแนวแลนด์สเคปก็ยังสามารถแบ่งยิบย่อยลงไปอีกได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปภาพทะเล ภูเขา ตึก ดวงดาว ท้องฟ้า ล้วนแต่เป็นภาพถ่ายแนวแลนด์สเคปทั้งนั้น
ซึ่งจะมีหลักๆ ดังนี้ Nature Scape ภาพแลนด์สเคปที่เน้นธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก ทะเลหมอก ทุ่งนา ซึ่งส่วนใหญ่ภาพแลนด์สเคปก็จะเป็นภาพแนว ๆนี้ละครับ เนื่องจากเป็นภาพถ่ายแลนเสเคปที่ถ่ายได้ทุกช่วงเวลา แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรเป็นช่วงเวลาแสงทอง (Golden Hour) เพราะธรรมชาติของแสงจะสวยสุดช่วงนี้ Cityscape เป็นภาพถ่ายแลนด์สเคปที่เน้นวิวเมืองหรือตึก ถ้าจะให้สวยแนะนำว่าควรถ่ายช่วงเวลาเย็นไปจนถึงค่ำ
แต่จะพีคสุดก็ช่วงแสงสนธยา(twilight) เพราะว่าเราจะได้ไฟตึกบวกท้องฟ้าที่ไม่ยังไม่ได้มืดดำสนิท หรือช่างภาพบางคนเรียกว่า ช่วงเวลาแสงเงิน(Blue Hour) นั่นเอง seacape เป็นภาพถ่ายแลนด์สเคปที่เน้นวิวทะเลจะเป็นกลางวันหรือช่วงเช้า/เย็นก็ได้ ถือว่าเป็น seascape หมด จริง ๆแล้ว seascape ก็ถือเป็น Nature scape ได้เหมือนกัน
แต่หลายคนจะแยก seascape ออกไปเลยเพื่อจะได้ระบุชัดเจนว่าเป็นภาพถ่ายแนวทะเล นอกจากนี้ภาพถ่ายแนว seascape ยังสามารถนำกระแสน้ำไหลของคลื่นทะเลมาถ่ายแบบ Long exposure ได้อีกด้วย ดังนั้นคลื่นลมแรงก็ถือเป็นข้อดีสำหรับสาย Seascape Sky scapeSky scape เป็นภาพถ่ายที่แลนด์สเคปที่เน้นท้องฟ้า ก้อนเมฆ ปรากาฎการบนท้องฟ้า หรือรูปภาพที่ถ่ายจากบนเครื่องบิน Iso 100 f11 speed shutter 1/320 s @24mm : แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเวลาแสงทองตอนเช้า ถ่ายจากบนเครื่องบิน B737- 800 Nok Air Flight ดอนเมือง-โฮจิมินทร์Iso 100 f8 speed shutter 1/400 s @85mm : เงาเมฆและหมวกเมฆสีรุ้ง (Iridescent pileus )Perspective LandscapePerspective Landscape ภาพถ่ายเลนส์เคปที่เจาะเป็นมุมแคบลงไป ถ้าให้พูดง่าย ๆ ภาพถ่ายแลนด์สเคปที่ใช้เลนส์ระยะซูมนั่นเอง ถึงได้บอกว่าเลนส์ระยะมุมแคบก็ถ่ายภาพแลนด์สเคปได้ Iso 100 f8 speed shutter 1/125 s @85mm : ทะเลหมอก ณ ภูทับเบิก ภาพนี้ผมถ่ายระยะซูมเพื่อเน้นหมอกที่มาชนภูเขาและให้เห็นพระธาตุด้านหลังเด่นชัดขึ้น รีวิวภูทับเบิกเพิ่มเติม >>> ภูทับเบิก เพชรบูรณ์Iso 100 f8 speed shutter 1/160 s @85mm : ไอหมอกบนน้ำ ทีหมู่บ้านรักไทย จ.แม่ฮ่องสอน ภาพนี้ผมใช้ระยะซูม 85 mm เพื่อเน้นไอหมอกที่ถูกย้อมด้วยแสงสีทองที่แดดสองลงมาพอดีในช่วงเช้า รีวิวบ้านรักไทยเพิ่มเติม >>> บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอนIso 200 f8 speed shutter 1/100 s @85mm : เมฆหมอกสีทอง ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน ภาพนี้ใช้ระยะซูมเพื่อเน้นเมฆที่ถูกแสงอาทิตย์ย้อมให้เป็นสีทองออกส้มแดง รีวิวเขื่อนเชี่ยวหลานเพิ่มเติม >>> เขื่อนเชี่ยวหลานAstronomical scapeAstronomical scape ภาพถ่ายแลนด์สเคปที่เป็นการถ่ายดาวบนท้องฟ้า ทางช้างเผือก รวมถึงการถ่ายวัตถุต่าง ๆบนท้องฟ้าด้วย เช่น เนบิวลานายพราน แอนโดรเมดา กระจุกดาวลูกไก่ Iso 1600 f1.8 speed shutter 20 s @20mm : ภาพถ่ายหางทางช้างเผือกช่วงฤดูหนาว ถ่ายจากบ้านปางมะโอ อ.ปง จ.พะเยาISO 3200 f1.8 speed shutter 30s Panorama 8 ใบ : ภาพถ่ายหางทางช้างเผือกมุมกว้าง ช่วงฤดูหนาว ถ่ายจากบ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ จ.น่านIso 3200 f3.5 speed shutter 25 s @24mm : ภาพถ่ายใจกลางทางช้างเผือก ช่วงหัวค่ำของปลายฤดูกาลล่าช้าง(ต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ดอยเสมอดาว จ.น่าน2. อยากถ่ายภาพ Landscape ให้สวย ต้องจัดองค์ประกอบ(Composition)ยังไงบ้างต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่สำคัญของการถ่ายภาพแลนด์สเคปให้สวยเป็นเรื่องของแสงและธรรมชาติ ถ้าแสงสวย ธรรมชาติสวย รูปภาพก็ออกมาสวยได้(จำไว้ว่าธรรมชาติถือหุ้นแลนด์สเคป 90% ) เพียงแต่การจัดองค์ประกอบภาพจะทำให้ภาพของเราดูมีเรื่องราวมากขึ้น หรือมีมิติความลึกตื้นมากขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งในหนึ่งภาพอาจจะใช้เทคนิควางองค์ประกอบภาพหลายเทคนิครวมกันก็ได้ และบางภาพก็สวยได้โดยไม่ต้องใช้กฎอะไรเลยก็มี ผมจึงไม่อยากให้ยึดติดกับกฎมากนัก ในโลกของการถ่ายภาพแนว Landscape ก็มีรูปแบบการวางองค์ประกอบของภาพหลากหลายมาก ดังนั้นผมจะเขียนเฉพาะเทคนิคที่สำคัญใช้บ่อย ๆ ซึ่งไล่ลำดับตามหัวข้อด้านล่างนี้เลย กฎ 3 ส่วน (Rule of thirds)“กฎ 3 ส่วน” เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและใช้มากที่สุดแล้ว สำหรับการวางองค์ประกอบภาพเพื่อให้เกิดความสวยงามและสมดุลของภาพ กฎนี้ไม่มีอะไรมาก พูดง่าย ๆเลย จัดองค์ประกอบของท้องฟ้าจะอยู่ที่ 2 ส่วนบนหรือ พื้นดินให้อยู่ 1 ส่วนล่าง หรือถ้าจะเน้นพื้นดินก็ให้พื้นดิน 2 ส่วน และท้องฟ้า 1 ส่วน ก็ได้ อันที่จริงกฎนี้ก็ไม่ได้ตายตัวนะ จะถ่ายอย่างละครึ่งๆก็ได้แต่ต้องวางองค์ประกอบในภาพให้ดูสมดุลกันก็พอ ภาพนี้ผมแบ่งเป็นท้องฟ้า 2 ส่วน น้ำทะเล 1 ส่วน โดยบนท้องฟ้าผมแบ่งเป็นท้องฟ้าสีน้ำเงิน 1 ส่วน ท้องฟ้าสีแดง 1 ส่วน อย่างละเท่า ๆ กัน : สถานที่ท่าเรือข้ามไปเกาะแสมสารจุดตัด 9 ช่อง“จุดตัดเก้าช่อง” คือการนำวัตถุหรือสิ่งสนใจไปไว้บริเวณจุดตัดเก้าช่องที่เกิดจากกฎสามส่วน เพื่อให้ภาพดูมีเรื่องราว กฏนี้ก็ไม่ตายตัวอีกเหมือนกัน ถ้าเราจะเน้นวัตถุเฉพาะจริง ๆ อย่างพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า เราก็เอาพระอาทิตย์ไปไว้กลางภาพได้ หรือถ้าหากว่าเรามีจุดสนใจอันเดียวแล้วสภาพแวดล้อมไม่มีอะไรเด่นชัด เราก้สามารถนำจุดสนใจไว้กลางภาพได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องวางบนจุดตัดเก้าช่องเสมอไป แต่อย่างไรก็ควรวางภาพให้ตรงกับจุดตัด 9 ช่องจะดีที่สุด เพราะภาพจะดูมีเรื่องราวมากขึ้นไม่น้อยเลย ภาพนี้ผมให้เรืออยู่บริเวณจุดตัด 9 ช่องพอดี และยังใช้กฎ 3 ส่วน เข้ามาช่วย โดยให้พื้นที่ท้องฟ้า 2 ส่วนและพื้นน้ำ 1 ส่วน : ชายหาดฝั่งตะวันตกของเกาะช้างการวางฉากหน้าหรือโฟร์กราวโฟร์กราว คือการถ่ายให้มีฉากหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มมิติให้กับภาพ การมีฉากหน้าทำให้ภาพดูมีรายละเอียดมีความลึกของภาพ ลำทำให้ภาพดูมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย รูปนี้ผมใช้หินในแอ่งน้ำเป็นฉากหน้า : ภาพนี้ถ่ายที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน รีวิวแจ้ซ้อนเพิ่มเติม >>> อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนรูปนี้ผมใช้หน้าต่างเครื่องบินเป็นฉากหน้า (ด้านล่างคือเทือกเขาอนาโตเลีย ประเทศตุรกี)การเล่นกับลำดับชั้น(Layer)การใช้ธรรมชาติที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆอย่างเช่น แนวเทือกเขา เพื่อทำให้ดูมีมิติหรือมีความลึกตื้นนั่นเอง แต่ยังไงก็ตามภาพแนวนี้จะต้องอาศัยแสงในการช่วยสร้างชั้นของภูเขา ซึ่งจะตรงกับช่วงพระอาทิตย์อยู่ใกล้ขอบฟ้าหรือลับขอบฟ้าไปแล้วสักพักนั่นเอง ความสมดุลของภาพถึงแม้ว่าการนำจุดที่สนใจไปไว้กลางภาพอาจจะเป็นเรื่องที่ดูแหกกฎจุดตัด 9 ช่อง แต่การนำจุดสนใจไว้กลางภาพแล้วให้สองด้านให้เกิดความสมดุลกัน ก็สามารถทำให้คนมองภาพโฟกัสไปยังจุดสนใจกลางภาพได้ไม่น้อยเลย แต่เน้นนะครับ 2 ฝั่งต้องสมดุลกัน ถ้าฝั่งไหนเบี้ยวเกินภาพจะดูไม่มีอะไรเลย พระประธานวัดภูมินทร์ จ.น่าน รีวิววัดภูมินทร์เพิ่มเติม >>> วัดภูมินทร์ น่านโบสถ์วัดเขาบรรจบ จ.จันทบุรี รีวิววัดเขาบรจบเพิ่มเติม >>> วัดเขาบรรจบเล่นกับเงาสะท้อนเป็นการใช้พื้นน้ำที่นิ่ง พื้นกระจก เพื่อสร้างเงาสะท้อน ทำให้ภาพดูมีอะไรน่าหลงใหล และทำให้ภาพมีความสมดุลอีกด้วย แน่นอนว่าการถ่ายภาพแบบสะท้อนอาจจะต้องให้เส้นขอบวางกลางภาพ พูดง่าย ๆคือแหกกฎสามส่วนนั่นแหละครับ ภาพนี้เป็นถ่ายแบบให้เงาสะท้อนน้ำสมดุลกับภูเขาด้าน : สถานที่บ้านรักไทย ช่วง 16:00 (ที่พักต้าเหล่าซือ)เส้นนำสายตาเป็นหนึ่งเทคนิคที่สายถ่ายแลนด์สเคปใช้บ่อยมาก คือการหาอะไรสักอย่างในธรรมชาติมาเป็นเส้นนำสายตา เพื่อให้เพิ่มดูมีเรื่องราวเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่ที่ใช้ก็จะเป็นการถ่ายรูปถนนหรือสะพานอย่างไรให้สวย และมีเรื่องราวนั่นเอง ถนนโค้งหมายเลข 3 เส้นทางไปสันติสุข – บ่อเกลือ (ทล.1081) รีวิวบ่อเกลือเพิ่มเติม >>> บ่อเกลือ น่านสะพานข้ามหลุมยุบ ในถ้ำหลวงเชียงดาว รีวิวถ้ำหลวงเชียงดาว >>> ถ้ำเชียงดาว3. เทคนิคการถ่ายภาพ Landscape ให้ดูอลังการขึ้นเทคนิคการถ่าย Long Exposureการถ่ายแบบ Long Exposure คือการถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวออกมาให้เป็นเส้นสาย ดูนวลขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำที่ไหล คลื่นทะเล ไฟรถวิ่งตอนกลางคืน ดาวหมุน หรือภาพพลุดอกไม้ไฟ และมีบางคนใช้เทคนิคนี้ในการพิสูจน์บั้งไฟพญานาคด้วย ซึ่งการถ่ายแบบ Long Exposure ก็คือการเปิด speed shutter นานมากกว่า 1 วินาที เป็นต้นไป จริง ๆแล้วเรียกว่าการถ่ายแบบ Low speed shutter ก็ได้ แน่นอนว่าการถ่ายภาพแนวนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือขากล้อง ในช่วงกลางคืนวิธีการถ่ายแบบนี้อาจจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ถ้าไม่ขาดขาตั้งกล้อง แต่จะมีปัญหานิดๆถ้าจะถ่ายช่วงกลางวัน เพราะส่วนมากแล้วแสงจะแรงมาก ต่อให้เปิด iso ต่ำสุด f แคบ สุดก็แล้ว ก็ดัน speed shutter ได้ไม่เกิน 1 วินาที ผมเจอบ่อยตอนถ่ายน้ำตกนี่แหละ วิธีแก้คือไปหาฟิลเตอร์ตัดแสงมา(ND Filter) ช่วยได้เยอะมาก หรือถ้างบจำกัดก็ต้องอาศัยจังหวะธรรมชาติ เช่นการรอให้เมฆบังแดด ในช่วงจังหวะที่เมฆบังแดดอาจจะทำให้แสงลดลงไปถึง 5-6 stop เลย เทคนิดการถ่ายเล่นกับเงา(Silhouette)ภาพถ่ายแนวซินลูเอจ คือภาพถ่ายที่มีความแตกต่างของความสว่างและมืดในภาพเดียวกัน ถ้าภาษาชาวบ้านก็คือ ถ่ายย้อนแสงจนให้เกิดเงาดำในภาพนั่นแหละ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูลึกลับน่าค้นหา ซึ่งการถ่ายแนวนี้ก็ไม่ยาก ง่าย ๆเลยก็ถ่ายย้อนแสงนั่นแหละ โดยวัดแสงจุดที่ท้องฟ้าหรือจุดสว่าง(ห้ามวัดแสงจุดที่สนใจเด็ดขาด) การภาพแนวซินลูเอจช่วงเวลาที่เหมาะสมคือไม่เช้าก็เย็น เพราะแสงอาทิตย์จะย้อนได้เป็นแนวตรงพอดี 4. เทคนิคการเตรียมตัวการถ่ายภาพ Landscapeมาถึงหัวข้อนี้หลายคนคงมีความรู้เรื่องการจัดองค์ประกอบและเทคนิคของการถ่ายภาพแนวแลนด์สเคปกันแล้ว ก็คงอยากเริ่มต้นลองถ่ายภาพแลนด์สเคปดูบ้าง จริง ๆแล้วการถ่ายภาพแลนด์สเคปก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแค่หยิบกล้องออกไปหาธรรมชาติสวย ๆ ยิ่งใครเป็นสายท่องเที่ยวแนวธรรมชาติอยู่แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับการเก็บแสงเช้าเฝ้าแสงเย็น แต่ใครที่กำลังเริ่มต้นถ่ายแลนด์สเคปอาจจะต้องมีความอดทนและอยู่กับธรรมชาติสักนิดนึง(ยิ่งมากยิ่งดี) เพราะการถ่ายภาพแลนด์สเคปให้สวยจำเป็นต้องเข้าป่าเดินเขา หรือแม้แต่ถ่าย Cityscape ก็ต้องมีความอดทนเฝ้ารอช่วงลาแสงสวยอยู่ดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าสายแลนด์สเคปจะเน้นไปที่ธรรมชาติและแสง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ไปแล้วพลาดแสงสวยๆจำเป็นต้องวางแผนเพื่อไปเก็บภาพ ซึ่งผมจะสรุปเป็นข้อ ๆ ตามด้านล่างเลย
การถ่ายภาพแลนด์สเคปจะต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์ ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติและสภาพอากาศ มีชัยไปกว่าครึ่งเลย ดังนั้นเราจะไปถ่ายรูป Landscape ที่ไหนควรศึกษาธรรมชาติของสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ในสถานที่นั้น ๆให้ดี เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสเจอธรรมชาติสวย ๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการเตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพ หลายคนวางแผนไปเจอธรรมชาติสวย ๆอย่างดิบดี แต่ถ้าอยู่ดี ๆไปถึงแล้วกล้องใช้ไม่ได้บ้าง ลืมแบต ลืมเมม ลืมเลนส์บ้าง ก็คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนุก ซึ่งผมแนะนำให้เช็คอุปกรณ์ดังนี้
|