ชื่อ : New สุดยอดแผนการสอน แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง วิทยาศาสตร์ ม.1-6 จุดเด่น/เนื้อหา แผนการจัดการเรียนรู้ เปน็ เคร่อื งมือสำคญั สำหรบั ครทู ่ีจะทำใหก้ ารจดั การเรียนรบู้ รรลเุ ป้าหมายท่ี ต้องการ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยศึกษาในเรื่อง สาระพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เติม หมวด ๓ ระบบการศกึ ษา และ หมวด ๔ แนวการจดั การศกึ ษาทกุ มาตรากรอบของการจัด การศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เอกสารเกี่ยวกับ การประกันคุณภาพการศึกษา โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาใน รายวิชาที่จัดการเรียนรู้ และศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ วิธีการจัดการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ซึ่งเน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญและรูปแบบการเรียนรู้ โดยกำหนดให้ใช้รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน. (ONIE MODEL) ซึ่งมี ๔ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ ๑ การกำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) ข้นั ตอนท่ี ๒ การแสวงหาข้อมูลและจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) ขนั้ ตอน ที่ ๓ การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ (I : Implementation) ขั้นตอนที่ ๔ การประเมินผล (E : Evaluation) แผนการเรยี นรู้จะทำให้ครไู ด้คู่มือการจัดการเรยี นรู้ ทำให้ดำเนินการจดั การเรยี นรู้ได้ครบถ้วนตรง ตามหลกั สตู รและจัดการเรียนรไู้ ดต้ รงเวลา ในการจัดทำแผนการเรียนรู้ดังกลา่ ว สำเร็จลงไดด้ ้วยความร่วมมือจากบุคลากร กศน.อำเภอพิบูลมัง นายนิรันดร ยิ่งยนื สารบญั หน้า คณะผูจดั ทาํ คาํ อธิบายรายวชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร จํานวน 4 หนวยกติ มาตรฐานการเรยี นรูระดบั ส่ิงมีชีวิตระบบ นเิ วศทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมในทองถน่ิ และประเทศสารแรงพลังงานกระบวนการ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร และเทคโนโลยี 2. สงิ่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอม 3. สารเพื่อชีวิต การจําแนกสาร ธาตแุ ละสารประกอบ สารละลาย กรด-เบส สารและ 4. แรงและพลงั งานเพื่อชีวติ แรงและการใชประโยชนของแรง งานและพลังงาน และการบริการ โครงงานวทิ ยาศาสตรสูอาชีพ คาํ ศัพททางไฟฟา เพือ่ ใหผูเรียนเกิดความรู การจัดประสบการณการเรยี นรู กระบวนการเรียนรดู วยการพบกลุม การสอนเสริม การเรียนรูดวยตนเอง การรายงาน การศึกษา จากแหลง การวัดและประเมินผล ในกจิ กรรมการเรยี นรู ผลงาน การทดสอบ การประเมิน การนาํ ไปใชประโยชนในชีวิตประจาํ วัน ๒ รายละเอียดคําอธบิ ายรายวิชา พว21001 วทิ ยาศาสตร จํานวน 4 หนวยกิต มาตรฐานที่การเรยี นรูระดับ ท่ี หวั เร่อื ง ตัวช้ีวดั เนอื้ หา จำนวน 1 กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี 1.1 กระบวนการ 1. อธบิ ายธรรมชาติและความสำคญั 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5 ทางวิทยาศาสตร์ ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ 1.1 ความหมายและความสำคัญของ และเทคโนโลยี 2. อธิบายกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 1.2 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.2.1 วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ได้ 5 ขัน้ 3. นำความรู้ และกระบวนการทาง 1.2.2 ทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปัญหาตา่ งๆ ได้ วทิ ยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ 4. อธบิ ายความหมาย ความสำคญั 1.2.3 เจตคติทางวิทยาศาสตร์ และความสมั พนั ธข์ องเทคโนโลยตี ่อ 6 ลักษณะ ชวี ิต และสังคมได้ 2. เทคโนโลยี 5. นำความรู้ และเลอื กใช้เทคโนโลยี 2.1 ความหมาย และ ได้อยา่ งเหมาะสม ความสัมพันธ์ของวทิ ยาศาสตร์และ 6. เลอื กใชว้ ัสดุ และอปุ กรณท์ าง เทคโนโลยตี อ่ ชวี ติ และสังคม วทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างถูกต้องและ 2.2 ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี เหมาะสม ในปจั จุบัน 7. เกดิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2.3 เทคโนโลยีกับการประกอบ 8. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ อาชีพ และการนำเทคโนโลยไี ปใช้ใน ชวี ิต 3. วสั ดุ และอุปกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์ ๓ ท่ี หวั เรือ่ ง ตวั ชีว้ ดั เน้อื หา จำนวน 3.1 ประเภทของวสั ดุและอุปกรณ์ 3.2 วิธีใชว้ สั ดุ และอุปกรณ์ 1.2 โครงงาน 1. อธิบายประเภท เลือกหัวข้อ 1. โครงงานวิทยาศาสตร์ 5 วิทยาศาสตร์ วางแผน วธิ ีทำ นำเสนอและ 1.1 ประเภทของโครงงาน ประโยชนข์ องโครงงานได้ 1.2 การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน 2. วางแผนการทำโครงงานได้ 1.3 การวางแผนการกระทำ 3. ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์กลมุ่ ได้ โครงงาน 4. อธบิ ายและบอกแนวได้ในการนำ 1.4 การนำเสนอโครงงาน ผลจากโครงงานไปใช้ได้ 1.5 ประโยชน์ของโครงงานเพ่อื 5. นำความร้เู กย่ี วกบั วทิ ยาศาสตร์ การพฒั นาคุณภาพชวี ิต กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ โครงงานไปใช้ได้ 2 สิ่งมชี วี ิตและ 1. อธบิ ายลกั ษณะ โครงสรา้ ง 1. ลักษณะ รูปร่างของเซลล์พชื และสัตว์ 10 สงิ่ แวดลอ้ ม องคป์ ระกอบ และหน้าทีข่ องเซลลไ์ ด้ 1.1 สงิ่ มีชวี ิตเซลล์เดียว 2.1 เซลล์ 2. เปรยี บเทียบความแตกต่างระหวา่ ง 1.2 สิง่ มชี วี ิตหลายเซลล์ เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ได้ 2. องค์ประกอบโครงสรา้ ง และหน้าท่ี ของเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์ 3. กระบวนการทสี่ ารผา่ นเซลล์ 3.1 การแพร่ 3.2 การออสโมซิส 2.2 กระบวนการ 1. อธิบายกระบวนการแพรแ่ ละ 1. การดำรงชีวิตของพืช 20 ดำรงชีวิตของพชื ออสโมซิสได้ 1.1 ระบบการลำเลยี งนำ้ อาหาร และสตั ว์ 2. อธิบายโครงสร้างและการทำงาน และแรธ่ าตขุ องพืช ของระบบลำเลยี งในพชื ได้ 1.2 โครงสรา้ งและการทำงานของ 3. อธิบายความสำคญั และปัจจัยที่ ระบบลำเลยี งนำ้ ในพืช จำเปน็ สำหรับกระบวนการสังเคราะห์ 1.3 โครงสรา้ งและการทำงานของ ด้วยแสงได้ ระบบลำเลยี งอาหารในพชื 4. อธบิ ายโครงสร้างและการทำงานของ 1.4 กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ระบบสืบพันธุ์ในพชื ในท้องถ่ินได้ 5. อธิบายการทำงานของระบบตา่ งๆ 1.4.1 ความสำคัญของกระบวนการ ๔ ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ัด เนือ้ หา จำนวน 1.4.2 ปจั จัยท่ีจำเป็นสำหรบั กระบวนการสังเคราะห์ ดว้ ยแสง 1.5 ระบบสืบพันธใุ์ นพืช 1.5.1 โครงสร้างและการทำงาน ของระบบสืบพันธ์ุของพืชไร้ ดอก 1.5.2 โครงสรา้ งและการทำงาน ของระบบสืบพันธุ์ของพืชมี ดอก 2. การดำรงชีวติ ของสตั ว์ 2.1 โครงสรา้ งและการทำงานของ ระบบตา่ งๆ ของสตั ว์ 2.1.1 ระบบหายใจ 2.1.2 ระบบยอ่ ยอาหาร 2.1.3 ระบบขบั ถ่าย 2.1.4 ระบบสืบพันธ์ ฯลฯ 2.3 ระบบนิเวศ 1. อธบิ ายเกย่ี วกบั ความสัมพนั ธข์ อง 1. ความสมั พนั ธ์ของส่งิ มีชีวติ ต่างๆ ใน 10 สิ่งมชี วี ิตตา่ งๆ ในระบบนิเวศใน ระบบนเิ วศ ทอ้ งถิน่ และการถ่ายทอดพลงั งานได้ 2. การถา่ ยทอดพลงั งาน 2. อธบิ ายและเขียนแผนภูมิ แสดง 3. สายใยอาหาร สายใยอาหารของระบบนเิ วศตา่ งๆ ใน 4. วฏั จกั รของนำ้ ทอ้ งถน่ิ ได้ 5. วฏั จักรคารบ์ อน 3. อธิบายวฏั จักรของนำ้ และคารบ์ อนได้ 2.4 โลก 1. บอกสว่ นประกอบและวธิ ีการแบง่ 1.โลก 20 บรรยากาศ ชั้นของโลกได้ 1.1โลก ส่วนประกอบและการ ปรากฏการณ์ 2. อธิบายการเปลย่ี นแปลงของเปลอื กโลก แบ่งชั้นของโลก ทางธรรมชาติ โดยกระบวนการต่าง ๆ ได้ 1.2 ทรัพยากรธรณใี นท้องถ่นิ สง่ิ แวดลอ้ ม และ 3. บอกองค์ประกอบและการแบง่ ชัน้ และประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ บรรยากาศได้ 1.3 การเปล่ียนแปลงของเปลอื กโลก 4. บอกความหมายและความสำคญั 1.3.1 กระบวนการยกตัว ของอณุ หภมู ิ และการยบุ ตวั ๕ ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ชี้วัด เน้อื หา จำนวน ความชื้นและความกดอากาศได้ 1.3.2 การผพุ ังอยู่กบั ท่ี 5. อธิบายความสมั พนั ธข์ องอุณหภมู ิ 1.3.3 การกรอ่ น ความชน้ื และความกดอากาศตอ่ ชวี ิต 1.3.4 การพัดพา ความเป็นอย่ไู ด้ 1.3.5 การทบั ถม 6. บอกชนิดของลมได้ 1.3.6 กรณศี ึกษาภัยจากการ 7. อธิบายอทิ ธิพลของลมต่อ เปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก มนุษยแ์ ละส่ิงแวดล้อมได้ เชน่ แผ่นดินไหวการเกิด 8. บอกวิธกี ารป้องกนั ภยั ท่ีเกดิ จาก ปรากฏการณ์สนึ ามิ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติได้ 2. บรรยากาศ 9. บอกประโยชนข์ องการพยากรณ์ 2.1 ชัน้ บรรยากาศ องค์ประกอบ อากาศได้ และการแบง่ ชัน้ บรรยากาศ 10. อธบิ าย เกี่ยวกบั สภาพ ปญั หา 2.2 อุณหภมู ิ ความช้นื และความ การใช้และการแก้ไขสิง่ แวดลอ้ ม และ กดอากาศในทอ้ งถิ่น ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถ่นิ และ 2.3 ความสัมพนั ธ์ของอณุ หภูมิ ประเทศ ความช้นื และความกดอากาศ ทีม่ ี 11. อธิบาย สรุปแนวคิดในการรักษา ผลกระทบตอ่ ชีวิตความเปน็ อยู่ สมดุลของระบบนเิ วศ การอนุรกั ษ์ 3. ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ สิง่ แวดล้อมและการใช้ 3.1 ชนดิ ของลม ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยนื ได้ 3.1.1 ลมมรสุม 3.1.2 ลมพายหุ มุน เขตร้อน ฯลฯ 3.1.3 กรณศี ึกษาการเกดิ พายุ นากสี พายงุ วงชา้ ง พายุนาคเลน่ น้ำ ฯลฯ 3.2 อิทธิพลของลมตอ่ มนษุ ย์และสง่ิ แวดลอ้ ม 3.3 การปอ้ งกันภัยท่เี กิดจาก ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 3.4 ความสำคญั และประโยชน์ ของการพยากรณ์อากาศ 4. ทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม ๖ ท่ี หวั เรอ่ื ง ตวั ชีว้ ดั เน้ือหา จำนวน ประเทศ 4.2 การดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่ิน 4.2.1 ขยะ 4.2.2 นำ้ เสีย 4.2.3 ดินถลม่ 4.2.4 การกดั เซาะชายฝั่ง ฯลฯ 4.3 สภาพสิ่งแวดล้อมในทอ้ งถน่ิ และประเทศ 4.4 ปัญหาและการแก้ไข ส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ินและประเทศ 4.5 การอนรุ ักษส์ ิง่ แวดล้อมและ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างยัง่ ยนื 4.6 สภาวะโลกร้อน สาเหตแุ ละ ผลกระทบ การปอ้ งกันและแกไ้ ข ปญั หาโลกร้อน 1. อธบิ ายสมบัติทางกายภาพและ 1. สมบัติของสาร สมบตั ิทางเคมีได้ 1.1 สมบัติทางกายภาพของสาร 2. อธิบายความแตกตา่ ง และจำแนก 1.2 สมบตั ิทางเคมีของสาร ธาตุ สารประกอบ สารละลาย และ 2. เกณฑใ์ นการจำแนกสาร สารผสมได้ 2.1 ใชส้ ถานะ 3. จำแนกสารโดยใชเ้ น้อื สารและ 2.2 ใชเ้ นื้อสาร สถานะเปน็ เกณฑไ์ ด้ 3. สมบัติของธาตุ สารประกอบ สารละลาย สารผสม 3.2 ธาตุและ 1. อธิบายและจำแนกธาตุ 1. ความหมายและสมบัติของธาตุ 10 กงึ่ อโลหะได้ 2. สมบตั ิของโลหะ อโลหะ และโลหะ 2. บอกผลกระทบท่ีเกดิ จากธาตุ กง่ึ อโลหะ ๗ ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชี้วดั เนือ้ หา จำนวน 3.4 สารและ กัมมันตรงั สีได้ 3. ธาตกุ มั มนั ตรงั สี 4. บอกธาตุและสารประกอบท่ใี ช้ใน 4.1 ความหมาย ชีวิตประจำวันได้ 4.2 การเกิดสารประกอบ 4.3 ธาตุและสารในชีวติ ประจำวัน 1. อธบิ ายสมบัติและองค์ประกอบ 1. สารละลาย 10 ของสารละลายได้ 1.1 สมบัติของสารละลาย และ 2. อธบิ ายปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการละลาย องค์ประกอบของสารละลาย ของสารได้ 1.2 ความสามารถในการละลาย 3. หาความเขม้ ขน้ ของสารละลายได้ ของสาร 4. อธิบายและเตรียมสารละลายบาง 1.3 ปจั จยั ทีม่ ีผลต่อการละลายของสาร ชนดิ ได้ 1.4 ความเข้มข้นของสารละลาย 5. อธิบายและจำแนกกรด เบส และ 1.5 การเตรียมสารละลาย เกลือได้ 2. กรด-เบส 6. อธบิ ายและตรวจสอบความเป็น 2.1 ความหมายและสมบตั ขิ อง กรด-เบส ของสารได้ กรด-เบส และเกลอื ได้ 7. อธบิ ายการใชก้ รด-เบส บางชนดิ 2.2 ความเป็นกรด-เบสของสาร ในชวี ิตได้ 2.3 กรด – เบส ของสารใน ชีวิตประจำวนั 2.4 กรณีศึกษากรด-เบสท่ีมีผลตอ่ คุณสมบัติของดิน 1. อธิบายสาระและสารสงั เคราะห์ได้ 1. สาร 10 2. อธบิ ายการใช้สารและผลติ ภัณฑ์ 1.1 สารอาหาร ของสารบางชนิดในชีวิตประจำวัน 1.2 สารปรงุ แตง่ และเลอื กใช้ได้ 1.3 สารปนเปอื้ น 3. อธิบายผลกระทบทีเ่ กดิ จากการใช้ 1.4 สารเจอื ปน สาร และผลติ ภัณฑ์ที่มตี ่อชีวติ และ 1.5 สารพษิ ส่ิงแวดล้อม 2. สารสงั เคราะห์ 2.1 ประเภท และการเกิด 2.2 สมบัติและประโยชน์ 3. สารและผลติ ภัณฑ์ที่ใช้ในชีวติ 4. การเลือกใช้สารในชีวติ ๘ ท่ี หวั เรือ่ ง ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา จำนวน 5. ผลกระทบท่ีเกิดจากการใช้สารต่อ ชวี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม 4 แรงและพลงั งาน เพอื่ ชวี ิต 4.1 แรงและการใช้ 1. ระบปุ ระเภทและความหมายของ 1. แรง 20 ประโยชน์ แรงประเภทตา่ งๆ ได้ 1.1 ความหมายและหน่วยของ 2. อธิบายการกระทำของแรงและ แรง โมเมนตข์ องแรงได้ 1.2ผลการกระทำของแรง 3. บอกระบุประโยชนข์ องแรงใน 2.โมเมนต์ ชีวิตประจำวนั ได้ 1.2 ความหมายและ ชนดิ ของ 4. การหาค่าผลจากการกระทบของ โมเมนต์ แรง และโมเมนต์ได้ 2.2 การหาคา่ โมเมนต์ 5. ใหค้ วามรู้ในเร่ืองโมเมนต์ใน 2.3 การใชโ้ มเมนต์ใน ชวี ติ ประจำวนั ได้ ชีวิตประจำวันได้ 4.2 งานและ 1. อธิบายความหมายของงานและ 1. ความหมายของงานและพลงั งาน 20 พลงั งาน พลงั งานในรูปแบบต่างๆได้ 2. รปู ของพลงั งาน 2. การตอ่ วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยได้ 3.ไฟฟ้า 3. ใชก้ ฎของโอหม์ ในการคำนวณได้ 3.1 พลงั งานไฟฟ้า 4. บอกวิธีการอนุรักษแ์ ละประหยัด 3.2 กฎของโอห์ม พลงั งานได้ 3.3 การตอ่ ความต้านทานแบบต่าง ๆ 5. อธบิ ายสมบัติของแสง พลัง 3.4 การหาคา่ ความต้านทาน งานความร้อน และนำประโยชน์ 3.5 ไฟฟ้าในชีวิตประจำวนั ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ 3.6 การอนรุ ักษ์พลังงานไฟฟ้า 6. อธบิ ายพลังงานทดแทน และเลือก 4. แสง ใชไ้ ด้ 4.1 แสง และสมบัติของแสง 4.2 เลนส์ 4.3 ประโยชน์ และโทษของแสง 5. พลงั งานความร้อน และแหล่งกำเนดิ 5.1 พลงั งานความร้อน และ แหลง่ กำเนิด 5.2 อณุ หภมู ิ และการวดั การขยายตัวของวตั ถุ ๙ ท่ี หวั เรอื่ ง ตวั ช้วี ดั เนอื้ หา จำนวน การใช้ประโยชน์ เชน่ เอททานอล ไบโอดีเซล พลงั งานนิวเคลียร์ฯลฯ 1. ระบชุ ่อื ของกลุม่ จักราศไี ด้ 1. กลมุ่ ดาวจกั ราศี 10 2. อธบิ ายวิธีการหาดาวเหนอื ได้ 2. การสงั เกตตำแหน่งของดาวฤกษ์ 3. อธบิ ายการใช้แผนทดี่ าวได้ 3. วธิ กี ารหาดาวเหนือ 4. อธบิ ายประโยชน์จากกลุ่มดาวฤกษ์ 4. แผนทีด่ าว ต่อการดำรงชีวติ ประจำวนั ได้ 5. การใช้ประโยชน์จากกล่มุ ดาวฤกษ์ 6 วิทยาศาสตรกับ อธิบาย การออกแบบ วางแผน 1. ประเภทของไฟฟา ชองทางในการ ทดลอง ทดสอบ ปฏบิ ัติการเรอ่ื ง ไฟฟ 2. วสั ดอุ ุปกรณเครื่องมือชางไฟฟา ประกอบอาชีพ าไดอยางถูกตองและปลอดภยั คิดวิ 3. วัสดอุ ปุ กรณที่ใชในวงจรไฟฟา (หมายเหตุ : บรู ณา เคราะห เปรยี บเทียบขอดี ขอเสยี ของ 4. การตอวงจรไฟฟาอยางงาย การใชเวลา การตอวงจรไฟฟา แบบอนกุ รม แบบ 5. กฎของโอหม การเรียนการสอน ขนาน แบบผสม ประยุกต์ และเลือก 6. การเดนิ สายไฟฟาอยางงาย ในมาตรฐานการ ใชความรูและอาชพี ชางไฟฟา้ ให 7. การใชเคร่ืองใชไฟฟาอยางงาย เรยี นรู เรอื่ ง แรง เหมาะสมกบั ดาน บรหิ ารจัดการและ 8. ความปลอดภยั และอุบตั ิเหตุ จาก และ พลังงานเพือ่ การบริการ อาชพี ชางไฟฟา ชีวติ ในหัวขอ 9. การบรหิ ารจัดการและกาบรกิ าร พลงั งาน ไฟฟา 10. โครงงานวิทยาศาสตรสูอาชพี 10 ชั่วโมง) 11. คําศพั ททางไฟฟา 10 ผลการวิเคราะห์รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ าวิทยาศาสตร์ พว21001 ท่ี ตวั ชีว้ ดั เนอ้ื หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ (ชั่วโมง) เรยี นรู้ พบกลุม่ เรียนรู้ดว้ ย ตนเอง 1 1. อธิบายธรรมชาตแิ ละ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ความสำคญั ของวิทยาศาสตร์ 1.1 ความหมายและความสำคญั และเทคโนโลยี ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี √ 2. อธิบายกระบวนการทาง 1.2 กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วธิ ีการทาง วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ 1.2.1 วิธกี ารทาง ทางวทิ ยาศาสตร์และเจตคตทิ าง วิทยาศาสตร์ 5 ขั้น วทิ ยาศาสตร์ 1.2.2 ทักษะกระบวนการทาง √ 3. นำความรู้ และกระบวนการ วิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ ทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปัญหา 1.2.3 เจตคตทิ าง ตา่ งๆ วิทยาศาสตร์ 6 ลกั ษณะ 4. เกิดเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1.2.4 จติ วิทยาศาสตร์ 5.มจี ติ วิทยาศาสตร์ 2. เทคโนโลยี √ 6. อธิบายความหมาย 2.1 ความหมาย และ ความสำคญั และความสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธข์ องวิทยาศาสตร์และ √ ของเทคโนโลยตี ่อชีวิตและสังคม เทคโนโลยตี อ่ ชวี ิตและสงั คม 7. นำความรู้ และเลอื กใช้ 2.2 ความกา้ วหนา้ ของ เทคโนโลยไี ดอ้ ย่างเหมาะสม เทคโนโลยีในปัจจุบัน 8. เลอื กใช้วัสดุ และอปุ กรณท์ าง 2.3 เทคโนโลยีกับการประกอบ √ วิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างถูกต้องและ อาชพี และการนำเทคโนโลยีไปใช้ เหมาะสม ในชวี ิต 3. วสั ดุ และอปุ กรณท์ าง √ วทิ ยาศาสตร์ 3.1 ประเภทของวสั ดุและอุปกรณ์ 3.2 วิธใี ชว้ ัสดุและอปุ กรณ์ √ 11 ที่ ตวั ชว้ี ัด เนอ้ื หา จำนวน ออกแบบแผนการจดั การ 4. อธิบายและบอกแนวไดใ้ นการ 1.5 ประโยชนข์ องโครงงานเพ่อื นำผลจากโครงงานไปใช้ การพัฒนาคุณภาพชีวิต 5. นำความรเู้ กย่ี วกับ วิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละโครงงานไปใช้ 2 1. อธิบายลักษณะ โครงสร้าง 1. ลกั ษณะ รูปรา่ งของเซลล์พชื √ 12 ที่ ตวั ช้ีวัด เน้อื หา จำนวน ออกแบบแผนการจดั การ (ชวั่ โมง) เรียนรู้ พบกลุม่ เรยี นรู้ด้วย ตนเอง 1. อธบิ ายกระบวนการแพร่ 1. การดำรงชวี ิตของพืช 20 √ และออสโมซิส 1.1 ระบบการลำเลยี งน้ำ 2. อธบิ ายโครงสร้างและการ อาหาร และแรธ่ าตุของพชื ทำงานของระบบลำเลยี งในพืช 1.2 โครงสร้างและการทำงาน √ 3. อธิบายความสำคัญและปจั จยั ของระบบลำเลียงนำ้ ในพืช ทจี่ ำเปน็ สำหรบั กระบวนการ 1.3 โครงสร้างและการทำงาน สังเคราะหด์ ว้ ยแสง ของระบบลำเลยี งอาหารในพืช √ 4. อธิบายโครงสร้างและการ 1.4 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ทำงานของระบบสืบพันธพ์ุ ชื ใน 1.4.1ความสำคัญของ ท้องถน่ิ กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง 5. อธิบายการทำงานของระบบ 1.4.2 ปจั จัยท่ีจำเปน็ √ ต่างๆ ในสัตว์ สำหรบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ย แสง √ 1.5 ระบบสบื พันธุ์ในพืช 1.5.1โครงสรา้ งและการทำงาน ของระบบสบื พนั ธข์ุ องพืชไรด้ อก √ 1.5.2โครงสรา้ งและการทำงาน ของระบบสบื พันธ์ุของพชื มดี อก 2. การดำรงชีวิตของสตั ว์ √ 2.1 โครงสรา้ งและการทำงาน ของระบบต่างๆ ของสตั ว์ √ 2.1.1 ระบบหายใจ 2.1.2 ระบบยอ่ ยอาหาร √ 2.1.3 ระบบขับถ่าย 2.1.4 ระบบสบื พนั ธ์ ฯลฯ √ √ 13 ที่ ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ (ชั่วโมง) เรยี นรู้ พบกล่มุ เรียนรูด้ ว้ ย ตนเอง 1. อธิบายเก่ียวกบั ความสัมพันธ์ 1. ความสมั พันธ์ของส่งิ มชี ีวิตต่างๆ 10 √ ของสง่ิ มชี วี ิตต่างๆ ในระบบนิเวศ ในระบบนิเวศ ในท้องถนิ่ และการถา่ ยทอด 2. การถา่ ยทอดพลงั งาน √ แสดงสายใยอาหารของระบบ 5. วฏั จกั รคาร์บอน นเิ วศตา่ งๆ ในทอ้ งถน่ิ 3. อธิบายวัฏจกั รของนำ้ และ คาร์บอน 14 ที่ ตวั ชีว้ ัด เนือ้ หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ (ชั่วโมง) เรียนรู้ พบกลมุ่ เรียนรู้ด้วย ตนเอง 1. บอกสว่ นประกอบและวธิ ีการ 1.โลก 20 √ แบ่งชัน้ ของโลก 1.1โลก ส่วนประกอบและการ √ 2. อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของ แบง่ ชน้ั ของโลก เปลอื กโลกโดยกระบวนการ 1.2 ทรัพยากรธรณใี นทอ้ งถิน่ √ ตา่ งๆ และประเทศ 3. บอกองคป์ ระกอบและการ 1.3 การเปล่ียนแปลงของเปลือกโลก √ แบง่ ชัน้ บรรยากาศ 1.3.1 กระบวนการยกตัว √ 4. บอกความหมายและ และการยุบตวั ความสำคัญของอุณหภูมิ 1.3.2 การผพุ ังอยูก่ ับท่ี √ ความชืน้ และความกดอากาศ 1.3.3 การกรอ่ น √ 5. อธิบายความสัมพนั ธ์ของ 1.3.4 การพัดพา √ อณุ หภมู ิ ความช้ืนและความกด 1.3.5 การทับถม √ อากาศต่อชวี ิตความเป็นอยู่ 1.3.6 กรณีศกึ ษาภยั จาก √ 6. บอกชนิดของลม การเปลยี่ นแปลงของเปลือกโลก 7. อธิบายอิทธพิ ลของลมตอ่ เช่น แผน่ ดนิ ไหว การเกิด √ มนุษยแ์ ละสิง่ แวดล้อม ปรากฏการณ์ สนึ ามิ √ 8. บอกวิธกี ารป้องกันภยั ทีเ่ กดิ 2. บรรยากาศ √ จากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ 2.1 ช้ันบรรยากาศองค์ประกอบ √ 9. บอกประโยชนข์ องการ และการแบง่ ชนั้ บรรยากาศ พยากรณอ์ ากาศ 2.2 อุณหภูมิ ความชื้น และ √ 10. อธิบาย เกย่ี วกับสภาพ ความกดอากาศในท้องถิ่น ปญั หา การใชแ้ ละการแก้ไข 2.3 ความสมั พนั ธ์ของอณุ หภูมิ สิง่ แวดล้อม และ ความชนื้ และความกดอากาศ ที่มี ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถน่ิ ผลกระทบตอ่ ชวี ิตความเป็นอยู่ √ และประเทศ 3. ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ √ 11.อธิบาย สรปุ แนวคิดในการ 3.1 ชนิดของลม √ รักษาสมดุลของระบบนเิ วศ การ 3.1.1 ลมมรสุม อนรุ กั ษส์ ่งิ แวดล้อมและการใช้ 3.1.2 ลมพายหุ มุนเขตร้อน ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างย่งั ยืน ฯลฯ 15 ที่ ตวั ชว้ี ัด เนอ้ื หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ (ช่ัวโมง) เรยี นรู้ พบกลุ่ม เรียนรู้ด้วย ตนเอง 3.1.3 กรณศี ึกษาการเกิด √ 3.4 ความสำคญั และประโยชน์ 4.1 การใชแ้ ละปัญหาเกยี่ วกบั 4.2 การดแู ลรกั ษาทรพั ยากร 16 ที่ ตัวช้วี ดั เนอ้ื หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ 4.5 การอนุรักษส์ ิ่งแวดล้อมและการ √ 17 ที่ ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ ชีวิตประจำวนั √ ต่อคณุ สมบตั ขิ องดนิ 18 ที่ ตวั ช้ีวัด เนือ้ หา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ √ √ √ 4 1. ระบปุ ระเภทและ 1. แรง 10 √ ตา่ งๆ 1.2 ผลการกระทำของแรง √ 3. บอกระบปุ ระโยชน์ของ 2.2 การหาค่าโมเมนต์ แรงในชีวติ ประจำวัน 2.3 การใชโ้ มเมนต์ในชวี ิตประจำวันได้ 4. การหาคา่ ผลจากการ กระทบของแรง และ โมเมนต์ 19 5. ให้ความรใู้ นเรอ่ื งโมเมนต์ เน้ือหา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ 20 ท่ี ตวั ชว้ี ดั เน้ือหา จำนวน ออกแบบแผนการจัดการ 6 อธบิ าย การออกแบบ วางแผน 1. ประเภทของไฟฟ้า 10 √ แบบขนาน แบบผสม ประยุกต์ 7. การใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าอย่างง่าย และเลือกใช้ความรู้ และ อาชพี 8. ความปลอดภัยและอบุ ัติเหตุ จาก ชา่ งไฟฟ้า ใหเ้ หมาะสม กับด้าน อาชพี ช่างไฟฟ้า บริหารจัดการและการบริการ 9. การบรหิ ารจดั การและการบรกิ าร 10. โครงงานวิทยาศาสตร์ส่อู าชพี 11. คาํ ศัพท์ทางไฟฟ้า 21 แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชา พว21001 วิทยาศาสตร์ จำนวน 4 หนว่ ยกติ แบบ พบกลุม่ จำนวน 3 ช่วั โมง เร่ือง ธรรมชาติทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวชวี้ ัด อธบิ ายธรรมชาติและความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื้อหา 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.1 ความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.2 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.2.1วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ขัน้ 1.2.2 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ 1.2.3 เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 6 ลักษณะ 1.2.4 จติ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ขั้นตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ข้ันท่ี 1 การกำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ 1. ครพู ูดคยุ กับนักศกึ ษา ถงึ เทคโนโลยีสมยั ใหม่และสง่ิ อำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ของคนเรา เช่น ด้านการสอ่ื สาร เทคโนโลยีดา้ นการแพทย์ เทคโนโลยดี า้ นอวกาศ ขนั้ ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูล และจัดการเรียนรู้ 1. ครกู ับผู้เรียนร่วมกันวางแผนการเรยี นรใู้ นเรอื่ ง ธรรมชาตแิ ละความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 2. ครสู นทนากบั ผ้เู รียนเกยี่ วกบั ความสำคญั ของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ขั้นที่ 3 การปฏิบตั แิ ละนำไปประยุกตใ์ ช้ 1. แบง่ กลุ่มผ้เู รยี นกลุ่มละ 3 คน ให้รว่ มกนั แลกเปล่ียนเรียนรู้ศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง ธรรมชาติ ทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ แล้วทำกจิ กรรมในใบงาน 2. ผเู้ รียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรปุ กิจกรรมจากใบความรู้ ครูกับผเู้ รยี นร่วมกนั สรุป ความรู้ ที่ ไดร้ ับ ข้ันที่ 4 การประเมินผล 1. ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกันสรุปเร่อื งกระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ 2. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบย่อย 22 สื่อการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล 23 บนั ทกึ ผลหลงั การเรียนรู้ ................................................. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................... 24 ใบความรู้ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ เร่อื งของการเรยี นรเู้ ก่ยี วกับธรรมชาติ โดยมนษุ ยใ์ ช้กระบวนการสงั เกต 1. การสังเกตเป็นวธิ ีการได้มาของขอ้ สงสยั รบั รู้ข้อมูล พจิ ารณาข้อมลู จากปรากฏการณท์ าง 2. ตง้ั สมมติฐานเป็นการการระดมความคิด สรปุ สิ่งที่คาดว่าจะเปน็ คำตอบของปัญหาหรอื 3. ออกแบบการทดลองเพ่ือศึกษาผลของตวั แปรท่ีต้องศกึ ษาโดยควบคมุ ตวั แปรอื่น ๆ ท่ี 4. ดำเนินการทดลองเปน็ การจกั กระทำกบั ตัวแปรที่กำหนดซง่ึ ไดแ้ ก่ ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม และ 5. รวบรวมข้อมลู เป็นการบนั ทึกรวบรวมผลการทดลองหรือผลจากการกระทำของตวั แปร ท่ี 6. แปลและสรปุ ผลการทดลอง 1. ทกั ษะข้ันมลู ฐาน 8 ทักษะ ไดแ้ ก่ 25 2. ทกั ษะขน้ั สงู หรือทกั ษะขัน้ ผสม 5 ทกั ษะ ไดแ้ ก่ รายละเอยี ดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทงั้ 13 ทกั ษะ มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้ ใช้ตาดูรูปร่าง ใช้หูฟังเสียง ใช้ล้ินชิมรส ใช้จมูกดมกลิ่น และใช้ผิวกายสัมผัสความร้อนเย็น หรือใช้มือ ทักษะการวัด (Measuring) หมายถึง การเลือกและการใช้เครื่องมือวัดปริมาณของส่ิงของ ทกั ษะการจำแนกหรอื ทักษะการจัดประเภทสิ่งของ (Classifying) หมายถงึ การแบ่งพวก ทักษะการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา (Using Space/Relationship) การหาความสัมพันธ์ระหว่าง เวลากับเวลา เช่น การหาความสัมพันธ์ระหว่างจังหวะ การหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับเวลา เช่น การหาตำแหน่งขอวัตถุที่เคลื่อนท่ีไป ทักษะการคำนวณและการใช้จำนวน (Using Numbers) หมายถงึ การนำเอาจำนวนท่ีได้ 26 ความหมาย และการลงข้อสรุป ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เราต้องใช้ตัวเลขอยู่ตลอดเวลา เช่น การอ่าน ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (Communication) หมายถึงการนำเอา ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) หมายถึง การเพิ่มเติมความคิดเห็นให้กับ ทักษะการพยากรณ์ (Predicting) หมายถึง การคาดคะเนหาคำตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง ทกั ษะการต้งั สมมตุ ิฐาน (Formulating Hypothesis) หมายถึง การคิดหาค่าคำตอบล่วงหน้า ทักษะการควบคุมตัวแปร (Controlling Variables) หมายถึงการควบคุมสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจาก ตัวแปรแบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ 27 ทักษะการตีความและลงขอ้ สรปุ ( Interpreting data ) การนำขอ้ มูลไปใชจ้ ึงจำเปน็ ต้องตีความใหส้ ะดวกทจี่ ะส่อื ความหมายได้ถูกต้องและเข้าใจตรงกนั เดอื ด ท่อี ุณหภมู ิตำ่ หรือน้ำจะเดอื ดเร็ว ถ้าความดนั มากนำ้ จะเดอื ดทอ่ี ุณหภมู ิสงู หรือนำ้ จะเดอื ดชา้ ลง ความหมาย และขอบเขตของคำต่าง ๆท่ีมีอยู่ในสมมุติฐานที่จะทดลองให้มีความรัดกุม เป็นที่เข้าใจ ทักษะการทดลอง (Experimenting) หมายถึง กระบวนการปฏิบตั ิการโดยใช้ทักษะต่าง ๆ 1. การออกแบบการทดลอง ค้นหาคำตอบว่า ปรากฏการณ์ต่าง ๆ น้ันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมจึงเกิด 28 2) เป็นบคุ คลที่จะรบั ร้แู ละยอมรบั ความคดิ เห็นใหม่ ๆ อยู่เสมอ 29 ใบงานที่ 2. แบ่งกลุม่ และร่วมกันอภิปราย สรุป 6 คณุ ลกั ษณะของบคุ คลที่มจี ติ วิทยาศาสตร์ 30 แบบทดสอบย่อย ก. ทกั ษะการสังเกต ............1. ม้ามี 4 ขา สุนัข มี4 ขา ไก่มี 2 ขา นกมี 2 ขา ช้างมี 4 ขา 31 แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า พว21001 วิทยาศาสตร์ จำนวน 4 หนว่ ยกติ แบบ พบกลุม่ จำนวน 5 ชัว่ โมง เร่อื ง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ตวั ช้ีวัด 1. อธบิ ายประเภท การเลือกหัวขอ้ วิธดี ำเนินการ และการนำเสนอโครงงาน 2. นำความรู้เกย่ี วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละโครงงานไปใช้ 3. เกิดกระบวนการกล่มุ เนื้อหา 1. ประเภทของโครงงาน 2. การเลือกหวั ข้อโครงงาน 3. การเขียนโครงงาน 4. การวางแผน และการทำโครงงาน 5. การนำเสนอโครงงาน ขัน้ ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1. กำหนดสภาพปญั หา (O : Orientation) 1. ทบทวนความรู้เดิม 2. ครูนำตัวอยา่ งโครงงานวทิ ยาศาสตรม์ าใหผ้ ู้เรียนดู แล้วครแู ละผู้เรยี นร่วมกันสนทนา เก่ยี วกบั ความหมาย จดุ ประสงค์ ประเภท และการจัดทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 3. ผู้เรยี นดูแผนภมู ิ วธิ ีการจัดทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แล้วร่วมกันสนทนาซกั ถามในสิ่งที่ สงสัยครูอธิบายเก่ียวกับการจัดทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจ ขั้นที่ 2 แสวงหาข้อมูลและจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนการจัดทำโครงงาน โดยเลือก หัวข้อโครงงานท่ีสนใจ และจัดทำเป็นเค้าโครงย่อของโครงงาน เพ่ือนำเสนอให้ครูตรวจ พจิ ารณา แลว้ นำมาแกไ้ ขปรบั ปรงุ ตามท่ีครูเสนอแนะ 2. ให้แต่ละกลุ่มวางแผนการจัดทำโครงงานโดยมีครูเป็นท่ีปรึกษาและดำเนินการจัดทำ โครงงานตามที่ได้วางแผนไว้ 32 ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัติและการนำไปประยกุ ตใ์ ช้ (I : Implementation) ขน้ั ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) สื่อประกอบการเรียนรู้ การวดั ผลและประเมินผล 33 บนั ทึกผลหลังการเรยี นรู้ ................................................. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................... 34 ใบความรู้ การจดั ทา โครงงานวิทยาศาสตร์ 1. ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นส่วนหน่ึงของกิจกรรมส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์หรือ 2. หลักการของกจิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ไว้ดังนี้ 3. จุดม่งุ หมายของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 35 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ระบจุ ุดมุ่งหมายของการทำโครงงาน 1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนใช้ความรู้และประสบการณ์เลอื กทำโครงงานวิทยาศาสตร์ตามที่ตนสนใจ วิทยาศาสตรใ์ นการแก้ปญั หา ท้องถิน่ 4. ลักษณะที่สาคัญของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. เป็นเรอ่ื งท่ีนักเรียนสนใจ สงสัย ตอ้ งการหาคำตอบ 5. ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานวิทยาศาสตร์ แบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดงั น้ี 36 การสำรวจรวบรวมขอ้ มลู บางอย่างเพ่ือจำแนกหมวดหมู่ โครงงานประเภทนไ้ี มก่ ำหนดตัว การสำรวจพืชพนั ธุ์ไม้ในโรงเรียนหรอื ในท้องถ่ิน กรงดักแมลง 37 กล่องอบแห้งพลงั งานแสงอาทติ ยร์ ปู ทรงแปดเหลย่ี ม โครงงานประเภทนี้ เปน็ โครงงานทีเ่ สนอทฤษฎี หลกั การหรือแนวคิดใหมๆ่ ซึง่ อาจอยู่ใน ทฤษฎี หลกั การ แนวความคิด หรือจนิ ตนาการท่ีเสนอน้ี อาจจะใหม่ยงั ไมม่ ใี ครคิดมา การทำโครงงานประเภทนี้ จุดสำคัญอยูท่ ี่ผู้ทำตอ้ งมีความรู้พ้ืนฐานในเร่ืองนน้ั เป็นอย่างดี การอธิบายอวกาศแนวใหม่ 6. แหล่งทม่ี าของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานวิทยาศาสตร์ ได้มาจากปัญหาหรือข้อสงสัย ซ่ึงควรจะเป็นปัญหาที่ใกล้ตัวของผู้เรียน พยายามอย่าให้ผู้เรียนคิดปัญหาที่ไกลตัวเกินความสามารถของเด็กท่ีจะทำได้ ตัวอย่างการได้มาซ่ึง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ • ปญั หาใกลต้ ัว • ปัญหาในท้องถิน่ • ความสนใจส่วนตวั • การสงั เกตส่งิ ต่างๆ ใกล้ตัว • คำบอกเลา่ ของผู้อ่ืน • การทดลองเลน่ • การทำปฏบิ ตั กิ าร • โครงงานอ่นื ทีเ่ คยมีผทู้ ำไวแ้ ลว้ • การตง้ั คำถามของครใู ห้นักเรยี นคดิ • ฝึกตัง้ ปญั หา • การทำ Web ระดมความคดิ เพ่อื หาเร่อื งท่จี ะทำโครงงาน • รวมบทคดั ยอ่ โครงงานวิทยาศาสตร์ และหนงั สอื อ่ืน 7. วิธีทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. กาหนดปัญหา 2. ต้งั สมมุติฐาน 3. ออกแบบการทดลอง 6. นาเสนอ 5. อภิปรายและสรุปผล 4. ทดลอง 38 ข้นั ตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. กาหนดปัญหา 2. ต้ังสมมุตฐิ าน 3ต.อบคอาอถกามแบขอบงกปาัญรหทาดนล้นั อง ตามมาจากการสงสัย (ตวั แปรตาม) และ เป็ นการบอกความสัมพนั ธ์ระหว่างตัว จะตอ้ งควบคมุ ตวั แปรใดบา้ ง เพ่อื ใหไ้ ด้ 5. แอลภะกิปลรุ่มายคแวลบะคสุมรหุปรผือลกลุ่มทดลองเป็ น หลาย ๆ คร้งั อยา่ งนอ้ ยตอ้ ง 3 คร้ัง เพ่ือจะ ทดลองมาประเมินผลและอภิปรายโดย ทส่ี ุด เป็นผลการทดลอง การศึกษาจากเอกสารหรือหลกั ฐาน เพอ่ื ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ะตอ้ งบนั ทกึ และนาเสนอ นามาประกอบในการหาเหตุผลหรือขอ้ ท้งั หมด มิใชเ่ ลือกเฉพาะขอ้ มูลที่เป็นไปตาม ผเู้ รียนนาเสนอขอ้ มูลที่ไดม้ าของความรูใ้ หม่ ให้ จะจกไตดดัร้อะจป้ ดบัง้ายทนวนนาำโิเคเกทอารศารงทวเงพธิาา่ืองกีนาแานวสรติทดทโวั ดยงาอโยางคยกวศราา่ิทางรงสยงเโขาาตคนียศรรนวา์งิทรหสงายมตายางนราศา์ยาวน(สsถทิแตeึงลยรcะา์ทกieศี่าnารtสทifตำicกร์จิmขกัน้eรtรตhมอoทนdขนแาโล)ากงัคดว้วเแรรเิทจอลีงยตยางนะจคาากนทตนศราาทิเาวะใส่ดีสหิบทนทีต้นวยอารนกัาแง์ชเวศกตรนิท่เีาายฉดิยรนสพาหทตเศปานาระา็นงส์ขง่ึ ควตอ้ ทิทนรมไี่ผย์ลู มู้ทาดซ่ศงำั ่ือกาโคสสลรตา่ตั วงยรง์์ าน (science process) มาใช้เพือ่ ศึกษาหาทางแกป้ ญั หาเรอื่ งใหม่ ๆ หรอื ประดษิ ฐ์คิดค้นส่ิงใหม่ ๆ โดย ผู้ทำโครงงาน เปน็ ผูค้ ดิ เรอ่ื งหรอื เลอื กเรอ่ื งที่ต้องการศกึ ษา มีการวางแผนดำเนินการ (ลงมือปฏิบตั )ิ บนั ทกึ ผล วเิ คราะหข์ ้อมลู สรุปผล และเสนอผลงานด้วยตนเอง ตง้ั แตต่ ้นจนสำเรจ็ ทกุ ขน้ั ตอน การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ขน้ั ท่ี 1 การคิดและเลอื กชอื่ เรอ่ื งหรอื ปัญหาที่จะศึกษา ขนั้ ตอนนเ้ี ปน็ ขนั้ ท่ีสำคัญที่สุดและยากทีส่ ุด ตามหลักการแล้วนักเรียนควรจะเป็นผคู้ ิดและเลือกหัวข้อ เร่อื งทจี่ ะศึกษาด้วย ตนเอง แต่ครูอาจมีบทบาทหรอื มสี ว่ นช่วยเหลือใหน้ ักเรยี นสามารถคดิ หัวข้อเรื่อง ได้ ดว้ ยตนเอง ดังจะไดก้ ลา่ วตอ่ ไป การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ข้ันท่ี 2 การวางแผนในการทำโครงงาน ไดแ้ ก่ การวางแผนวธิ ีดำเนนิ งานในการศึกษาคน้ ควา้ ท้งั หมด เช่น วัสดอุ ุปกรณ์ ทีจ่ ำเปน็ ต้องใชใ้ นการ |