ตัวอย่าง Statement of Purpose จุฬา

สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน วันนี้พี่อาร์มจะมาเล่าถึงการเขียน SoP กันนะครับว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และควรจะเขียนแบบไหน เวลาที่เราจะสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งบางที่ในประเทศไทย การเขียนเรียงความเพื่อบอก “จุดประสงค์” ของการมาเรียนคือส่วนหนึ่งของเกณฑ์การคัดเลือก โดยเรียงความนี้เราอาจจะเรียกมันว่า Statement of Purpose, Personal Statement หรือ Letter of Motivation ก็ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละที่ที่เราสมัคร พี่ขอเรียกทั้งหมดรวม ๆ ว่า SoP ละกันนะครับ 

SoP สำคัญอย่างไร?

ถ้าเป็นในระดับปริญญาตรีการเขียน SoP อาจจะไม่มีผลกับการคัดเลือกเท่ากับคะแนนต่าง ๆ ที่เรายื่นไป เช่น SAT, BMAT หรือข้อสอบเฉพาะทางอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามน้อง ๆ ก็ควรตั้งใจเขียนนะครับ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นตัวช่วยเราได้ ถ้าเรามีจุดบกพร่อง เช่น คะแนนไม่ดี หลายปีก่อนตอนที่พี่สมัครเข้าเรียนปริญญาตรีที่จุฬาฯและธรรมศาสตร์ คณะก็ให้พี่เขียน SoP ครับ โดยที่ตอนสัมภาษณ์มีถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SoP ด้วย ดังนั้นอย่ามองข้ามความสำคัญของมันนะครับ

ส่วนใครที่จะสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาโทขึ้นไป โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ SoP คือสิ่งที่สำคัญมากเลยครับ บางคนเรียนเก่งมาก คะแนนทุกอย่างดี แต่ก็มีสิทธิ์โดน reject หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสอบไม่ติด หาก SoP ไม่ดีมากเพียงพอครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้า SoP เราดีมาก ๆ เราอาจจะติดคณะและมหาวิทยาลัยระดับโลกได้เลยครับ ถึงแม้คะแนนต่าง ๆ จะอยู่ในระดับกลาง นี่เป็นเพราะว่าจริง ๆ แล้วการเรียนต่อในระดับนี้ ไม่มีใครบังคับเรา แต่มันคือความสมัครใจของเรา ดังนั้นเราต้องสื่อไปให้ได้ว่าเรามีความตั้งใจในการจะเรียนจริง ๆ

ก้าวแรกของการเขียน SoP

เรามาเข้าเรื่องการเขียน SoP กันดีกว่าครับ เริ่มต้นก่อนน้องจะเริ่มเขียน น้องต้องทำ Outline หรือโครงร่างคร่าว ๆ มาก่อนครับว่าน้องมี “จุดขาย” อะไร ที่พี่ใช้คำว่าจุดขาย เพราะเราต้องขายหรือโน้มน้าวให้ Admissions Committee หรือกรรมการที่คัดเลือกเชื่อว่าเราเหมาะสมกับการมาเรียนที่นี่ จุดขายอาจจะเป็นผลงานเด่น ๆ ที่เราเคยทำมา หรือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเรา รวมทั้งเป้าหมายในอนาคตด้วยครับ เช่น จบมาแล้วจะทำงานอะไร

SoP ที่ดี ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง?

พี่ขอตั้งสมการง่าย ๆ ของการเขียน SoP แบบนี้นะครับ

Background + ส่วนที่ขาด/ต้องพัฒนา -> เป้าหมายในอนาคต

เริ่มต้นการเขียนเราควรเล่ามาก่อนว่าเรามีประสบการณ์อะไรหรือการศึกษาด้านไหน เราควรพูดถึงประเด็นที่เราสนใจที่เราต้องการไปต่อยอด หลังจากนั้นให้พูดว่าถ้าเรามาเรียนที่นี่เราจะได้อะไร ความรู้หรือทักษะอะไรเราจะเพิ่มขึ้น โดยที่สิ่งที่เราขาดต้องได้รับการ “เติมเต็ม” จากที่นี่ และสุดท้ายควรจะพูดเป้าหมายของเราว่าถ้าเรียนจบมาแล้วชีวิตเราจะเป็นในทิศทางไหน มีทริคนิดนึงนะครับว่า ควรเขียนอะไรที่ยิ่งใหญ่หน่อย เช่น เราจะช่วยสังคมได้ หรือ ถ้าใครทำเอกชนก็อาจจะบอกว่าจะทำให้บริษัทก้าวไปไกลขึ้นได้ยังไง

เทคนิคการถ่ายทอด SoP ให้ถูกใจกรรมการ

การถ่ายทอดที่ดีควรจะเป็นในรูปแบบของ Story หรือเป็นเรื่องราวครับ อย่าลืมนะครับว่าเหมือนเรากำลังขายความเป็นตัวเราอยู่ ถ้าเราแค่พูด Fact โดยไม่นำมาปะติดปะต่อกัน ไม่สามารถซื้อใจคนอ่านได้แน่นอน และมากไปกว่านั้นจำนวนคำยังจำกัดด้วย ดังนั้นเราต้องเลือกเฉพาะประเด็นที่สำคัญ ๆ นำมาเชื่อมโยงกัน และถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวให้น่าสนใจครับ เพราะใคร ๆ ก็ชอบฟังเรื่องเล่าจริงมั้ยครับ บางที่คนสมัครเยอะมากอาจถึงหลักพันคน กรรมการไม่สามารถอ่านของทุกคนได้ละเอียด ถ้าเขียนเรื่องธรรมดา ๆ น่าเบื่อ เขาอาจจะไม่แม้กระทั่งอ่านของเราจนจบครับ

ตัวอย่างรูปแบบการเขียน SoP ที่พี่ใช้สมัคร TOP U

ยกตัวอย่างของพี่ครับ ตอนปริญญาตรีพี่เรียนสาขา Politics and International Relations ที่ธรรมศาสตร์ แต่พอจะเรียนต่อปริญญาโทกลับข้ามสายไปสมัครสาย Education ของ Cambridge ซึ่งรับเพียงแค่ 25 คนต่อปีเท่านั้น ดังนั้นพี่ต้องทำการบ้านอย่างหนักมากเลยครับเพื่อทำ SoP ออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ SoP ของพี่จึงเล่าประมาณว่าตอนพี่เรียนปริญญาตรี พี่เรียนเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะและเรียนทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ ในขณะเดียวกันพี่เริ่มงานเป็นครูตั้งแต่ตอนเรียน ตอนเป็นครูก็เคยได้ไปสอน/แนะแนวต่างจังหวัด ทำให้ได้เห็นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการศึกษาของไทย ดังนั้นเลยอยากจะช่วยพัฒนาส่วนนี้ให้มากขึ้น

แต่อย่างไรก็ดี ความรู้พี่ในการพัฒนาทั้งระบบการศึกษายังมีไม่มากเพียงพอ มีแค่ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับนโยบาย และประสบการณ์การสอนหนังสือเท่านั้น เป้าหมายของพี่ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าพี่ไม่ได้ไปเรียนเพิ่ม พี่จึงเขียนไปว่าการเรียนสาขานี้ที่ Cambridge จะทำให้มีทักษะความรู้ที่นำมาประยุกต์กับเป้าหมายของพี่ได้ และพี่เชื่อว่าหากเรียนจบเราจะช่วยประเทศได้จริงไม่มากก็น้อย

เห็นมั้ยครับว่าการเขียน SoP เราไม่ได้ต้องพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์ 4 ปีของพี่ เอามาย่อให้เหลือ 2-3 ย่อหน้าเองครับ ดังนั้นเราควรพูดแต่เรื่องของเราที่เป็นแรงบันดาลใจหรือสิ่งที่จุดประกายเรา และต่อด้วยความสำคัญของการมาเรียนที่นี่ว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเราและคนอื่นได้อย่างไร ท้ายที่สุดนี้อยากฝากคนที่ต้องเขียน SoP นะครับว่าการเขียน SoP 1 ฉบับไม่สามารถเขียนได้ดีในเวลาสั้น ๆ ของพี่ใช้เวลาเกือบ 4 เดือนครับ ดังนั้นอยากให้ทุกคนใช้เวลากับมัน วางแผนให้ดี และตั้งใจให้สุดความสามารถนะครับ

—————————————————
InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈️
สอบถามเพิ่มเติม Inbox : m.me/interpassinstitute
Tel:089-9964256, 089-9923965
Line : @InterPass