ปีกมดลูกอักเสบ ขณะ ตั้ง ครรภ์

ปีกมดลูกอักเสบ เป็นอาการที่มักจะได้ยินกันบ่อยๆ ในบรรดาสตรีที่มีอาการปวดท้องน้อย มักเข้าใจว่าเป็นอาการอักเสบ

อาการปวดท้องน้อยเป็นอาการที่พบบ่อยในสตรี ต้องแยกโรคที่เกิดกับอวัยวะต่างๆ เช่น อวัยวะระบบทางเดินอาหาร อาจเป็นลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ อวัยวะระบบทางเดินปัสสาวะ (เช่นการเป็นโรคของกระเพาะปัสสาวะหรือมีการอักเสบของท่อไต) ปวดกล้ามเนื้อหน้าท้อง เส้นเอ็น ผิวหนัง
นอกจากนี้ อาการปวดท้องน้อยอาจร้าวมาจากอวัยวะอื่นๆ บริเวณใกล้เคียง แต่อาการปวดท้องน้อยอันเกิดจากอวัยวะบริเวณอุ้งเชิงกราน เกิดขึ้นบ่อยและมีหลายสาเหตุ เช่น พังผืดในอุ้งเชิงกราน เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอก หรือเป็นการปวดประจำเดือนหรือภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ที่พบบ่อยคือการแท้งบุตรหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น

การอักเสบในอุ้งเชิงกรานเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดท้องน้อย พบไม่บ่อย แต่บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยมักถูกวินิจฉัยว่าปีกมดลูกอักเสบเกินความเป็นจริงไป และกินยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น

ภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานเป็นการติดเชื้อบริเวณมดลูก รังไข่ และท่อรังไข่ สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อผ่านขึ้นมาทางช่องคลอดและปากมดลูก หรือบางรายเกิดจากการติดเชื้อมาตามกระแสเลือด อาจจะมีแหล่งเชื้อโรคมาจากอวัยวะอื่นๆ เช่น ฟันผุ ไซนัสอักเสบ เป็นต้น

ปีกมดลูกอักเสบส่วนใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง เชื้อโรคที่พบบ่อยคือ เชื้อหนองใน รองลงมาคือเชื้อคลาไมเดีย ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการตกขาวและปวดท้องน้อย ถ้าอาการไม่มากแพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน แต่ถ้าเป็นมาก มีการติดเชื้อรุนแรง หรือมีอาการปวดรุนแรง จำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดยาฉีด

อย่างไรก็ตาม อาการปวดท้องน้อยอาจต้องแยกจากภาวะฉุกเฉินอื่นๆ เช่น โรคไส้ติ่งอักเสบ ตั้งครรภ์นอกมดลูก ถุงน้ำรังไข่แตกหรือบิดขั้ว ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัด ภาวะอื่นๆ เหล่านี้บางทีอาการคล้ายคลึงกันมากแพทย์เองก็อาจจะตรวจแยกโรคได้ยากในเบื้องต้น การตรวจพิเศษและการเฝ้าสังเกตอาการอย่างต่อเนื่องสามารถวินิจฉัยได้ในเวลาต่อมา

ปัจจุบันนี้ยาปฏิชีวนะมีประสิทธิภาพดีสามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างกว้างขวาง บางครั้งอาจมีการดื้อยาหรือยาที่ให้ไม่ได้ผล อาจจะเปลี่ยนยากลุ่มใหม่ให้ตรงกับชนิดของเชื้อ โดยได้ผลจากการเพาะเชื้อและทราบชนิดของเชื้อที่เป็นต้นเหตุก่อโรคตัวจริง แต่บางรายเป็นโพรงหนองหรือถุงหนองรังไข่ที่รักษาด้วยยาไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องรักษาโดยวิธีผ่าตัดเพื่อกำจัดโพรงหนองหรือถุงหนองรังไข่ออกจากร่างกาย

โรคปีกมดลูกอักเสบมักจะรักษาหายภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยบางรายที่มีการติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานชนิดเรื้อรังหรือเพราะไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม หรืออาจจะเป็นเชื้อที่ก่อโรคในลักษณะเรื้อรังได้ อาจจำเป็นต้องรักษานาน ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ คือ พังผืดในอุ้งเชิงกราน ซึ่งพบได้บ่อยหลังการติดเชื้อ และมักพบด้วยกันเสมอกับการติดเชื้อชนิดเรื้อรัง ซึ่งการเป็นพังผืดแม้ว่าภาวะติดเชื้อจะหายไปแล้วแต่ก็อาจจะมีอาการปวดท้องน้อยเนื่องจากพังผืดได้เป็นระยะๆ เวลาที่มีการรั้งบริเวณมดลูกหรือปีกมดลูก เช่น การเคลื่อนไหวทำงาน การมีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่ปวดมากขณะมีประจำเดือน ผู้ป่วยบางรายอาจทรมานถึงกับต้องผ่าตัดเพื่อเลาะพังผืดออก แต่อย่างไรก็สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีกเพราะพังผืดเกิดจากการผ่าตัดภายในช่องท้องหรือภายในอุ้งเชิงกรานได้ด้วย การผ่าตัดรักษาจึงขึ้นอยู่กับความจำเป็นในผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยที่เป็นมากหรือเรื้อรังจำเป็นต้องหาภาวะที่มีความอ่อนแอของร่างกายหรือภูมิต้านทานต่ำร่วมด้วย เช่น มีโรคประจำตัวบางชนิด (เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคเอดส์ วัณโรค เป็นต้น)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นควรมีการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ร่วมด้วยเสมอ เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส ติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น การตรวจหาการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่สมรสก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้รับการดูแลรักษาไปในขณะเดียวกันด้วย

เช่นเดียวกับกรณีวันแห่งความรักที่เกิดขึ้นทุกปี ผู้เขียนอยากเตือนให้ระมัดระวังการมีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เพราะนอกจากจะตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว อัตราการทำแท้งและอันตรายจากการทำแท้งเถื่อนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การทำแท้งเถื่อนอาจทำให้มีการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ สาเหตุจากเครื่องมือการทำแท้งไม่สะอาด และเชื้อที่ก่อโรคจากการทำแท้งด้วยเครื่องมือที่ไม่เหมาะสมอาจพบว่าเป็นเชื้อที่ร้ายแรง ผู้ป่วยเองมักจะมาพบแพทย์ช้า รักษาไม่ทันกาลถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

การตั้งครรภ์นอกมดลูก

28 มิถุนายน 2020

หมายถึง การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการฝังตัวของไข่ ที่ถูกผสมแล้วนอกโพรงมดลูก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่นอกจากนั้นอาจพบได้ที่รังไข่ ปากมดลูก และในช่องท้อง การตั้งครรภ์นอกมดลูกที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เกิดอันตรายต่อมารดาจนถึงชีวิตได้

สาเหตุ 
สาเหตุการตั้งครรภ์นอกมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ  เช่น  ความผิดปกติของท่อนำไข่  การอักเสบเรื้อรังของท่อนำไข่  โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ทำให้เกิดสภาพการณ์ที่ขัดขวางมิให้ไข่ที่ถูกผสมแล้วเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูกได้

อาการของการตั้งครรภ์นอกมดลูก
การตั้งครรภ์นอกมดลูกในระยะแรกๆ อาจไม่พบอาการผิดปกติใดๆ   นอกจากประจำเดือนไม่มาตามปกติ เมื่อผ่านไประยะหนึ่งแล้วอาจมีอาการดังต่อไปนี้
    1.อาการปวดท้อง  บีบรัดเป็นช่วงๆ  อาจจะเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง อาการปวดอาจหายไปหรือปวดอยู่ตลอดเวลา 
    2.เลือดออกทางช่องคลอด
    3.อาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม  ซึ่งมักจะพบในระยะที่ท่อนำไข่แตก มีเลือดออกในช่องท้องแล้ว

การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะซักประวัติประจำเดือน และอาการทั่วไปร่วมกับการตรวจการตั้งครรภ์จากการตรวจปัสสาวะ  และการตรวจเลือด  การตรวจทางสูติ นรีเวช เพื่อการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของอาการอื่นๆ เช่น มีเลือดออกในช่องท้องเป็นต้น

ภาวะอื่นๆ ที่ต้องวินิจฉัยแยกโรคจากการตั้งครรภ์นอกมดลูกคือ
   1.ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ในมดลูก  เช่น การแท้งบุตร
   2.โรคทางนรีเวชที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์  เช่น  ปีกมดลูกอักเสบ หรือมีการบิดหมุนของปีกมดลูก
   3.ภาวะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โรคทางนรีเวช  เช่น  กระเพาะลำไส้อักเสบ  ไส้ติ่งอักเสบ  เป็นต้น

การรักษาการตั้งครรภ์นอกมดลูก 
ขึ้นอยู่กับระยะและอาการของผู้ป่วย แพทย์อาจพิจารณาให้ต้องรับการผ่าตัด หรือรักษาด้วยการใช้ยาร่วมกับการสังเกตอาการร่วมด้วย

ปีกมดลูกอักเสบเกิดจากสาเหตุอะไร

เกิดจากการทำแท้งที่ไม่สะอาด และมีเชื้อโรคแพร่กระจายเข้าในมดลูกและปีกมดลูก การติดเชื้อโดยทั่วไปจะเกิดขึ้น 2 ระยะ ระยะแรกเป็นการติดเชื้อที่ช่องคลอดและปากมดลูก ระยะที่สอง พบว่ามีการลุกลามเข้าไปในโพรงมดลูกและปีกมดลูก กลไกการเกิดโรดส่วนหนึ่งเป็นการจากไหลย้อนของระดู และการที่ปากมดลูกเปิดขณะที่มีประจำเดือน

มดลูกอักเสบอันตรายไหม

ปีกมดลูกอักเสบเป็นส่วนหนึ่งของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ สามารถรักษาหายได้ภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แต่ถ้ารักษาผิดวิธี หรือรักษาช้าเกินไป สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งมาจากการที่เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังท่อนำไข่ ดังนั้นหากมีอาการที่ผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์โดยทันที

ปีกมดลูกอักเสบอาการเป็นยังไง

การอักเสบของปีกมดลูก/ปีกมดลูกอักเสบมีอาการ ดังนี้ เช่น ปวดบริเวณท้องน้อย อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่งหรือเป็นทั้ง 2 ข้าง อาการปวดนี้เป็นอาการเด่นที่สุดและพบได้ในผู้ป่วยเกือบทุกคน สามารถมีไข้ได้ หากมีการลุกลามของเชื้อโรคมากหรือเกิดเป็นก้อนหนองขึ้นที่ท่อนำไข่ หรือที่รังไข่ อ่อนเพลียหรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน

มดลูกอักเสบท้องได้ไหม

ภาวะแทรกซ้อนของปีกมดลูกอักเสบ หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ มักจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการตั้งครรภ์ แต่หากปล่อยให้อาการเรื้อรังหรือรับการรักษาล่าช้า ก็อาจทำให้ท่อนำไข่อุดตัน ตีบ หรือเกิดพังผืด ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก