รีวิว หู ฟัง Work from Home

การทำงานแบบ Work from home คงจะกลายมาเป็นวิถีชีวิตแนวใหม่ของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะครับ แถมการสื่อสารและการประชุมระหว่างเพื่อนร่วมงานก็ยังคงเป็นเรื่องจำเป็นเช่นเดิม ดังนั้นหูฟังพร้อมไมค์โครโฟนที่ดีจึงสำคัญมากๆ ถ้าเราอยากให้การทำงานนั้นไหลลื่น ไม่ติดขัดในเรื่องการสื่อสารครับ

5 Headphones For WFH Conference

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเซ็ทหูฟังบวกไมค์โครโฟน รวมไปถึงเฮดเซ็ทที่มีความแตกต่างกันถึง 5 แบบ ลองมาดูกันครับว่าคุณเหมาะกับเซ็ทอัพแบบไหนมากกว่ากัน เพราะหูฟังและไมค์โครโฟนไม่ได้จำกัดแค่เอาไปใช้แค่การประชุมหรือทำงานเท่านั้น มันยังสามารถเอาไปใช้ฟังเพื่อความบันเทิงหรือนำไปใช้ร่วมกับกิจกรรมอื่นๆได้เช่นกันครับ

POLY Plantronics Voyager 5200 UC

จุดเด่น 

• เฮดเซ็ทไร้สายทำงานด้วยระบบ Bluetooth 5.0
• ไมค์โครโฟน 4 จุดพร้อมระบบ DSP ลดเสียงรบกวนและเสียงลมได้
• มี USB Dongle ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ รองรับแอพพลิเคชั่นหลากหลาย

ถ้าเน้นการทำงานเป็นหลักจริงๆ ไม่ต้องการความสามารถในการฟังเพลงล่ะก็ Voyager 5200 UC เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆครับ เพราะความสะดวกและคล่องตัวในการทำงานของเฮดเซ็ทประเภทนี้จะมีสูงมาก เนื่องจากสวมใส่เพียงข้างเดียว จึงสะดวกทั้งการทำงานนั่งโต๊ะ รวมไปถึงผู้ที่เป็น Supervisor ที่ต้องคอยโค้ชลูกทีมจำเป็นต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา หูฟังลักษณะนี้จะสะดวกในการใช้งานมากๆครับ

ข้อดีอีกอย่างของ Voyager 5200 UC คือใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็ปเลท รวมถึงคอมพิวเตอร์ทุกประเภทเพราะมี USB Dongle มาให้ แถมทาง Plantronics ยังออกแบบให้รองรับกับแอพพลิเคชั่นการสื่อสารที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น มาตราฐาน Certified for Microsoft Teams หรือจะเป็น Skype, Zoom, Google Meet และอีกมากมายครับ

POLY Plantronics Voyager 4220 UC

จุดเด่น 

• เฮดเซ็ทไร้สายแบบ On-Ear ทำงานด้วยระบบ Bluetooth 5.0
• ไมค์โครโฟนแบบ Dual พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน สามารถพับเก็บได้
• มี USB Dongle ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ รองรับแอพพลิเคชั่นหลากหลาย

ถ้าต้องการระบบสเตอริโอที่สมบูรณแบบยิ่งขึ้นล่ะก็ สามารถขยับขึ้นมาที่รุ่น Voyager 4220 UC แทนได้ครับ ถึงแม้ว่า Voyager 5200 UC จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้นครับ ส่วนของไมค์โครโฟนก็มีคุณภาพเสียงที่ดี ตัดเสียงรบกวนได้ และยังสามารถพับเก็บได้เมื่อเราไม่ได้ใช้งานครับ พอคุญงานเสร็จแล้วก็สามารถพับไมค์เก็บนั่งฟังเพลงต่อได้ชิลๆครับ

ตัวหูฟังสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และใช้ USB Dongle ครับ คุณสมบัติที่ดีอีกอย่างของ Voyager 4220 UC คือสามารถเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่นเราเชื่อมต่อหูฟังไว้กับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB Dongle เพื่อใช้งานกับโปรแกรมอย่าง Zoom และยังเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้พร้อมๆกันอีกด้วยครับ

EPOS | SENNHEISER ADAPT 563

จุดเด่น

• เฮดเซ็ทไร้สายแบบ Over-Ear ทำงานด้วยระบบ Bluetooth 5.0
• มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling
• เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์และสามารถสลับการใช้งานได้ด้วยปุ่มเดียว

หูฟัง Over-Ear แบบ SENNHEISER ADAPT 563 จะตอบโจทย์เรื่องคุณภาพเสียงได้ดีที่สุดครับ ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ครอบทั้งใบหูทำให้สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี แต่ ADAPT 563 นั้นมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling มาให้ด้วย เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการสมาธิในการทำงานสูง หรือจำเป็นต้องทำงานหรือประชุมนอกสถานที่ การมีระบบตัดเสียงรบกวนจะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ทำงานได้เป็นอย่างดีครับ

ADAPT 563 ยังมีลูกเล่นเจ๋งๆอย่าง ระบบ EPOS Voice หรือ Talk Through ที่ช่วยให้เราได้ยินเสียงรอบข้างหรือพูดคุยกับคู่สนทนาได้ทันทีโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกครับ ทำให้การใช้งาน ADAPT 563 นั้นมีความสะดวกสบายมากๆ

ส่วนของไมค์โครโฟนระบบ 2 beamforming MEMS สามารถตอบสนองเสียงพูดได้เป็นอย่างดี ส่วนของก้านไมค์โครโฟนยังสามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน และเมื่อเราพับไมค์เก็บขึ้นไปก็จะเป็นการ mute เสียงจากไมค์โดยอัตโนมัติอีกด้วยครับ

Beyerdynamic DT990 Pro + FOX

จุดเด่น

• หูฟังฟูลไซส์ Reference ระดับ Audiophile
• ไมค์โครโฟนแบบ USB Condenser ตอบสนองรายละเอียดได้สูงถึง 24-bit/96 kHz
• ได้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทั้งภาคการฟังและเสียงพูดของเราที่ชัดเจนสุดๆ

ชุดแฮปปี้มีลสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นเลิศในคุณภาพเสียงทั้งตัวหูฟังและไมค์โครโฟนครับ ข้อดีของชุดนี้คือคุณจะได้ยินเสียงอย่างชัดเจนและได้คุณภาพเสียงที่ดีมากจากหูฟัง Beyerdynamic DT990 Pro (แต่จำเป็นต้องพึ่ง DAC-Amp ที่มีคุณภาพเช่นกันนะครับ) รวมถึงเสียงพูดของเราจะคมชัดสุดๆ ด้วยไมค์โครโฟน Condenser ประสิทธิภาพสูงเกรดเดียวกับที่ใช้งานในสตูดิโออย่าง Beyerdynamic FOX ครับ

ข้อเสียของชุดนี้ก็จะอยู่ที่ความยุ่งยากในการใช้งานที่มากกว่าเฮดเซ็ทสำหรับงาน Conference เพราะจำเป็นต้องพึ่ง DAC-Amp สำหรับหูฟังและต้องเชื่อมต่อไมค์โครโฟนเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB ทำให้ไม่สะดวกในการจะเคลื่อนย้ายไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ หรือการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนครับ

แต่ถ้าใครจะเผื่อหูฟังเอาไปใช้ฟังเพลงหรือเอาไมค์โครโฟนเอาใช้ทำเพลง, สร้างคอนเทนต์รวมไปถึงการทำไลฟ์สตรีมล่ะก็ หูฟังและไมค์ชุดนี้เป็นทีเด็ดที่น่าใช้มากๆครับ เหมาะสำหรับชาว WFH ที่มีไซด์โปรเจ็คเยอะๆ รับรองว่าบันเทิงกว่าเฮดเซ็ททั่วไปแน่นอนครับ

Sony WF-1000XM4

จุดเด่น

• สุดของหูฟัง True Wireless ที่กะทัดรัดและให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม
• ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ที่มาเป็นอันดับหนึ่งของวงการ
• ไมค์โครโฟน Beamforming รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบเซนเซอร์ Bone Conduction ทำให้เสียงชัดกว่าเดิม

หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! เจ้า Sony WF-1000XM4 มันเป็นหูฟังสำหรับใช้งาน Conference กับเค้าด้วยหรอ? แน่นอนว่า WF-1000XM4 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่องานประชุมสายโดยตรงครับ เแต่ถูกผลิตมาเพื่องานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะ ยิ่งในหมู่หูฟัง TWS แล้วล่ะก็ WF-1000XM4 ยังเป็นหูฟังระบบ Active Noise Cancelling ที่ดีที่สุดในวงการตอนนี้เลยล่ะครับ

ด้วยความยอดเยี่ยมของระบบตัดเสียงรบกวนทำให้เราสามารถนำ WF-1000XM4 มาประยุกต์ใช้ในการทำงานหรือการประชุมออนไลน์ได้เช่นเดียวกันครับ ส่วนของไมค์โครโฟนก็เป็นอีกจุดที่หลายสำนักรีวิวต่างยกนิ้วให้ ถือว่าใช้งานในการสื่อสารได้ดีระดับนึงเลยล่ะครับ

โดยรวมของ Sony WF-1000XM4 ถือว่าสามารถใช้งาน Conference Call ได้ดีในระดับนึงเลยล่ะครับ ส่วนของไมค์โครโฟนอาจจะตอบสนองได้ไม่เท่ากับเฮ็ดเซ็ทเฉพาะทางอย่าง Plantronics หรือ Sennheiser แต่ถ้าใครมีงบซื้อหูฟังคุณภาพดีได้แค่ชุดเดียว การที่จะประยุกต์เอา Sony WF-1000XM4 มาใช้ทั้งฟังเพลง ทั้งทำงานก็ไม่ได้ผิดแต่อย่างใดครับ

ลองเลือกกันดูนะครับว่าลักษณะการทำงานหรือความถนัดในการใช้งานของเรานั้นเหมาะกับชุดหูฟังแบบไหนมากที่สุดครับ จากตัวอย่างหูฟังทั้ง 5 ประเภทน่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่าแต่ละแบบมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไรบ้าง ถ้าเอารูปแบบหูฟังเหล่านี้ไปเช็คดู รับรองว่าการเลือกหูฟังสำหรับการประชุม WFH ไม่ยากแน่นอนครับ