ถ้าออกจากงานจะมีรายได้อะไรบ้าง และเราจะยื่นภาษีอย่างไร? 1.การลาออกโดยสมัครใจ
2. ถูกบังคับให้ออก หรือให้ออกโดยลูกจ้างไม่สมัครใจ
3.กรณีถอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ไม่ได้ลาออกจากงาน) ให้นำเงินได้เฉพาะส่วนผลประโยชน์ของตนเอง ส่วนของนายจ้าง และผลประโยชน์ของนายจ้าง ยื่นรวมกับเงินเดือนที่ได้รับ ยื่นในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ตามมาตรา 40(1) เงินเดือน ค่าจ้างแรงงาน และไม่มีสิทธิคำนวณเงินได้แยกต่างหากในใบแนบเงินได้เหตุออกจากงานฯ เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ กรณีออกจากงาน
ที่มา: www.rd.go.th กองทุนสำรองสำรองเลี้ยงชีพ เป็นหนึ่งสวัสดิการของพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไป เพื่อเป็นเงินไว้ใช้หลังเกษียณ แต่เราอาจจะย้ายที่ทำงานใหม่หรือลาออกไปทำงานอิสระ เมื่อเราลาออกจากงานก็จะทำให้เราจำเป็นต้องลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปด้วย และหากการลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนอายุ 55 ปีหรือตอนที่ยังทำงานไม่ครบ 5 ปีนั้น จะต้องเอาเงินที่ได้ไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย การออกจากงานมีหลายแบบ เช่น ออกจากที่เก่าแล้วย้ายไปทำที่ใหม่ หรือออกเนื่องจากการเกษียณอายุ วันที่เราลาออกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคืออายุ ณ วันที่ออกจากงานทั้งอายุงานและอายุตัวเราซึ่งแต่ละกรณี เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีเงื่อนไขการเสียภาษีต่างๆ กัน ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อน ว่ากองทุนนี้มีการแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน คือ 1. เงินสะสมส่วนของตนเอง (ได้รับการยกเว้นภาษี) 2. เงินสมทบส่วนของนายจ้าง 3. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง 4. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงขีพและต้องคำนึงเรื่องการนำมารวมคำนวณภาษีสิ้นปีเฉพาะเงิน 3 ส่วนหลัง คือ เงินสมทบส่วนของนายจ้าง, เงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง และเงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง (สำหรับเงินสะสมในส่วนของตัวเอง จะได้รับการยกเว้นภาษี) เมื่อออกจากงาน เราจะต้องดูอายุงาน และอายุตัวเราว่าเท่าไหร่บ้าง กรณีที่ 1 ทำงาน 5 ปีขึ้นไปและอายุ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะยกเว้นการเสียภาษีเงินได้ทั้งจำนวน (ต้องครบเงื่อนไขทั้ง 2 อย่างนะคะ คือทั้งอายุงานและอายุตัวเอง) กรณีที่ 2 อายุงานถึง 5 ปี (แต่อายุตัวเรายังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์) มีสิทธิเสียภาษีในรูปแบบใบแนบฯ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้สามารถหักค่าใช้จ่ายกรณีพิเศษทำให้มักมีภาระภาษีต่ำกว่าภาษีรูปแบบปกติ คือ หักค่าใช้จ่าย 7,000 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน + เงินได้ – 7,000 คูณจำนวนปีที่ทำงาน หารด้วย 2 แล้วค่อยนำตัวเลขหลังหักภาษีมาคำนวณตามอัตราก้าวหน้า กรณีที่ 3 อายุงานไม่ถึง 5 ปี(ไม่ว่าอายุตัวเราจะเท่าไหร่ก็ตาม) ก็ จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ คือต้องนำเงินทั้งหมดไปเสียภาษีตามแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยเงินนี้ถือเป็นเงินได้ 40(1) และยื่นเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ในกรณีที่ 3 นี้ หากยังไม่ต้องการนำเงินกองทุนนี้มาใช้จ่าย หรืออยากให้เงินก้อนนี้เปลี่ยนเป็นเงินที่ไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง เราจะยังไม่รับเงินมาและสามารถรับสิทธิ์การยกเว้นภาษีได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ 3.1 พักไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนมีอายุงานถึง 5 ปีและมีอายุตัวเอง 55 ปีบริบูรณ์ค่อยนำออกมาใช้ ก็จะได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษี 3.2 หากเราย้ายที่ทำงาน เราสามารถโอนเงินนี้ไปที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้างคนใหม่ และนับอายุการทำงานต่อจากที่ทำงานเดิมต่อไปได้ 3.3 โอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไปเป็นกองทุน RMF ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วใช้เงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ RMF ในการยกเว้นภาษีต่อไป ตัวอย่าง หากเราทำงานมาแล้ว 10 ปี และลาออกเมื่อมีอายุ 50 ปี พร้อมกับนำเงินออกจากกองทุนเพื่อใช้จ่าย โดยได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยเงินสะสมของตัวเอง 300,000 และได้รับเงินสมทบของนายจ้าง, เงินผลประโยชน์ทั้งส่วนของตัวเองและเงินผลประโยชน์ส่วนของเงินสมทบจากนายจ้าง รวมเป็นเงิน 500,000 บาท เราจะคำนวณเสียภาษีอย่างไร วิธีคำนวณภาษี เงินที่ได้ทั้งหมดเป็นฐานในการคำนวณภาษีนับจาก 3 ส่วนคือ เงินสมทบของนายจ้าง, เงินผลประโยชน์ทั้งส่วนของตัวเองและเงินผลประโยชน์ส่วนของเงินสมทบจากนายจ้าง รวมเป็นเงิน 500,000 บาท หักค่าใช้จ่ายกรณีพิเศษ - ค่าใช้จ่ายส่วนแรก 7,000 คูณจำนวนปีที่ทำงาน = 7,000 x 10 = 70,000 นำค่าใช้จ่ายทั้ง 2 ส่วนมารวมกัน 70,000 + 215,000 = 285,000 นำเงินได้มาหักค่าใช้จ่ายที่คำนวณได้ = 500,000 – 285,000 = 215,000 215,000 คือยอดเงินได้หลังหักภาษีกรณีพิเศษตามใบแนบ ที่จะต้องนำไปคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้าของการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี เช่น ปี 2561 (ยื่น ปี 2562) เงินได้ 300,000 แรก เสียภาษีอัตรา 5% ยอดเงินภาษีคือ 215,000 x 5% = 10,750 บาท ตอบ เงินได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 500,000 บาท เสียภาษี 10,750 บาท เมื่อเข้าใจวิธีเสียภาษีแบบนี้แล้ว ถ้ากำลังคิดจะลาออกจากงานหรือต้องการเอาเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาใช้ ก็ลองคิดดี ๆ นะคะ ว่าจะเลือกได้เงินใช้เร็วแต่ต้องเสียภาษีหรือจะคงเงินไว้ที่กองทุนหรือจะย้ายไปกองทุนใหม่และเก็บเงินนี้ไว้ใช้ยามแก่พร้อมกับได้รับการยกเว้นภาษีด้วย อันไหนจะคุ้มกว่ากัน เขียนโดย ณภัชชา พงศ์วัฒนกิจกุล ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™ หากใครมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติม ติดต่อ และ ติดตามอัพเดตเรื่องน่ารู้ทางการเงินกับพี่แผน ได้ทาง วางแผน.com
(wangpaan.com) อย่าลืมกด Like, Follow และ Subscript จะได้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญจากพี่แผนนะครับ |