ธรรมศาสตร์ จัดงาน “วันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2562” เพื่อรำลึกถึงคุณูปการ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ พร้อมเปิดเวทีเสวนา “อนาคตการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง” วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ.2562 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน “วันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2562” เพื่อรำลึกถึงคุณูปการ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา โดยช่วงเช้ามีพิธีวางพานพุ่มเพื่อรำลึกถึงเกียรติคุณศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ณ ลานอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมี รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยผู้นำองค์กรภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงานและความหมายของงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ว่า ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นปูชนียบุคคล มิใช่เพียงแค่ของคณะนิติศาสตร์ หากเป็นปูชนียบุคคลของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน และด้วยตำแหน่งรับผิดชอบสูงสุด ในทุกด้านที่ท่านทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นในฝ่ายบริหาร คือนายกรัฐมนตรี ในฝ่ายตุลาการซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุด คือประธานศาลฎีกา และในฐานะ ประธานองคมนตรีผู้ถวายงานต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ จึงเป็นปูชนียบุคคลของคนไทยทั้งปวงด้วย แต่ความเคารพนับถือที่ผู้คนมีต่อท่านนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะตำแหน่งหน้าที่ของท่าน หากแต่เป็นเพราะการปฏิบัติตนของท่านที่ได้แสดงให้เห็นถึงคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และการคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ท่านจึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้คนเสมอมาดังนั้นการมาวางพานพุ่มต่ออนุสาวรีย์ของท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ในวันนี้ มิได้มีความหมายแค่เพียงการมาร่วมกันรำลึกถึงหรือมายกย่องในตัวท่านปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น หากแต่เป็นการยกย่องต่อคุณค่าและความดีงามที่ท่านได้กระทำไว้ตลอดชีวิตของท่าน เพื่อทำให้คุณธรรมความดีที่ท่านได้ทำอยู่ในสังคมไทยไปตลอดกาล สำหรับปีนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลนักศึกษากฎหมายดีเด่น ได้แก่ น.ส.กนกรัตน์ ธรรมพนิชวัฒน์ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรางวัลเรียนดี “ธรรมศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์” ได้แก่ นายพชร วัฒนสกลพันธุ์ ได้คะแนนสูงสุด 87.93 % นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี ศ.พิเศษ อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล นายพชร วัฒนสกลพันธุ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ได้รับรางวัลเรียนดี “ธรรมศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์” กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะเป็นรางวัลที่มีเกียรติมากสำหรับนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ และก็ตั้งใจว่าอยากจะเป็นนักกฎหมายที่ดีต่อไปในอนาคตครับ” นอกจากนี้ในงานยังได้จัดเวทีเสวนา “อนาคตการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง” โดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงมณี เลาวกุล ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ณ ห้อง SC 3005 ชั้น 3 อาคารเรียนรวมกลุ่มสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า การเมืองไทยในขณะนี้ยังไม่ถึงทางตัน แต่ทุกคนควรเดินหน้าตามกติการะบอบประชาธิปไตย เคารพใน 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากออกมาลงคะแนนอย่างเสรี เรียกว่าเป็นยุค Smart Democracy อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.ปริญญา แสดงความเป็นห่วงวิธีการคำนวณผลคะแนนจากการเลือกตั้ง เพราะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลแต่ละฝ่าย ดังนั้น แนวทางของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงต้องมีความเที่ยงธรรม ไม่เลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า อนาคตการเมืองไทยยังคงมีปัญหาเสถียรภาพและความไม่แน่นอน ภาวะสุญญากาศที่ยืดเยื้อไปถึงเดือนมิถุนายน 2562 จะไม่เป็นผลดีต่อการเป็นประธานการประชุมอาเซียน และตัวแทนประชุม G20 ซึ่งนานาชาติต้องการเห็นผู้นำไทยที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหาร นอกจากนี้ยังอยากให้มองการเมืองด้วยความหวังและความอดทน เชื่อว่ามีอนาคตเสมอ เพราะขณะนี้เราเห็นด้านบวกคือความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่และคนในชนบท ส่วนใหญ่ก้าวข้ามปัญหาสีเสื้อแล้ว ถึงเวลาที่ควรก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ด้าน ศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือภาวะวิกฤตของคำว่า “ถูกกติกาแต่ไม่ชอบธรรม” หลักนิติรัฐ นิติธรรมอาจถูกกัดกร่อนจนมีผลเสียระยะยาวจากปัญหาต่าง ๆ จึงอยากเห็นทุกคนเคารพกติกา ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นรัฐบาลแล้วต้องให้สิทธิเสรีภาพประชาชน ปล่อยกลไกตรวจสอบทำงาน และทบทวนว่าระบบบัตรลงคะแนนใบเดียวมีความเหมาะสมหรือไม่ สังคมไทยต้องมีความหวัง มีอนาคตร่วมกัน การเลือกตั้งคือทางออกของประเทศ เมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้วสุดท้ายปลายทางคือต้องแก้ไขโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่ยังมีความเหลื่อมล้ำให้ได้ ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นจากศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน คณาจารย์ และประชาคมธรรมศาสตร์ที่มาร่วมรำลึกถึงอาจารย์สัญญา ธรรมศาสตร์ และการเสวนาก็ได้รับความสนใจจากทั้งบุคคลภายนอกและสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
|