Show
MDs’ LIFE | 5 เรื่องเช็กให้พร้อม สำหรับการ เตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งานหนึ่งในกุญแจสำคัญ ซึ่งจะตัดสินว่าเราจะได้งานที่ตัวเองต้องการทำหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่วันสัมภาษณ์งานนี่แหละครับ เมื่อผ่านด่านส่ง Resume และคุยกันทางโทรศัพท์มาเบื้องต้นแล้วการสัมภาษณ์งานตัวต่อตัวนั้นถือว่าหินที่สุดครับ ซึ่งก็แล้วแต่บริษัทไปว่าเราจะต้องสัมภาษณ์กับหัวหน้างานกี่คน รวมถึงสัมภาษณ์กี่ครั้งจนกว่าผ่านสัมภาษณ์รอบ Final มาดูกันดีกว่าครับว่า 5 เรื่องที่ MenDetails อยากให้ทุกคน
เตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งาน ให้พร้อมนั้นมีอะไรกันบ้าง ก่อนวันสัมภาษณ์ควรจะเช็กเอกสารที่ต้องนำไปด้วยวันสัมภาษณ์ให้ดีว่าเตรียมพร้อมครบแล้วหรือไม่ ตัวอย่างเอกสาร เช่น Resume (แม้ทางบริษัทอาจจะได้รับอีเมลจากเราไปแล้ว แต่ก็แนะนำให้เตรียมไปเผื่อ), ใบสมัครงานที่กรอกข้อมูลแล้ว, เอกสารรับรองต่าง ๆ อย่างใบสอบวัดระดับภาษา ใบ Certificate เมื่อจบคอร์สการเรียนที่หนึ่ง เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางบริษัทที่เราสมัครงานด้วยครับว่ามีระบุไว้ไหมว่าต้องการเอกสารอะไรบ้างในวันนัดสัมภาษณ์งาน ควรจะเช็กลิสต์ให้ครบ ปริ้นท์ออกมาเป็น Hard Copy และจัดเรียงใส่แฟ้มให้เรียบร้อยครับ หากเป็นเอกสารที่มีตัวจริงและสำเนา แนะนำให้เอาติดไปทั้งคู่นะครับ เพราะบางที่ ยกตัวอย่าง กรณีการสมัครลูกเรือของแอร์ไลน์ จะต้องยื่นเอกสารผลการสอบเป็นตัวจริงเท่านั้น
วันสัมภาษณ์เตรียม Notebook หรือ Tablet ไปด้วย เพราะในกรณีที่เป็นอาชีพที่ทางบริษัทต้องการดูผลงานภาพเคลื่อนไหว เช่น งานตัดต่อ งานวิดีโอ ก็จะได้สามารถเปิดให้ผู้สัมภาษณ์ดูพร้อมอธิบายไปในวันสัมภาษณ์ได้ครับ เช็กข้อมูล ทำความเข้าใจองค์กรและตำแหน่งที่จะเข้าไปทำงานต่อมาสิ่งที่ต้อง เตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งาน คือ ทำความเข้าใจตัวองค์กร บริษัทที่เราไปสมัครงาน รวมถึงตำแหน่งที่เรายื่น Resume ไปให้ดีครับ บริษัททำเกี่ยวกับอะไร มีรายละเอียดอย่างไร คู่แข่งในตลาดเป็นใคร Vision ของผู้บริหารหรือเจ้าของ ไปจนถึงแนวทางการดำเนินงานที่เป็นหัวใจหลักของบริษัทนั้น ๆ
นอกจากนั้นต้องทำความเข้าใจ Job Description ของตำแหน่งงานที่สมัครไปให้ดีครับ ดูว่าตำแหน่งหน้าที่นี้มีสโคบการรับผิดชอบงานอย่างไรบ้าง และหากมีจุดไหนเกี่ยวกับตำแหน่งงานแล้วไม่แน่ใจ เช่น งานส่วนนั้นส่วนนี้อยู่ในความรับผิดชอบเราด้วยหรือไม่ มีการประเมินผลงานอย่างไร ให้เก็บเป็นคำถามเอาไว้ในใจ วันสัมภาษณ์จะได้สอบถามทางผู้สัมภาษณ์ให้อธิบายและเข้าใจตรงกันครับ ทำความเข้าใจความเป็นตัวเอง Strength – Weaknessเมื่อเราเข้าใจความเป็นมา วิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งของบริษัทเรียบร้อยแล้ว เราควรนำหลักการนั้นมาใช้กับตัวเองต่อด้วยครับ ทำความเข้าใจความเป็นตัวเองให้เยอะ ๆ ก่อนสัมภาษณ์ควรจะหัดตอบคำถามกับตัวเองเสียหน่อย ฝึกแนะนำตัวและลองตั้งคำถามที่น่าจะได้รับในวันสัมภาษณ์แล้วประเมินดูว่าเราจะตอบคำถามอย่างไร ประเมินจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง และมีการวางแผนจะทำอะไรหากได้ทำงานตำแหน่งนั้น ๆ เมื่อเราเข้าใจตัวเองอย่างดีแล้วจะส่งผลต่อการ Present ตัวเองในวันสัมภาษณ์งานครับ หัวใจของการสัมภาษณ์ คือ ต้อง Present ตัวเองให้เป็น แต่ละอาชีพ แต่ละตำแหน่งงานมีจุดเด่นที่ต้องชูต่างกันไป บางตำแหน่งอาจต้องการคนที่มี Leadership สูง บางตำแหน่งอาจต้องการคนที่มีความเป็น Team Worker สูง เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของอาชีพและตำแหน่งงานที่จะสมัครอย่างดี เราก็จะชูจุดแข็งของเราให้สอดคล้องกับสิ่งที่บริษัทต้องการได้ครับ แต่เวลาให้สัมภาษณ์ ก็ต้องบาลานซ์น้ำหนักดี ๆ เวลาอยากได้งานก็ย่อมมีแต่คนเผยแต่ด้านดี ขายของตัวเองอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ทว่าก็ต้องคิดคำตอบในส่วนของข้อเสียหรือจุดด้อยของเราเอาไว้ด้วยนะครับ สิ่งที่เราอยากแนะนำ คือ อย่าโกหกเรื่องทักษะ ความสามารถ หากขณะสัมภาษณ์ มีคำถามอะไรที่เราไม่เข้าใจขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่เราทำได้ ให้ยอมรับตรง ๆ ครับ เพราะถ้าเริ่มแถคำตอบเมื่อไหร่แล้วผู้ให้สัมภาษณ์จับได้ ตรงส่วนนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเราทั้งหมดไม่น้อยทีเดียว เตรียมเรื่องการแต่งกาย Appearance โดยรวมให้ดูดีมาถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมในเรื่องภาพลักษณ์กันบ้างครับ คงต้องบอกว่ารูปลักษณ์ภาพนอกเป็นด่านแรก ๆ ที่จะสามารถเรียกความประทับใจจากผู้เรียกสัมภาษณ์ได้เลยทีเดียว นอกจากเรื่องการแต่งกายที่ควรจะแต่งไปให้เหมาะสมแล้วก็ยังมีเรื่องการโกนหนวด เซ็ตผมทำให้ลุคออกมาดูสะอ้านสะอ้านอีกด้วยครับ ซึ่งบริษัทแต่ละประเภทก็มีระดับความ Formal ในการแต่งกายที่แตกต่างกันไป หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ยกตัวอย่างเช่น การสมัครเข้าทำงานบริษัทแมกาซีนแฟชั่นในตำแหน่ง Digital Writer กับการสมัครงาน Agency ในตำแหน่ง Account Executive (AE) และเทียบกับงานบริษัทในตำแหน่ง Marketing ชุดที่ควรจะใส่ไปในวันสัมภาษณ์ก็คงจะแตกต่างกันในระดับหนึ่งครับ
อย่างบริษัทที่เกี่ยวกับแฟชั่น เราควรใช้การแต่งกายเป็นหนึ่งในวิธี Present ตัวเองด้วยว่าเรามีความเข้าใจและเซนส์ในเรื่องแฟชั่นอย่างไร แต่ระวังอย่าให้ดูเยอะจนเกินไปด้วยครับ ส่วนบริษัทเอเจนซี่ที่สมัครเป็น AE อาจจะแต่งลุคแนว Smart Casual ที่ดูน่าเชื่อถือแต่ก็ให้ลุคที่ดูคล่องแคล่ว ทันสมัยอยู่ครับ ในขณะที่ถ้าเป็นงานบริษัทงานออฟฟิศก็เลือกเป็นชุดทางการกว่าอย่างเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแลคสีสุภาพ เป็นต้น ในส่วนรองเท้าควรจะเลือกเป็น Dress Shoe ครับ เช็กสถานที่นัดสัมภาษณ์ ก่อนถึงวันต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันสัมภาษณ์อย่าลืมรีเช็กสถานที่นัดสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง บางบริษัทก็นัดที่ออฟฟิศบริษัทเลย บางบริษัทก็นัดสัมภาษณ์ข้างนอกครับ ตรวจสอบว่าสถานที่นั้นตรงอยู่ส่วนไหน และมีวิธีการเดินทางอย่างไรบ้าง ประเมินเวลาด้วยว่าหากขับรถไปเองจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ ถ้าเป็นการเดินทางสาธารณะจะใช้เวลาเท่าไหร่และกี่ต่อครับ ซึ่งในส่วนของเวลา หากเป็นการนัดสัมภาษณ์ในกรุงเทพก็ต้องเผื่อเวลารถติดเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะการจราจรในกรุงเทพนั้นคาดการณ์ได้ลำบาก ที่สำคัญควรไปให้ถึงก่อนเวลาสัก 10 – 15 นาที ไปเตรียมตัวไว้ก่อนครับ และก่อนวันสัมภาษณ์ควรพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขภาพให้ดีด้วยครับ หากป่วยในวันสัมภาษณ์อาจทำให้เราดึงประสิทธิภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ คิดคำตอบไม่ทันครับ ทั้งหมดนี้คือ 5 เรื่องที่เราอยากให้ทุกคนเช็กให้พร้อมก่อนวันไปสัมภาษณ์งานครับ ควรเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องข้อมูล เอกสาร และความพร้อมในด้านร่างกายของตัวเองให้ครบทุกด้านนะครับ และสุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้การสัมภาษณ์เป็นได้ด้วยดี คือ ตอบคำถามสัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจและพยายามดึงศักยภาพ ดึงของที่ตัวเองมีออกมาโชว์ให้เห็นครับ Related Topics
You May Also Like |