รายละเอียดคอร์สสติปัฏฐานเป็นทางสายเอก และเป็นทางสายเดียวที่ทำให้ผู้ดำเนินตามทางนี้ ถึงความบริสุทธิ์ หมดจดต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพราะ “หนทางนี้เป็นหนทางเอก เพื่อความบริสุทธิ์ หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความก้าวล่วงเสียได้ด้วยความโศกและความร่ำไร เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน” Show Learning Outcomesรู้จักวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ กาย เวทนา จิต ธรรม แนวทางปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 Active Learning ตามแนวสติปัฏฐาน4 ผู้เขียน
พระครูใบฏีกาจักรวาล สุเมโธหัวหน้าสงฆ์ (ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทรายมูล) พระสอนศีลธรรมต้นแบบ รุ่นที่ ๑ จากสำนักงานพระสอนศีลธรรม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 4 บทเรียนคอลเลคชั่นคอร์สที่เรียนจบแล้ว:
สํานักงานพระสอนศีลธรรม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย7 courses ทักษะที่ฉันพัฒนาให้เด็กได้ภาพรวมหลักสูตรTopicเข้าร่วมเป็นสมาชิก Starfish Labzการสมัครขอรับบัญชีผู้ใช้งานระบบชุมชนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ออนไลน์ (Starfish Labz) ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง ลงทะเบียน ประโยชน์ของการกำหนด ๑. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ( ขณิกสมาธิ ) ๒. เกิดสติสัมปชัญญะละอัตตาตัวตน ๓. สั่งสมเหตุปัจจัย เพื่อเว้นไกลจากกิเลส ๔. รู้ถ้วนทั่วอย่างวิเศษ ในปัจจุบันขณะ ๕. ละความเกียจคร้าน สะสมญาณหยั่งรู้ ๖. กอบกู้อิสรภาพกำหราบกิเลส ประโยชน์ของการนั่ง กำหนด ( สมาธิ ) ๑. จิตตั้งมั่น และเป็นสมาธิได้ง่าย ๒. สภาวธรรมปรากฏค่อนข้างชัดเจน ๓. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชัดเจน ๔. เป็นอิริยาบถที่อื้อต่อการบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้มากกว่าอิริยาบถอื่น ๆ ๕. เป็นอิริยาบถที่รวมความพร้อม เพื่อการบรรลุธรรมในขั้นต่าง ๆ กระทั่งสูงสุด ประโยชน์ของการยืนกำหนด ๑. ทำให้การกำหนดเกิดความต่อเนื่องกัน ๒. จิตเป็นสมาธิได้ค่อนข้างง่าย ๓. ทุกขเวทนามีน้อย ใช้พื้นที่น้อยในการกำหนด ๔. ทำลายบัญญัติของรูปยืน เป็นสภาพรู้อาการ ๕. ทำให้เข้าใจสภาพของเหตุปัจจัย อันอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ประโยชน์ของการเดินจงกรม ๕ ประการ ๑. อดทนต่อการเดินทางไกล ๒. อดทนต่อการกระทำความเพียร ๓. ช่วยย่อยอาหาร ๔. ช่วยขับลมออกจากตน ๕. ทำสมาธิให้ดียิ่งขึ้น ประโยชน์ของการกำหนดอิริยาบถย่อย ๑. ปิดช่องว่างการกำหนด ในอิริยาบถอื่น ๆ ๒. ทำให้การกำหนดมีความต่อเนื่องไม่ขาดสาย ๓. วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เกื้อกูลกันค่อนข้างมาก ๔. ส่งเสริมให้อินทรีย์ ๕ เท่ากัน ( สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ) ๕. มีความรอบคอบ ไม่หลงลืม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในด้านอื่น ๆ ด้วย ประโยชน์ของการนอนกำหนด ๑. ช่วยให้หลับง่าย เพราะไม่กังวล ๒. จิตเป็นสมาธิได้ง่าย ๓. เป็นการพักผ่อน และเป็นการเชื่อมโยงอิริยาบถอื่น ๆให้สม่ำเสมอ ข้อที่ควรระวัง - ถีนมิทธะ ความง่วงเหงา หาวนอน เซื่องซึม เกิดขึ้นได้ง่าย - ไม่ควรนอนมากเกินไปสำหรับผู้มุ่งปฏิบัติจริง ๆ อย่างมากไม่ควรเกิน ๖ ชั่วโมง - ความเกียจคร้านเกิดขึ้นได้ง่าย อย่าเห็นแก่นอนเกินไป - นักปฏิบัติที่มุ่งความสุขสงบในชีวิตต้องการหลับพักผ่อน ไม่ต้องตั้งใจกำหนดมาก อานิสงส์การปฏิบัติวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ๑. ทำให้สุขภาพทางร่างกาย และจิตใจดีขึ้น ๒. ทำให้จิตใจเบิกบาน เอิบอิ่ม แช่มชื่น ๓. ความวิตกกังวล และความเครียดลดลงอย่างมาก ๔. เป็นผู้มีสติรู้เท่าทัน มีความผิดพลาดน้อย ๕. มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ดีขึ้น ๖. ไม่ตกใจกลัว เพราะเจริญสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ ๗. มีความกล้าหาญ ในการกระทำคุณงามความดีอย่างสม่ำเสมอไม่ท้อถอยเบือหน่าย ๘. ความยึดมั่นถือมั่นลดลง เพราะเข้าใจในสภาพที่แท้จริงของชีวิต ( ขันธ์ ๕ ) ๙. สามารถทำลายความโลภ ( อภิชฌา ) ความโกรธ ( โทมนัส ) ให้ลดลงหรือหมดไปได้ ๑๐. ชื่อว่าเป็นเตรียมความพร้อม และได้สะสมเหตุปัจจัย เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจ ๔ อันจะนำไปสู่การบรรลุ มรรค ผล นิพพาน ซึ่งเป็นที่สิ้นไปแห่งกิเลส ( ความยึดมั่นถือมั่นด้วยโมหะ) และกองทุกข์ทั้งมวล ได้ในปัจจุบันชาตินี้ หรือถ้าผู้ปฏิบัติกระทำอย่างต่อเนื่อง จะไม่เกิน ๗ ปี เป็นอย่างช้าควรจะได้บรรลุ อริยมรรค อริยผลอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ดังพระพุทธพจน์ที่ปรากฏอยู่ในท้ายสติปัฏฐานสูตร คัมภีร์มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ( ๑๒/๑๐๓ -๑๒๗ )มีเนื้อความโดยสังเขป ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๗ ปีจงยกไว้ ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ ดังกล่าวมานั้น ตลอด ๖ ปี ผู้นั้นพึงหวังได้ซึ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่าง คือ บรรลุพระอรหันต์ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็บรรลุความเป็นอนาคามี ในชาติปัจจุบันนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๖ ปีจงยกไว้ ก็ผู้หนึ่งผู้ใด พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ ดังกล่าวมานั้น ตลอด ๕ ปี ผู้นั้นพึงหวังได้ซึ่งผล อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่างคือ บรรลุพระอรหันต์ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็บรรลุความเป็นอนาคามี ในปัจจุบันชาตินี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๕ ปี จงยกไว้... ๔ ปี... ๓ ปี... ๒ ปี... ๑ ปี... ๗ เดือน... ๖ เดือน... ๕ เดือน... ๔ เดือน... ๓ เดือน... ๒ เดือน... ๑ เดือน... จงยกไว้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครึ่งเดือน จงยกไว้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ ดังกล่าวมานั้น ตลอด ๗ วัน ผู้นั้นพึงหวังได้ ซึ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่าง คือ บรรลุพระอรหันต์ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็บรรลุเป็นพระอนาคามี ในชาติปัจจุบันนี้แล เพราะอาศัยคำกล่าวนี้ ตถาตคจึงกล่าวคำ ซึ่งได้กล่าวมาแล้ว (ข้างต้น) นั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อระงับความโศก และความคร่ำครวญ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุอริยมรรค เพื่อแจ้งพระนิพพาน ทางเดียวนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ด้วยประการฉะนี้แลฯ เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ชี้ให้เห็นว่าการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก ทุกคนสามารถกระทำได้ในชีวิตประจำวัน ของแต่ละคนเพียงแต่ให้เรามี สติ สัมปชัญญะ สังเกตอากัปกริยาหรือการเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าท่านจะกำลังกระทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าเป็นคนชั่งสังเกตสติปัญญาก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลา กิเลสตัณหาจะไม่สามารถเข้ามาบงการชีวิตท่าน ให้เป็นไปตามอำนาจของมันได้ ขณะที่ท่านกำหนดอยู่ กุศล (ความดีงาม) ก็เกิดขึ้นในจิตใจอย่างสม่ำเสมอ ความชั่วหรือบาปก็หลีกไป ถ้าหมั่นกำหนดอยู่เสมอๆ เท่ากับว่าเราได้พัฒนาความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป และยังได้ชื่อว่ารักษาความดีเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ปฏิบัติที่มีเวลามาก และสามารถทุ่มเทให้กับปฏิบัติอย่างจริงจัง ขอแนะนำให้เลือกครูบาอาจารย์ ที่ทรงความรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่เคยเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่างจริงจังและต่อเนื่องอย่างน้อย ๑ ปี รวมทั้งเป็นผู้สามารถให้คำปรึกษา และแก้อารมณ์กรรมฐานให้แก่ผู้ปฏิบัติได้ไม่หลงทาง หรือยึดติดในสภาพของอัตตา เลือกสถานที่หรือสำนักปฏิบัติที่เป็นสัปปายะ (สงัดเงียบ ปราศจากเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลา การคมนาคมสะดวก อาหาร และอาคารสถานที่มีความเกื้อกูลแก่ผู้ปฏิบัติตามสมควรแก่อัตภาพ) เมื่อท่านเลือกครูบาอาจารย์ (กัลยาณมิตร) และสถานที่อันเหมาะสมแล้ว ควรทุ่มเทกายใจมุ่งสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำเล่นๆ เพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ (ปัญหา) ไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น ควรทำอย่างตั้งใจ ผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจะเป็นบทพิสูจน์เองว่า ความจริงของโลกและชีวิตคืออะไร มรรค ผล นิพพานมีจริงไหม ความดับไม่เหลือแห่งกิเลสและกองทุกข์เป็นเช่นใด เมื่อท่านปฏิบัติอย่างจริงจัง ท่านจะพบความจริงเช่นที่ว่านั้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปถามใคร คำตอบอยู่ที่การปฏิบัติของท่านเอง ถ้าแน่ใจ และเชื่อมั่นในความสามารถที่มีอยู่ จงลงมือปฏิบัติดูเถิด. |