พระ บูชา สมัย ท ราว ดี

หอพระพนัสบดีถือว่าเป็นแลนด์มาร์คในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ที่ต้องห้ามพลาดไปสักการะพระพนัสบดีเพื่อความเป็นสิริมงคลครับ พระพนัสบดี จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามในประเทศไทยองค์หนึ่ง สร้างจากหินดำเนื้อละเอียด สร้างมาสมัยทวาราวดี อายุเป็นพันปีแล้ว งดงามมาก ทรงขี่พญาครุฑ ค้นพบเกือบร้อยปีมาแล้ว บริเวณพื้นที่อำเภอพนัสนิคม ได้สร้างวิหารพระพนัสบดี ประดิษฐาน สวยงาม มีสระน้ำล้อมรอบ อยู่ใกล้ ที่ว่าการอำเภอพนัสนิคม เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ศักดิ์สิทธิ์ ของชาวพนัสนิคม และประชาชนทั่วไป ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุของชาติ หอพระพนัสบดี 📍https://goo.gl/maps/uhTVmxA3wmZVCbpZ9 #นายท่องเที่ยว

พระพุทธรูปบูชานั่งสมาธิราบ สมัยทวารวดี หน้าตัก 2 นิ้ว สูง 4 นิ้ว เนื้อโลหะสำริดสนิมเขียวหยกปกคลุมทั้งองค์ ศิลปะยุคแรกที่สร้างในบ้านเรานี้เรียกว่า ศิลปะทวาราวดี เชื่อว่ามีอายุกว่า ๑,๓๐๐ ปี เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่สุดของประเทศไทยโดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของอินเดีย พระพุทธรูปศิลปยุคสมัยทวาราวดี มีการแยกออกเป็นสองยุคด้วยกัน คือ ศิลปะทวาราวดียุคต้น และศิลปะทวาราวดียุคปลาย เมื่อเทียบเป็นทางการสากล เริ่มมีการสร้างพระพุทธรูปสมัยทวารวดีครั้งแรก ประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐ ซึ่งได้มีการขุดพบทั่วไปในแถบภาคกลาง ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่า เมืองแหล่งต้นกำเนิดน่าจะอยู่ที่เมืองนครปฐม พระที่พบส่วนใหญ่จะสร้างมาจากเนื้อสัมฤทธิ์ และเนื้อหินแกะพระพุทธศิลปะทวาราวดีนั้นมีช่วงระยะเวลาสร้างกันยาวนานหลายร้อยปี สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖)ลักษณะพระพุทธรูปได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะอินเดียคือ ศิลปะอมราวดี ศิลปะคุปตะ ศิลปะหลังคุปตะ และศิลปะปาละ ที่ มีอิทธิพลมากที่สุดได้แก่ ศิลปะคุปตะ เช่น การครองจีวรห่มคลุม จีวรเรียบไม่มีริ้ว การ ยืนเอียงตนแบบตริภังค์ คือ การยืนเอียงตน ทั้ง ๓ ส่วน ได้แก่ พระอังสา (ไหล่) พระโสณี (สะโพก) และพระชงฆ์ (ขา) ต่อมาได้พัฒนารูปแบบให้เป็นแบบพื้นเมืองมากยิ่งขึ้น เช่น พระพักตร์กลมแป้น พระขนงต่อกันเป็นรูปปีกกา พระนาสิกแบน พระโอษฐ์หนาแบะ พระพุทธรูปประทับยืนตรง ไม่ทำตริภังค์ (ตริภังค์คือเอียงสะโพก) และนิยมแสดงปางวิตรรกะ (ทรงแสดงธรรม) ทั้ง ๒ พระหัตถ์ อันเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นในศิลปะทวารวดีโดยเฉพาะ นอกจากนั้น ยังได้พบพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิ ที่นิยมขัดสมาธิราบอย่างหลวมๆ (พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย เห็นฝ่าพระบาทเพียงด้านเดียว) อันมีที่มาจากอิทธิพลของศิลปะอมราวดี ต่อมามีอิทธิพลของศิลปะปาละเข้ามา เช่น การทำพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชร (การนั่งขัดสมาธิที่เห็นฝ่าพระบาททั้ง ๒ ข้าง) ในช่วงสุดท้ายของศิลปะทวารวดีมีอิทธิพลของศิลปะเขมรเข้ามาปะปนอยู่ด้วย ก่อนที่ศิลปะทวารวดีจะค่อยๆ เสื่อมไป และมีอิทธิพลของศิลปะเขมรเข้ามาแทนที่