งานนำเสนอเรื่อง: "Client / Server Peer to Peer"— ใบสำเนางานนำเสนอ: 1 Client / Server Peer to Peer Show 2 ข้อดี Client / Server Peer to Peer
3 Client / Server ข้อเสีย Peer to Peer - ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอาจลดลงเมื่อจำนวน client เพิ่มสูงขึ้น (เกิดคอขวดที่ Server) - หากserverมีปัญหาจะทำให้ทั้งระบบใช้งานไม่ได้ - ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ 1
ตัวสูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป - จะต้องมีผู้ดูแลที่มีความรู้พอสมควร มาจัดการเซิร์ฟเวอร์เป็นการเฉพาะ - ราคาของระบบปฏิบัติการที่ใช้ใน client/server แพงกว่าระบบปฏิบัติการที่ใช้ในp2p - มีข้อด้อยด้าน security ที่เครื่อง client ที่จำลองตนเองเป็น server เพื่อเปิดให้คนอื่นเข้ามาโหลดข้อมูลได้ อาจถูกแฮก หรือถูกโจมตีจากผู้บุกรุก - ข้อมูลอาจมีไวรัสแอบแฝง - เมื่อจำนวนของผู้ใช้งานมีเพิ่มขึ้นจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการขึ้น - P2P
อาจเป็นเครือข่ายสำหรับกระจายข้อมูลผิดกฎหมายหรือละเมิดลิขสิทธิ์ 4 KaZaa คืออะไร ? KaZaa หรือชื่อเต็มๆ คือ KaZaa Media Desktop เป็นโปรแกรมที่ทำให้คนทั่วโลก สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ประเภท Multimedia บนอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ, รูปภาพ, เพลง, เอกสารต่างๆ
และอะไรอีกมากมายให้คุณได้ทำการค้นหา แล้วทำการเลือก Download ได้ตามพอใจ
5 Application ตัวนี้ ใช้เทคโนโลยี peer to peer ซึ่งหมายความว่า user แต่ละคนสามารถติดต่อกันได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านserver หลักการคือ เมื่อนาย A ได้ทำการติดตั้งโปรแกรม KaZaa และนาย B ก็ทำการติดตั้งโปรแกรม KaZaa เหมือนกัน ไม่ว่าทั้งคู่จะอยู่ห่างไกลกันถึงคนละฟากโลกทั้งคู่ก็สามารถที่จะเข้าไปใน Directory
ที่อนุญาตเอาไว้ของกันและกันเพื่อทำการ แลกเปลี่ยนไฟล์กันได้อย่างอิสรเสรี 6 7
8 โดยปกติ ไฟล์ต่าง ๆ ที่เครื่องเราจะแชร์ให้กับผู้อื่น และไฟล์ที่ได้มาจากการดาวน์โหลด จะถูกเก็บไว้ที่โฟลเดอร์ C:\Program Files|kazaa|My Shared Folder
9 กรณีโดนฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ (KaZaa's legal
issues)
10 กรณีKaZaaฝัง Spyware ลงบนเครื่องของusers 11 สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์และระบบอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันนี้ เชื่อว่าทุกคนต่างก็จะต้องเคยได้ยินหรือรู้จักกับเครือข่ายแบบ P2P ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก Peer to Peer เราสามารถเรียกได้เต็มปากเลยว่า peer to peer คือเครือข่ายสังคมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมและได้เข้ามามีบทบาทในการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ และนับว่าเป็นทางเลือกการใช้งานการแลกเปลี่ยนและสื่อสารที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของบรรดานักท่องอินเทอร์เน็ตทั้งหลายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ผู้คิดค้นเครือข่าย peer to peer คือใคร และมีเอาไว้ทำอะไรเครือข่าย Peer to Peer ถูกคิดค้นกันมาตั้งแต่ปี 1979 ซึ่งมีผู้คิดค้น peer to peer คือ USENET ในยุคแรกเริ่มของอินเทอร์เน็ตถือว่า P2P เป็นสิ่งที่ใหม่และน่าสนใจ ด้วยลักษณะที่คล้ายกับการใช้งานออนไลน์อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันที่เราใช้กัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องง้อการทำงานเก็บข้อมูลและแชร์ทรัพยากรของแม่ข่ายหรือ Server กลาง อย่างที่เรา ๆ ใช้กันใน WWW ที่จะมี Server กลางคอยรับคำสั่งจาก User และก็ทำการตอบสนองผ่าน Web Browser ขึ้นมาเป็นหน้าเว็บไซต์ให้เราได้ใช้งาน แต่เครือข่าย peer to peer คือการทำงานโดยจะให้คอมพิวเตอร์ของแต่ละผู้ใช้ได้ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งข้อมูลในเวลาเดียวกัน peer to peer คือการแบ่งปันการใช้งานเหมาะกับใคร และมีกี่ประเภทสำหรับใครที่กำลังสนใจการใช้งานแบบ Peer to Peer อยู่ สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือว่า peer to peer คือการทำงานในเครือข่ายที่เหมาะกับใครและการทำงานรูปแบบไหน โดยส่วนใหญ่แล้ว P2P จะเหมาะกับเครือข่ายการใช้งานของ Work Group ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ประมาณอยู่ที่หลักสิบถึงหลักร้อย และเป็นการทำงานที่มีทรัพยากรที่ใช้ในการแชร์ไม่มาก อย่างเช่นไฟล์ข้อมูลสำนักงานหรือการใช้ Device อย่าง Printer Fax ซึ่งจะสามารถช่วยประหยัดในเรื่องของการใช้ Server เพื่อจัดเก็บข้อมูลและคำสั่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่มากกว่า โดยปกติแล้ว P2P จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ลำดับที่หนึ่งก็คือ Pure P2P เป็นเครือข่ายที่เปิด Peer โดยตรงโดยไม่มี Server กลาง โดยมีข้อดีตรงที่ความสามารถในการขยายเครือข่ายที่ง่าย ต่อมาที่ Hybrid P2P เป็นเครือข่ายที่มี Sever ทำหน้าที่ควบคุมรายละเอียดต่าง ๆ ของข้อมูล แต่รูปแบบการส่งผ่านข้อมูลก็ยังเป็น P2P แบบเดิมอยู่ข้อดีก็คือความเสถียรและประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า และสุดท้ายกับ Super Peer เครือข่ายที่มีจุดเด่นในการลดเวลาการโหลดข้อมูล การควบคุม Balance ของข้อมูลทำได้ง่าย และสามารถรับมือปัญหาต่าง ๆ ได้ดีกว่า Peer รูปแบบอื่น นับได้ว่า peer to peer คือรูปแบบของการแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสะดวกในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างเครือข่าย Work Group ที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย รวมไปถึงการเป็นเครือข่ายที่ยากต่อการล้มระบบหากมีการจัดการตามหลักและเลือกใช้ระบบ P2P ขั้นสูง ใครสนใจ P2P ก็ลองศึกษาแล้วก็นำไปปรับใช้กันดูได้เลย
|