ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ 1-3) Show ............................................................... 1. ความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม - ด้านศิลปกรรม ได้รับการฟื้นฟูและจัดระบบขึ้นใหม่ จนกลับเจริญรุ่งเรืองเหมือนดังสมัยกรุงศรีอยุธยา จำแนกเป็นแขนงต่างๆ ได้ดังนี้ 1. จิตรกรรม สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นงานด้านจิตรกรรมยังคงคล้ายสมัยอยุธยา เช่นมีการวาดภาพในอาคารที่เป็นพระอุโบสถ หรือวิหาร มักจะวาดภาพเทพชุมนุม แต่การใช้สีจะสดและเข้มกว่าสมัยอยุธยา จิตรกรรมฝาผนังรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่ลักษณะทางศิลปะมีศิลปะแบบจีนเข้ามาปนบ้าง มีจิตรกรฝีมือเอกคือ หลวงวิจิตรเจษฎาหรือครูทองอยู่ หรือที่เรียกกันว่า "คงแป๊ะ" มีฝีมือเยี่ยมมาก เช่น ภาพจิตรกรรมที่วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม 2. ประติมากรรม ประติมากรรมที่เยี่ยมที่สุดในสมัยนี้ ได้แก่ ผลงานประติมากรรมทางด้านแกะสลัก เช่น ฝีพระหัตถ์การแกะสลักบานประตูพระวิหารพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศน์เทพวราราม ของรัชกาลที่ 2 (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ) ด้านการหล่อมีน้อนเนื่องจากประชาชนไม่นิยมหล่อพระพุทธรูปเช่นสมัยอยุธยา 3. สถาปัตยกรรม ได้เจริญรอยตามแบบอยุธยาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ 1 และสมัยรัชกาลที่ 2 สถาปัตยกรรมที่สร้างอย่างประณีตงดงาม เช่น พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดประจำรัชกาลที่1) วัดอรุณราชวราราม (วัดประจำรัชกาลที่ 2) วัดราชโอรสาราม (วัดประจำรัชกาลที่ 3) ส่วนการสร้างพระพุทธรูป เจดีย์ ยังนิยมสร้างแบบย่อมุมไม้สิบสอง 4. การละคร นาฏศิลป์ การละครสมัยนี้มักเจริญควบคู่กับผลงานในด้านวรรณกรรม ลักษณะการละครสมัยนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ละครในและละครนอก นาฎศิลป์และดนตรีไทยเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 2 เพราะทรงเป็นกวีและศิลปิน กิจการละครและฟ้อนรำสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นค่อยๆ หมดความสำคัญในทางให้ความบันเทิงในราชสำนักลงในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะพระองค์ไม่ทรงโปรดการละคร คณะละครหลวงจึงจำเป็นต้องเลิก 5. วรรณกรรม มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากเพราะพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์สนพระทัยในด้านอักษรศาสตร์และสนับสนุนโดยเฉพาะรัชกาลที่ 2 วรรณกรรมด้านกาพย์กลอนเจริญถึงขั้นสุดยอดจนได้รับสมญานามว่า "ยุคทองแห่งวรรณกรรมกาพย์กลอน" ตัวอย่างวรรณคดีที่สำคัญสมัยรัชกาลที่ 1 เช่น รามเกียรติ์ ราชาธิราช สามก๊ก สมัยรัชกาลที่ 2 เช่น อิเหนา และมีกวีเอกอย่างสุนทรภู่ ซึ่งมีผลงานมาก เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน นิราศภูเขาทอง สุภาษิตสอนหญิง 2. ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน 1. ความสัมพันธ์กับล้านนา ความสัมพันธ์กับล้านนาเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น เพราะล้านนาต้องประสบกับการรุกรานจากพม่าบ่อยๆ และทางกรุงเทพก็ได้ให้ความช่วยเหลือ จึงทำให้ผู้ครองนครและประชาชนมีความรู้สึกต่อไทยว่าเป็นพวกเดียวกัน 2. ความสัมพันธ์กับล้านช้าง (เวียงจันทร์ จำปาศักดิ์ หลวงพระบาง) ระยะแรกมีลักษณะเป็นไมตรีต่อกันมากกว่าเป็นศัตรู การขัดแย้งที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับล้านช้างคือ กบฎเจ้าอนุวงศ์ โดยที่เจ้าอนุวงศ์ได้ยกทัพมารุกรานหัวเมืองภาคอีสานของไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่ถูกฝ่ายไทยต่อต้านโจมตีจนล่าถอยกลับไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้เกิดวีรกรรมของวีรสตรีอีกท่านหนึ่งคือ คุณหญิงโม ภรรยาพระปลัดเมืองภายหลังได้บรรดาศักดิ์เป็น ท้าวสุรนารี 3. ความสัมพันธ์กับเขมร เขมรเป็นประเทศราชของไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา และคราวใดที่ไทยประสบความยุ่งยากภายในประเทศเขมรมักตั้งตนเป็นอิสระไม่ยอมอ่อนน้อมต่อไทย ในสมัยรัชกาลที่ 1 ไทยสามารถปกครองเขมรได้อีกโดยแบ่งการปกครองเป็นสองส่วน คือส่วนหนึ่งให้เจ้านายเขมรปกครองกันเอง และอีกส่วนหนึ่งคือ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ มงคลบุรี ให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) ขุนนางไทยปกครองขึ้นตรงต่อกรุงเทพ ในสมัยรัชกาลที่ 2 ความสัมพันธ์กับเขมรเสื่อมลงจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากญวนมีนโยบายจะล้มสถาบันกาตริย์ในเขมรและส่งข้าหลวงเข้าปกครองโดยตรง แต่ญวนทำไม่สำเร็จ เพราะไทยมีนโยบายที่จะกลับไปมีอิทธิพลในเขมรอีก และเกิดปะทะกับญวน ไทยกับญวนได้ยุติสงครามและตกลงกันว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นผู้สถาปนากษัตริย์เขมรร่วมกัน 4. ความสัมพันธ์กับพม่า ส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะการทำสงครามกัน ซึ่งมีการทำสงครามกันถึง 12 ครั้ง ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ สมัยรัชกาลที่ 1 รบกัน 7 ครั้ง สมัยรัชกาลที่ 2 รบกัน 1 ครั้ง สมัยรัชกาลที่ 3 รบกัน 2 ครั้ง สมัยรัชกาลที่ 4 รบกัน 2 ครั้ง ศึกครั้งสุดท้ายระหว่างไทยกับพม่าคือศึกเชียงตุงในสมัยรัชกาลที่ 4 สงครามครั้งที่สำคัญที่สุดคือ สงครามเก้าทัพในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะพม่ายกทัพใหญ่มาตีไทยจัดทัพเป็น 9 ทัพสมัยพระเจ้าปดุงของพม่า โดยพม่าได้จัดทัพไว้ดังนี้ ทัพที่ 1 เป็นทัพบกและทัพเรือ ทัพบกเข้าตีหัวเมืองปักษ์ใต้ตั้งแต่ชุมพรถึงสงขลา ทัพเรือตีหัวเมืองชายทะเลทางฝั่งตะวันตกตั้งแต่ตะกั่วป่าถึงเมืองถลาง ทัพที่ 2 รวมพลที่ทวายเข้ามาทางด่านบ้องตี้ (ราชบุรี) เข้าตีราชบุรี เพชรบุรี ไปรวมกับทัพที่ 1 ที่ชุมพร ทัพที่ 3 ให้ตีหัวเมืองทางเหนือลงมาแล้วมาบรรจบทัพหลวงที่กรุงเทพ ทัพที่ 4,5,6,7,8 ชุมนุมทัพที่เมาะตะมะแล้วเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ลงมาตีกรุงเทพ ทัพที่ 9 เข้าตีหัวเมืองเหนือทางริมฝั่งแม่น้ำปิง ตั้งแต่ตาก กำแพงเพชร แล้วให้มารวมกับทัพหลวงที่กรุงเทพ การจัดทัพของไทย ทัพที่ 1 ทางเหนือให้วังหลังเป็นแม่ทัพ ให้คอยตั้งรับทัพพม่าทางด้านเหนือไม่ให้เข้ามาถึงกรุงเทพ ทัพที่ 2 ทางด้านด่านเจดีย์สามองค์ (กาญจนบุรี) ให้วังหน้าเป็นแม่ทัพซึ่งด้านนี้เป็นด่านสำคัญ ทัพที่ 3 ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ให้คอยต้านทัพพม่าที่จะยกขึ้นมาทางด้านใต้โดยมีเจ้าพระยาธรรมากับเจ้าพระยายมราชเป็นแม่ทัพ ทัพที่ 4 เป็นทัพหลวง รัชกาลที่ 1 เป็นจอมทัพคอยคุมอยู่ที่กรุงเทพ ความสัมพันธ์กับประเทศทางตะวันตก 1. ความสัมพันธ์กับประเทศโปรตุเกส ในสมัยรัชกาลที่ 1 โปรตุเกสส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย โดยมีอันโตนิโอ เดอวิเสน คนไทยเรียกว่าองตนวีเสน ได้เชิญสาส์นมาถวายรัชกาลที่ 1 ในสมัยรัชกาลที่ 2 ข้าหลวงโ)รตุเกสที่มาเก๊า ส่งกาลอส มานูเอล ซิลเวียรา เป็นทูตถือสาส์นมา การติดต่อเป็นไปอย่างราบรื่น และในปี พ.ศ.2363 กษัตริย์โปรตุเกสประสงค์จะขอตั้งสถานกงสุลในไทยและขอให้กาลอส มานูเอล ซิลเวียรา เป็นกงสุงประจำ ไทยก็ยินยอมด้วยดีนับเป็นสถานกงสุลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ และต่อมารัชกาลที่ 2 ได้ตั้งให้ คาลอส มานูเอล ซิลเวียราเป็นหลวงอภัยพานิช 2. ความสัมพันธ์กับประเทศอังกฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ส่วนใหญ่เป็นความสัมพันธ์เรื่องการเมืองและการทหารซึ่งมีผลทำให้การเจรจาไม่ค่อยราบรื่น เพราะอังกฤษเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในหัวเมืองมลายูและยึดปีนัง (เกาะหมาก) ไว้เป็นของตน และพระยาไทรบุรีตกลงเซ็นสัญญาให้อังกฤษเช่าแล้วไม่คืน แต่อังกฤษก็พยายามผูกมิตรกับไทยโดยให้ ฟรานซิสไลท์ หรือกัปตันไลท์ นำดาบประดับพลอยและปิ่นด้ามเงินมาถวายรัชกาลที่ 1 ต่อมากัปตันไลท์ได้รับราชการอยู่ที่ไทย รัชกาลที่ 1 ได้ตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระยาราชกัปตัน (กปิตัน) นับเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้บรรดาศักดิ์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 2 อังกฤษส่ง จอร์น คอร์เฟอร์ด (ไทยเรียกการะฟัด) นำสาส์นจากมาควิส เฮสติงค์ ผู้สำเร็จราชการของอังกฤษในอินเดียมาเจรจากับไทยเรื่องการค้าและเรื่องเมืองไทรบุรี แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะอังกฤษไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมไทยแล้วยังดูถูกไทยว่าป่าเถื่อน ในสมัยรัชกาลที่ 3 อังกฤษทำสงครามกับพม่าและประสงค์จะให้ไทยช่วยรบ จึงส่งทูตมาเจรจาหลายครั้ง ครั้งที่สำคัญคือ ลอร์ด อัมเฮิสต์ ส่ง ร้อยเอกเฮนรี เบอร์นี มาเจรจาทำสนธิสัญญากับไทย โดยมีความมุ่งหมายในการเจรจา 4 ประการคือ - เพื่อรักษาสัมพันธไมตรี - เพื่อทำสัญญาค้าขาย - เพื่อขอกำลังไทยช่วยอังกฤษรบพม่า - เพื่อตกลงหัวเมืองไทรบุรีและมลายู 3. ความสัมพันธ์กับประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้ามาค้าขายที่กรุงเทพในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เข้ามายังไทย ได้นำปืนคาบศิลามาถวายรัชกาลที่ 2 และต่อมาได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงภักดีราชหรือหลวงภักดีราชกปิตัน ในสมัยรัชกาลที่ 3 ประธานาธิบดีแจ็คสัน ส่ง เอ็ดมันต์ โรเบิร์ต มาทำสนธิสัญญาการค้ากับไทยทำนองเดียวกับสนธิสัญญาเบอร์นีที่ไทยทำไว้กับอังกฤษ 3. อุปสรรคในการติดต่อกับต่างประเทศในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 1. การสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศทำให้ประเทศทางตะวันตกที่เคยติต่อกับไทยหยุดชงักการมีไมตรี เพราะเหตุการณ์ภายในไม่สงบภายใน 2. การคมนาคม ระยะทางการคมนาคมไม่สะดวก พาหนะไม่ให้ความสะดวกปลอดภัย เช่น เรือ เรือใบ เรือสำเภา 3. ภาษา การใช้ภาษาต่างกันสื่อความหมายไม่ดีจึงทำให้ไม่เข้าใจจุดประสงค์ซึ่งกันและกัน ทำให้การเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ 4. ประเพณี และการแต่งกาย ข้าราชการไทยไม่นิยมใส่เสื้อทำให้ทางตะวันตกดูถูกดูถูกว่าคนไทยป่าเถื่อน ทูตจากประเทศทางตะวันตกจึงไม่อ่อนน้อมต่อข้าราชการไทยเท่าที่ควร จึงเกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกัน 5. ศาสนา ไทยนับถือศาสนาพุทธ ชาวยุโรปนับถือศาสนาคริสต์ เมื่อเข้ามาค้าขายในประเทศไทยก็ได้ชักชวนให้คนไทยเข้ารีต กษัตริย์ไทยจึงไม่พอพระทัยทำให้การเจรจาไม่ตกลง 6. การค้าขาย ไทยจัดการค้าขายเป็นไปในลักษณะผูกขาด ทางราชการควบคุมเองโดยมีพระคลังสินค้าเป็นหน่วยงานสำคัญในการค้าขายกับต่างประเทศ 7. ภาษีอากร ฝ่ายไทยกำหนดขึ้นเองได้แก่ ภาษีสินค้าออก ภาษีสินค้าขาเข้า ภาษีเบิกร่อง พ่อค้าต่างชาติไม่พอใจวิธีการค้าของไทยเห็นว่าเป็นการเอาเปรียบ และพ่อค้าต้องการจะค้าขายติดต่อกับราษฎรโดยตรง ไม่ต้องผ่านพระคลังสินค้า นอกจากนี้ยังต้องการให้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บภาษีเสียใหม่ ประเทศต่างๆ ได้ส่งผู้แทนมาเจรจาเพื่อทำการค้าแต่การเจรจาไม่สำเร็จ จงตอบคำถามต่อไปนี้
จิตรกรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะอย่างไรลักษณะจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 1 มีแบบแผนการวางภาพที่นิยมกันคือ ลวดลาย เพดาน นิยมทำด้วยไม้จำหลัก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก เป็นลายดาวจงกลหรือดาวจอกใหญ่อยู่ ู่ตรงกลาง ฝาผนังด้านหน้าพระประธานนิยมเขียนภาพมารผจญ ด้านหลังพระประธานเป็นภาพไตรภูมิ
ศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีอะไรบ้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม รูปแบบศิลปกรรมในช่วงนี้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนาและมีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปกรรมสมัยอยุธยา เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ที่มีรูปแบบมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ สมัยกรุงศรีอยุธยา รวมถึงประติมากรรมพระพุทธรูปปางต่างๆ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ ...
จิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นอย่างไรนัก กล่าวคือ งานจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 นี้มีลักษณะพิเศษที่บ่งบอกถึงความเป็นพระราชนิยมได้อย่าง ชัดเจน คือ เริ่มมีลักษณะเป็นภาพเหมือนจริงที่มีการใช้เงา มีความลึกแบบทัศนียวิสัย เงานูน และมีการนำ 10.
ลักษณะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นอย่างไร- การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด - การปกครองส่วนกลาง มีลักษณะดังนี้ คือ มีอัครมหาเสนาบดี 2 ตำแหน่ง และมีจตุสดมภ์ทั้ง 4 ฝ่าย ภายใต้การดูแลของสมุหนายก - การปกครองส่วนภูมิภาค ได้มีการแบ่งหัวเมืองเป็น 3 ประเภท คือหัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมืองประเทศราช
|