วัตถุประสงค์ การเพิ่มยอดขาย

  • หน้าแรก

  • ข่าวสาร

  • บทความที่น่าสนใจ

  • 4 วิธี เพิ่มยอดขายจากลูกค้าเก่า


ยิ่งคุณขายสินค้าได้มากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงกำไรที่มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการขายสินค้าทั่ว ๆ ไปที่อาศัยการตลาดช่องทางต่าง ๆ ก็จะทำให้คุณได้เงินที่คงที่ในทุก ๆ เดือน แบบคาดการณ์ล่วงหน้าได้แน่นอนว่าจะได้เท่าไหร่

แต่ถ้านั่นมันยังไม่ใช่เป้าหมายที่คุณวางไว้ คุณอยากขายให้ได้มากกว่านั้นอีกโดยไม่ต้องลงทุนการตลาดอะไรมากกว่าที่เคย สิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัสเลยก็คือ “ลูกค้าเก่า” เพราะคนเหล่านี้คุณไม่ต้องเสียเงินทำการตลาดเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น เขารู้จักคุณแล้วเป็นอย่างดี อยู่ที่ว่าคุณจะมีลูกเล่นอะไรไปเสนอขายสินค้ากับเขามากกว่าเดิมหรือเปล่าเท่านั้นเอง

การหาลูกค้าใหม่จะทำให้คุณเสียทรัพยากรด้านคน ด้านเวลา ด้านเงินลงทุน ไปมากกว่าการรักษาลูกค้าเก่าไว้มากกว่า 30% เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่อยากเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้น 4 วิธีดึงลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการให้มากกว่าเดิมเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

1. มีสินค้าใหม่ให้รีบเสนอขายทันที

ลูกค้าคนเก่าที่เคยใช้บริการ มักจะชื่นชอบในสินค้าของคุณอยู่เป็นทุนเดิมแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ใช้บริการต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องสร้างความไว้วางใจใด ๆ ให้เกิดขึ้นอีก ระยะเวลาในการซื้อใจของเขานั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป เหลือเพียงแค่คุณออกสินค้าใหม่เมื่อไหร่ ก็แจ้งให้เขาทราบทันที เพราะแน่นอนเมื่อคุณทำงานไประยะหนึ่ง คุณจะต้องพัฒนาสินค้าตัวเองต่อเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยเสนอขายสินค้าของคุณได้มากกว่าเดิมกับลูกค้ากลุ่มเดิมที่พร้อมจะใช้บริการไม่ว่าคุณจะออกสินค้าอะไรมาก็ตาม

2. สอบถามถึงสินค้าที่ต้องการเพิ่มเติม

การอัปเซลล์ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก อย่างการยิงแอดโฆษณาให้ลูกค้าซื้อซ้ำ หรือการส่งอีเมลโปรโมชั่นออกแบบอาร์ตเวิร์คสวยๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจ แต่มันสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เอ่ยปากสอบถามเขาว่า เขาต้องการสินค้าตัวไหนที่เรามีเพิ่มเติมทันทีรึเปล่า เหมือนอย่างกลยุทธ์ที่ 7-11 ใช้เป็นประจำ คือ การถามคุณว่ารับ...เพิ่มหรือไม่ ซึ่งประโยคง่าย ๆ แค่นี้สามารถสร้างยอดขายให้คุณได้มากขึ้นอีกมากแบบที่คุณคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นหลักจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เมื่อลูกค้าตัดสินใจกำลังจะจ่ายเงินคุณแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไว้วางใจคุณแล้ว การจะเสนอขายสินค้าใด ๆ ต่อในช่วงนี้จึงเป็นเรื่องง่าย เพราะเขาจะใช้เวลาคิดหรือตัดสินใจน้อยลง และซื้อสินค้าตัวเสริมของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

แต่ที่สำคัญเคล็ดลับการเพิ่มยอดขายให้มากกว่าเดิมด้วยวิธีนี้ คุณต้องสังเกตลูกค้าด้วยว่า สินค้าที่เหมาะจะอัปเซลเพิ่มให้เขานั้นคือสินค้าอะไร เลือกสินค้าให้เหมาะกับลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อเขาจะได้มองว่าคุณใส่ใจ และเลือกสินค้าที่เหมาะสมได้ตรงความต้องการของเขาจริง ๆ เมื่อนั้นโอกาสจะซื้อสินค้าตัวที่คุณเสนอขายก็จะมีเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

3. ลูกค้าประจำซื้อซ้ำเท่าเดิม

ลูกค้าประจำคือสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องการมากที่สุด เพราะเขาจะซื้อสินค้าคุณอยู่ตลอดเวลา กลับมาใช้บริการคุณเสมอโดยที่คุณไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเลย และธุรกิจจะประหยัดต้นทุนต่าง ๆ ในการหาลูกค้าไปได้มาก จากลูกค้าเหล่านั้น ซึ่งนอกจากข้อดีตรงนี้แล้วคุณยังสามารถขายสินค้าให้เขาได้มากกว่าเดิมเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าคุณรู้จักใช้กลยุทธ์ทางการตลาดง่าย ๆ อย่างเช่นการสะสมแต้ม หรือการเสนอจำนวนสินค้าที่มากขึ้นไปกว่าที่ลูกค้าเคยซื้ออยู่ แต่ปรับลดราคาให้ถูกกว่าเดิมเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้เขาซื้อมากขึ้น รายรับคุณก็มากขึ้น ถึงแม้ส่วนต่างกำไรจะน้อยลง แต่มันก็ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่าเดิม

ที่สำคัญวิธีนี้ยังช่วยให้ลูกค้าเก่าที่รักคุณอยู่แล้วอยากกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากไปอีก เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร และได้รับการดูแลที่แตกต่างไปจากคนอื่น เป็นเหมือนลูกค้าคนสำคัญที่ได้โปรโมชั่นนี้เท่านั้นสำหรับคุณ

4. เสนอขายสินค้าที่จำเป็นหรือใช้คู่กัน

สุดท้ายแล้วหากคุณเป็นองค์กรที่มีสินค้าต่าง ๆ มากมาย และไม่ได้ขายสินค้าชิ้นเดียว คุณสามารถขายได้มากกว่าเดิม โดยการนำเสนอขายสินค้าที่จำเป็นต้องใช้คู่กันให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการ เช่น คุณขายแบตสำรอง พาวเวอร์แบงก์ คุณก็สามารถขายสินค้าที่ใช้ร่วมกันได้อย่างสายชาร์จยาว 2 เมตร ที่มีจุดเด่นคือความแข็งแรง ทนทาน และความยาวที่ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ตรงนี้เองที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าคุณเพิ่มมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่นำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่เขาสนใจใกล้เคียงกัน และใช้งานร่วมกันได้

โดยวิธีนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ลูกค้าใหม่ไปจนถึงลูกค้าเก่าเลยทีเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีลูกค้ามาซื้อของที่สามารถนำเสนอสินค้าใกล้เคียงกันให้ใช้งานร่วมกันได้ คุณก็แค่ใช้วิธีที่ 2 พูดในการนำเสนอขายเพิ่มเติม โอกาสที่เขาจะตกลงซื้อสินค้าคู่กันก็มีสูงมากทีเดียว

ที่มา : https://www.smartsme.co.th/

การเพิ่มยอดขายในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ส่งผลทำให้พฤติกรรมของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า การบริโภคและการตลาด เป็นต้น โดยกิจกรรมหลายๆ อย่างของผู้คนได้ถูกย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์ ในรายงานของ Marketing oops พบว่า จำนวนผู้ใช้งาน Social Media จากทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 3,484 ล้านคน ซึ่งเติบโตจากปี 2561 ที่มีผู้ใช้ Social Media อยู่ที่ 3,196 ล้านคน

ด้วยเหตุนี้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดธุรกิจออนไลน์การเพิ่มยอดขายด้วยการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ที่เคยทำก่อนหน้านี้ เช่น การลด แลก แจก แถม อาจจะไม่เพียงพอที่จะช่วยดึงดูลูกค้าจากร้านค้าคู่แข่ง รวมถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ใช้ Social media ได้ มิหนำซ้ำการใช้กลยุทธ์ในการขายแบบดังกล่าวอาจจะทำให้เราขาดทุนเสียเองด้วย

ในบทความนี้ เรามี 5 วิธีในการเพิ่มยอดขาย มาฝากพ่อค้าแม่ค้าให้ลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันดู ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย 

อ่านเพิ่มเติม : ยิง Ads อย่างไรให้มียอดขาย , ยอดขายน้อยส่งเก็บเงินปลายทางได้ไหม , เพิ่มยอดขายใน Facebook

รู้จักฟีเจอร์ของเรา             สมัครสมาชิก

วิธีที่ 1 การให้ความสำคัญกับการเขียนโพสต์

วิธีนี้จะช่วยเราเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาได้ ถ้าหากเราใส่ใจกับการเขียน Content Header หรือข้อความแรกที่ลูกค้าจะเห็น ซึ่งจะอยู่ด้านบน ทำหน้าที่เสมือนการเกริ่นนำ โดยจะมีอยู่ประมาณ 1-2 บรรทัด ซึ่งถ้าเราเขียนเนื้อหาใน Header น่าสนใจ ลูกค้าก็จะคลิกที่อ่านเพิ่มเติม (See more) เพื่อเข้ามาดูเพิ่มในโพสต์และในเพจ (Page) ของเรา ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเขียนให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้ได้ โดยต้องเขียนให้ชัดเจนว่าสินค้าของเรามีประโยชน์ และจำเป็นสำหรับลูกค้าอย่างไร เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

วิธีที่ 2  อาจจะนำหลักการทางจิตวิทยามาช่วยในการเพิ่มยอดขาย

วิธีนี้ทำได้ง่ายๆ คือการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลูกค้าด้วยการจัด Event หรือกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า หากลองสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคดูจะเห็นว่าเมื่ออะไรที่อยู่ในกระแสที่คนกำลังสนใจ ความต้องการซื้อสินค้าดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้นทันที หรือหากมีเหตุการณ์อะไรที่มีคนมุ้งดูเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์นั้นก็จะได้รับความสนใจจากคนในสังคมนั้นเอง

หลักจิตวิทยาต่อมาคือการลดขั้นตอนในการติดต่อ ขั้นตอนการซื้อ ขั้นตอนการส่งสินค้า เป็นต้น ไม่ให้ซับซ้อนเกินไป จะช่วยอำนวยความสะดวกและทำให้ผู้บริโภครู้สึกอยากซื้อมากขึ้น และหลักจิตวิทยาสุดท้ายคือการตัดตัวเลือกให้น้อยลงเนื่องจากการมีตัวเลือกเยอะจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจยากขึ้น มีความลังเลและเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการซื้อ โดยลูกค้าบางคนอาจมีงบประมาณที่จำกัดในการซื้อ ดังนั้นการมีสินค้าที่มากเกินไปและไม่โดดเด่นอาจทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ได้

วิธีที่ 3 พูดคุยกับลูกค้าด้วยความเป็นกันเอง

การพูดคุย การทักทาย การตอบคำถามและการให้ความช่วยเหลือลูกค้า เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ลูกค้าประทับใจและเห็นความใส่ใจของเรา ยิ่งถ้าหากเป็นการขายของออนไลน์ที่เราไม่ได้พูดคุยกับลูกค้าทางตรง เรายิ่งจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความใส่ใจในการบริการลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราซ้ำในครั้งต่อไป

วิธีที่ 4 ขายสินค้าคุณภาพ

แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด สามารถจับจ่ายได้ในราคาที่แพงถ้าหากสินค้านั้นๆ มีคุณภาพดี ทั้งนี้การขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ นอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของเราและทำให้ลูกค้าอยากอุดหนุนสินค้าของเราตลอดไปแล้ว ยังเป็นการเริ่มกลยุทธ์ในการขายแบบ ปากต่อปาก โดยลูกค้าที่ประทับใจในคุณภาพของสินค้าจะช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและช่วยเร่งยอดขายแบบที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเลย

รู้จักฟีเจอร์ของเรา             สมัครสมาชิก

วิธีที่ 5 การรักษาจรรยาบรรณในการขาย

เทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากการพิจารณาในเรื่องของคุณภาพและราคาของสินค้าแล้ว ผู้บริโภคยังมักจะพิจารณาซื้อสินค้าจากภาพลักษณ์หรืออุดมการณ์ของเจ้าของธุรกิจด้วย ดังนั้นในการค้าขายสินค้าและบริการ พ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องจรรยาบรรณอยู่เสมอ โดยจรรยาบรรณเบื้องต้นในการขายสินค้า ได้แก่

  1. ความซื่อสัตย์และมีความจริงใจต่อลูกค้า สามารถทำได้โดยการให้ข้อมูลตามความจริงกับลูกค้า ทั้งข้อมูลของสินค้า และข้อมูลของร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการติดต่อ เลขทะเบียนการค้า หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ขั้นตอนในการซื้อขาย ระยะเวลาในการจัดส่ง ตลอดจนการประกันสินค้า
  2. มี Passion ในการขายและการให้บริการที่ดี สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการตอบข้อสงสัย การช่วยเหลือ การแก้ไขปัญหาของลูกค้า และการให้บริการหลังการขายโดยที่ลูกค้าไม่ได้ร้องขอ เป็นต้น ด้วยความเต็มใจเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  3. เปิดรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า การที่เราเปิดรับฟัง Feedback และคำติชมจากลูกค้าถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพ่อค้าแม่ค้าในแง่ การพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดีขึ้นเพราะลูกค้าคือปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จ และจะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกๆ ความคิดเห็นจากลูกค้า โดยการปรับปรุงสินค้าและบริการของเราให้ดีขึ้น

รู้จักฟีเจอร์ของเรา             สมัครสมาชิก