การพยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไตรมาสที่ 2 pdf

สื่อต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงประกาศแต่งตั้ง นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านขึ้น เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย โดยจะเข้าพิธีสาบานตนในเวลา 17.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) นับเป็นการยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 วันเต็ม ภายหลังศึกเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่มีพรรคใดชนะได้ครองเสียงข้างมาก
.
การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของ อันวาร์ มีขึ้นหลังจากที่เขาต้องเผชิญมรสุมในเส้นทางการเมืองมานานถึง 30 ปี โดยเริ่มจากการเป็นอดีตศิษย์รักของ “มหาเธร์ โมฮาหมัด” และเคยก้าวไปถึงตำแหน่งรองนายกฯ ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกในคดีรักร่วมเพศ พ้นโทษออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียในวันนี้
.
การเลือกตั้งทั่วไปในมาเลเซียซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้นำมาสู่ภาวะ “สภาแขวน” เนื่องจาก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวัง (Pakatan Harapan - PH) ของ อันวาร์ อิบราฮิม และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ (Perikatan National - PN) ที่นำโดยอดีตนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ต่างไม่สามารถคว้าจำนวน ส.ส.ได้ถึง 112 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเสี่ยงที่จะซ้ำเติมภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ มาแล้วถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 3 ปี และยังอาจทำให้การกำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้าออกไปอีก
.
ด้านกลุ่ม PH ของ อันวาร์ คว้าที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุด 82 ที่นั่งจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาขณะที่กลุ่ม PN ของมูห์ยิดดิน ได้มา 73 ที่นั่ง ส่วน บาริซาน เนชันแนล (BN) ที่เคยผูกขาดการเป็นรัฐบาลปกครองมาเลเซียมานานถึง 60 ปีตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1857 กลับได้ ส.ส.เข้ามาเพียง 30 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งทั่วไป โดยกลุ่ม BN ประกาศในวันนี้ (24) ว่าจะไม่จับมือตั้งรัฐบาลร่วมกับกลุ่มของ มูห์ยิดดิน อย่างแน่นอน ทว่าไม่ได้มีการเอ่ยถึงกลุ่มของอันวาร์
.
เนื่องจากทั้ง อันวาร์ และ มูห์ยิดดิน ต่างก็ไม่สามารถรวบรวม ส.ส.ได้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลภายในกำหนดเส้นตายบ่ายวันอังคาร (22) อำนาจตัดสินใจในการคัดเลือกบุคคลขึ้นเป็นนายกฯ จึงตกมาอยู่ที่สมเด็จพระราชาธิบดี อัล-สุลต่าน อับดุลเลาะห์ สุลต่าน อะหมัด ชาห์ ซึ่งโดยปกติแล้วสมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียจะทรงทำหน้าที่ในเชิงพิธีการตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ก็ทรงมีพระราชอำนาจที่จะแต่งตั้งบุคคลที่ทรงเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาด้วย
.
ในฐานะนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม จะต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อีกทั้งยังต้องบรรเทาความตึงเครียดระหว่างพลเมืองต่างเชื้อชาติในมาเลเซียด้วย ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญอันดับแรก ๆ ของ อันวาร์ ก็คือการจัดสรรงบประมาณสำหรับปีหน้า และยังต้องเจรจาต่อรองกับกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาด้วย

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.aljazeera.com/news/2022/11/24/malaysias-anwar-named-countrys-10th-prime-minister

https://www.reuters.com/world/asia-...uling-bloc-may-back-anwar-pm-race-2022-11-24/

https://mgronline.com/around/detail/9650000112123
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

หลังจากที่บริษัท FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้จะผ่านไปหลายวัน แต่ก็ยังคงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่างนายนูซีเออร์ ยัสซิน (Nuseir Yassin) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า Nas Daily ที่ผลิตเนื้อหาสาระคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากมายในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยหนึ่งนั้นก็คือคลิปวีดีโอเมื่อ 9 เดือนก่อน ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนายแซม แบงแมน-ฟรายด์ (Samuel Bankman-Fried) และบริษัท FTX ของเขา
.
แต่ในเวลาต่อมา คนทั้งโลกก็พบว่า ธุรกิจบริษัท FTX คือมหากาพย์ฉ้อโกง ทำให้นักลงทุนหลายล้านคนทั่วโลกสูญเสียเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีชาวเน็ตต่างประเทศจำนวนมาก ที่จำได้เป็นอย่างดีว่า Nas Daily เคยทำคอนเทนต์โปรโมตสนับสนุนนายแซม แบงแมน-ฟรายด์ และบริษัท FTX ให้มีภาพลักษณ์เป็นบริษัทคริปโทที่บริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล เพื่อทำประโยชน์ให้กับสาธารณะส่วนรวม แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่า บริษัท FTX กระทำการทุจริตฉ้อโกงอย่างใหญ่หลวง จึงทำให้ชาวเน็ตตั้งข้อกังขาถึงความน่าเชื่อถือของ Nas Daily ที่เคยทำคอนเทนต์หนุนบริษัท FTX
.
เมื่อ Nas Daily ถูกพาดพิงบ่อยครั้ง ด้วยแรงกดดันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายในโซเชียลมีเดีย Nas Daily จึงทำคลิปวีดีโอประกาศว่า เขาเองก็เพิ่งพบกับความจริงว่า บริษัท FTX ที่อ้างว่านำเงินไปบริจาคให้องค์กรการกุศล แต่แท้ที่จริงแล้ว บริษัท FTX กระทำการฉ้อโกง สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
.
Nas Daily ก็ได้ประกาศลบคลิปสนับสนุนนายแซม แบงแมน-ฟรายด์ และบริษัท FTX ออกจากทุกแพลตฟอร์มของเขา โดย Nas Daily ยังได้พูดโน้มน้าวให้ผู้ชมยังคงเชื่อมั่นต่อองค์กรการกุศล แม้ว่าการกระทำฉ้อโกงของบริษัท FTX จะส่งผลกระทบร้ายแรง ต่อภาพลักษณ์ขององค์กรไม่แสวงผลกำไรทั่วโลก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจองค์กรการกุศลอีกต่อไป
.
ทางด้านสำนักข่าว Fox News ของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ก็ได้เสนอข่าวว่า พรรคเดโมแครตของปธน.โจ ไบเดน และรัฐบาลยูเครน มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท FTX ของนายแซม แบงแมน-ฟรายด์ โดยนับตั้งแต่ช่วงที่เริ่มเข้าสู่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของพรรคเดโมแครต ได้มอบเงินช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่รัฐบาลยูเครน จากนั้นรัฐบาลยูเครนก็นำเงินไปลงทุนกับบริษัท FTX แล้วนายแซม แบงแมน-ฟรายด์ ก็ระดมเงินบริจาคสนับสนุนพรรคเดโมแครต เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ 2022 ทำให้นายแซม แบงแมน-ฟรายด์ กลายเป็นนายทุนผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรรคเดโมแครต รองจากนายจอร์จ โซรอส (George Soros)
.
อย่างไรก็ตาม สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ พยายามลงข่าวแก้ต่างให้พรรคเดโมแครต รัฐบาลยูเครน และบริษัท FTX ในรูปแบบของการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือที่เรียกว่า “Fact-check” ในขณะที่ Nas Daily แม้จะยอมรับว่า บริษัท FTX กระทำการฉ้อโกง แต่ Nas Daily ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคเดโมแครตและรัฐบาลยูเครน ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท FTX มีเพียงสำนักข่าว Fox News และสื่อทางเลือกในสหรัฐฯ ที่ทำข่าวสืบค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉ้อโกงของบริษัท FTX ที่พรรคเดโมแครตและรัฐบาลยูเครนมีส่วนเกี่ยวข้อง

-------------------------------
แหล่งข่าว
-
- https://www.foxnews.com/media/what-alleged-connection-sam-bankman-fried-ftx-democrats-ukraine
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

Nov 24, 2022 ยืดหนี้! ธนาคาร ธอส. ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เดิม ต่อไปอีก 6 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566
.
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง ผ่าน “มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน” ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงขยายระยะเวลาช่วยเหลือครอบคลุมลูกค้าที่อยู่ในมาตรการที่ 18 และ 19 ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่มีจำนวนรวมกว่า 41,000 ราย เงินต้นคงเหลือ 42,200 ล้านบาท สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือต่อไปอีก 6 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 30 มิถุนายน 2566
.
โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
มาตรการที่ 18 [M18] : สำหรับลูกค้ารายย่อยที่มีสถานะบัญชีปกติ และเป็นลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างใช้มาตรการที่ 18 ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และยังไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ตามสัญญากู้เงิน ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อ โดยสามารถเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ [ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย] 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระตามสัญญากู้เงิน และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ประกาศที่ผู้กู้ใช้อยู่ลงอีก 0.25%-0.50% ต่อปี ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Application : GHB ALL, Application : GHB ALL GEN, GHB Buddy บน Application Line, www.ghbank.co.th และสาขาธนาคารทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 9.00 น. ถึง วันที่ 16 ธันวาคม 2565 เวลา 24.00 น.
.
มาตรการที่ 19 [M19] : สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการสินเชื่ออพาร์ทเม้นท์ ที่เป็นลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างใช้มาตรการที่ 19 ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และยังไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ตามสัญญากู้เงิน ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อ สามารถเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ [ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย] 50% หรือ 70% ของเงินงวดผ่อนชำระปกติตามสัญญากู้เงิน และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อตามสัญญากู้เงินลงอีก 0.25% ต่อปี ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการได้ที่ ธอส. สำนักงานใหญ่ และ สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 ธันวาคม 2565
.
ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่ 18 ต้องส่งหลักฐานการได้รับผลกระทบทางรายได้จากการประกอบอาชีพ ธุรกิจ การค้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่น หลักฐานรายได้ หนังสือรับรองการลด วัน เวลา เงินเดือน หรือ ค่าจ้าง หรือถูกเลิกจ้างจากหน่วยงานต้นสังกัด/นายจ้าง หรือรูปถ่ายกิจการ เป็นต้น เพื่อให้ธนาคารพิจารณา ด้วยการ Upload ผ่านทาง Application : GHB ALL, Application : GHB ALL GEN และ GHB Buddy บน Application LINE กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่ www.ghbank.co.th ส่วนของลูกค้าผู้ประกอบการสินเชื่ออพาร์ทเม้นท์ที่ต้องการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือของมาตรการที่ 19 ให้ยื่นเอกสาร หลักฐานรายได้ของอาคารหลักประกันที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3EziOiX
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#GHB #ธอส #ธนาคารอาคารสงเคราะห์ #ขยายมาตรการช่วยลูกหนี้ #สินเชื่อ #สินเชื่อบ้าน #BTimes

 

“ชัคกี้ กีตาร์เทพ”

ชูศักดิ์ ธัญญรัตนางกูร มีชื่อเล่นว่า “ปุ๋ม” เกิดวันที่ 13 มิถุนายน 2498 เป็นคนเชื้อสายจีนจากสิงคโปร์ ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลลี่ ครอบครัวมีอันจะกิน มีชื่อจีนคือ ถังคิมไฮ่ แปลว่า ทะเลทอง
หัดเล่นกีตาร์ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 13 ปี เมื่อจบชั้น ม.ศ.3 จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลด้วยความรักในเสียงกีตาร์จึงทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อเฉพาะทางในด้านดนตรีและอะคูสติกที่สหรัฐฯ

โดยไปเรียนต่อ HIGH SCHOOL ที่ WORCHTER HIGH SCHOOL แล้วก็ต่อวิทยาลัยที่ WORCHTER TECH จนจบก็ต่อที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ M.I.T. โดยทั้ง 3 แห่งนี้เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างของเสียงหมด เพราะใจมาทางนี้

มีข้อมูลว่า เขานั้นและเป็นนักดนตรีรับจ้างที่มี “UNION CARD” พูดง่ายๆ ว่า ต่างประเทศสามารถดึงตัวไปร่วมงานได้ทันที

ยุคนั้น เมืองไทยมีมือกีตาร์ร็อคเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือกีต้าร์ ที่มีก็คือ แหลม มอริสัน กีต้าร์คิงส์, กิตติ กีต้าร์ปืน, ช.อ้น ณ บางช้าง จนกระทั่ง มาถึง ชัคกี้


เมื่อจบการศึกษาแล้วเดินทางกลับประเทศไทย ชูศักดิ์ หรือ บุ๋มที่เพื่อนๆ เรียกขานตามชื่อน้องหมาตัวโปรดของเขา ได้มีผลงานร่วมวงร็อคเคสตร้า ร่วมกับ ชัชชัย สุขขาวดี หรือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ที่คนไทยสุดชื่นชม โดยมาร่วมในอัลบั้มที่ 2 ชุด “เทคโนโลยี” ในปี 2527 และอัลบั้มที่ 3 ชุด “Special One” ในปี 2528
หลังเดินออกจากร็อคเคสตร้า “ชัคกี้” ก็เคยมีโอกาสได้เล่นให้กับวงดนตรีชั้นนำของเมืองไทยในฐานะของมือกีตาร์หลายวง อาทิ คาราวาน อัลบั้ม อานนท์ และ 1985 เล่นให้กับ Blue Planet อัลบั้ม พาฝัน ซึ่งตอนนั้นมี “ปู แบล็คเฮด” ร้องนำอยู่ ที่สำคัญเจ้าตัวยังเคยออกอัลบั้มเดี่ยวของตนเองในชื่อ “ศรัทธา” ด้วย
ช่วงที่อยู่กับ คาราวานผู้คนพากันพุดถึงเพลง “แม้เราจะไม่พบกัน” ในชุด “อานนท์” ถึงขนาดต้องยกนิ้วให้ ว่ากันว่าเป็นเพลงช้าที่มีท่อนโซโล่รวดเร็ว ซึ่งพบได้น้อยที่ใครจะกล้าทำแบบนี้

และยังมีเพลงที่หลายคนต้องออกเถียงว่า นี่สิเมพขริงๆ กว่า ก็คงเป็นเพลง “ฮิโรชิม่า” ของวงคาราวานในชุด 1985 ว่ากันว่าชัคกี้โซโล่ได้พริ้วไหวน่าฟัง

มีข้อมูลเล่าว่าเจ้าตัวโซโล่เพลงนี้ในห้องบันทึกเสียงเสร็จเรียบร้อย และกล่าวว่า เขาคงจะไม่สามารถโซโล่เพลงนี้ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เพราะลีลาท่วงท่าและอารมณ์ เขาได้ถอดวิญญาณลงไปในนั้นทั้งหมดแล้ว!!...ง่อว์!!!!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ด้วยความเข้มขลังแห่งความสามารถ จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนั้นถึงขนาดมีเสียงเล่าลือกันว่า เหตุที่ “ชัคกี้” โซโลกีตาร์ได้สะกดคนฟังขนาดนี้ ก็เพราะเจ้าตัวได้ขายวิญญาณให้กับปิศาจไปแล้วนั่นเอง

แต่คนที่ติดตามเรื่องราวทางดนตรี อาจอมยิ้มเพราะความเชื่อแบบนี้มักปรากฏทั่วไปในกลุ่มคนที่เล่นกีตาร์ราวกับรับพลังมาจากอำนาจลึกลับ คือโคตรเก่งมาก อย่าง "โจ ซาตริอานี่" กับศิษย์รัก "สตีฟ ไว" แล้วก็ยังมี "โรเบิร์ท จอห์นสัน" บรรดาอดีตนักกีตาร์มือหนึ่งของโลก เคยถูกล่ำลือมาแล้วทำนองนี้

แถมยังไปสอดคล้องกับ ครั้งที่ “ชัคกี้” เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า เวลาที่เขาเล่นกีตาร์ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีเสียงกระซิบที่ข้างหูมาสั่งให้เขาเล่นไปตามนั้นมุมนี้ก็นับว่าทำเอาคนฟังขนลุกเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ที่กล่าวตรงกันคือ ด้วยประสบการณ์ในห้องอัดเสียงที่เชี่ยวกรำ เวลาทำเพลง ชัคกี้ไม่ต้องตระเตรียมอะไร หรือวอร์มอัพนิ้วอะไรเลย เข้าไปก็เทคเดียวผ่านตลอด น่าจะเป็นที่มาของฉายากีตาร์เทพมากกว่านั่นเอง

แต่ที่เป็นไฮไลท์ คือช่วงปี 2533 ชัคกี้ ได้รวบรวมศิลปินขึ้นมาเป็นวงเฮฟวี่เมทัล วงหนึ่งชื่อว่า “บลูแพลเนท” กับสมาชิกนักดนตรีฝีมือดี อาทิเช่น อานนท์ สายแสงจันทร์ หรือ ปู แบล๊คเฮด ในปัจจุบัน, สไมลีย์ พจนพิพัฒน์ จากวงฟีดแบ็ค ซิคโก้ มือกลองคาราบาวในปัจจุบัน, และ ปีเตอร์โอ อดีตมือเบสของหรั่งร๊อคเคสตรา

ชัคกี้เสียชีวิตด้วยอาการไตวาย ในวันที่ 10 มิถุนายน 2540 ก่อนจะอายุครบ 42 ได้ 3 วัน

ฟังอัลบั้ม ศรัทธา 1985



อ้างอิง
https://guitarrich.net
https://www.thepeople.co/read/19984
https://www.komchadluek.net/today-in-history/375295

 

มหาหิงคุ์ ทำมาจากอะไร ?

เมื่อพูดถึงมหาหิงคุ์ หลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยใช้ในเด็ก แก้อาการท้องอืด/ปวดท้อง

เรามาทำความรู้จักกับมหาหิงคุ์กันก่อน

มหาหิงคุ์ เป็นยางที่ได้จากต้นไม้ ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ferula assafoetida L. อยู่ในวงศ์ Umbelliferae (หรือเดิมคือ Apiaceae) เป็นพืชในวงศ์เดียวกับผักชี ผักชีลาว บ้างเรียกว่าต้น มหาหิงคุ์ พืชชนิดนี้ถูกค้นพบมานานมากแล้ว มีต้นกำเนิดในประเทศแถบเอเชียกลาง ตั้งแต่แถบประเทศอิหร่านทางตะวันออกไปจนถึงอัฟกานิสถาน ปัจจุบันมหาหิงคุ์จะมีปลูกอยู่ในประเทศอิหร่านและอัฟกานิสถานเท่านั้น และถูกส่งออกไปขายทั่วโลก บางท่านอาจเข้าใจผิดว่ามหาหิงคุ์นั้นปลูกในประเทศอินเดีย และส่งออกจากอินเดีย แต่นั่นคือความเข้าใจที่ผิด เพราะพืชชนิดนี้แม้ว่าจะถูกนำมาเป็นยาใช้อย่างกว้างขวางในประเทศอินเดีย แต่ไม่ใช่พืชจากประเทศอินเดียค่ะ

ส่วนที่นิยมนำมาใช้เป็นยาหรืออาหารคือส่วนของลำต้นใต้ดินหรือบางคนอาจเรียกว่า หัวหรือราก (ใต้ดิน) ซึ่งในส่วนนี้จะมีน้ำยางที่เราเรียกว่าโอลิโอ กัม เรซิ่น (oleo gum resin) หมายถึง มีน้ำมันหอมระเหย ยางชันและส่วนของกัมรวมๆกัน (กัมมีโครงสร้างเป็นน้ำตาลเกาะกันยาวๆคล้ายแป้ง แต่ร่างกายคนย่อยไม่ได้) น้ำยางนี้มีลักษณะ เป็นก้อนแข็งๆสีน้ำตาลอมเหลืองและมีกลิ่นฉุน การเก็บยางเอามาใช้ ทำได้เมื่อต้นมหาหิงคุ์อายุประมาณ 4-5 ปี และ ส่วนลำต้นใต้ดิน มีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 12.5 - 15 ซม ต้นนี้ก็จะถูกตัดที่โคนและนำมาวางทิ้งไว้ ให้น้ำยางที่มีลักษณะคล้ายน้ำนมไหลออกมา บางครั้งจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อให้น้ำยางไหลออกมาจนหมด เมื่อยางแห้งลงจะมีสีน้ำตาลอมเหลือง และจะถูกเก็บรวบรวมให้เป็นก้อน คนส่วนใหญ่จะเคยเห็นมหาหิงคุ์ในลักษณะที่เป็นก้อนแข็ง หรือเป็นยาแล้ว จึงเข้าใจผิดว่ามหาหิงคุ์เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งจริงๆ มันได้จากพืชนะคะ ไม่ใช่แร่ธาตุอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ในสมัยโรมัน มหาหิงคุ์ถูกนำไปใช้สำหรับปรุงแต่งรสชาติอาหารควบคู่ไปกับเมล็ดสน (Pine nuts) หรือไม่เช่นนั้นก็จะถูกนำไปแช่ในน้ำมันร้อนๆ พอละลายดีแล้วก็จะหยดลงไปในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติอาหารนิยมใช้กับอาหารจำพวกเห็ดจานโปรด ผักต่างๆ หรือ พวกเนื้อทอด เนื้อย่างบาร์บีคิว ในหลายๆประเทศยังใช้มหาหิงคุ์เป็นเครื่องเทศ เครื่องแกง ในการทำลูกชิ้น (meat ball) และผักดอง (pickles) ต้นมหาหิงคุ์นี้ยังสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้อีกด้วย

มหาหิงคุ์ถูกนำมาใช้เป็นยาช่วยย่อย (digestive aid) มานานมากแล้ว ในบางประเทศหมอพื้นบ้านยังนิยมนำมหาหิงคุ์มาทำเป็นยาแก้พิษ ถอนพิษ (antidote) ของฝิ่น (opium) ได้ด้วย โดยจะใช้มหาหิงคุ์ในประมาณที่เท่ากับปริมาณฝิ่นที่เสพเข้าไป กินเข้าไปเพื่อล้างพิษกัน

งานวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมหาหิงคุ์และการทดลองทางคลินิก

มหาหิงคุ์มีผลต่อทางเดินอาหาร โดยช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง (antispasmodic), ขับลม (carminative), ช่วยย่อย (digestive), ระบาย (laxative) และมีฤทธิ์ถ่ายพยาธิบางชนิด (anthelmintic)

ส่วนประโยชน์อื่นๆ ของมหาหิงคุ์ ก็ได้แก่ ขับเสมหะ (expectorant), ช่วยกล่อมประสาท ทำให้นอนหลับดี (sedative), แก้ปวดอย่างอ่อน (analgesic), และฆ่าเชื้อเฉพาะที่ (antiseptic)

ยังมีงานวิจัยอื่นๆ เกี่ยวกับฤทธิ์ของมหาหิงคุ์อีกมากมาย ที่ตีพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการนำมหาหิงคุ์มาช่วยในการรักษาโรคมะเร็ง การใช้มหาหิงคุ์ในการรักษาภาวะต่างๆ ของสตรี และการใช้คุมกำเนิดในสตรี หรือใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือดและหลอดเลือด และคนบางกลุ่มยังมีการใช้มหาหิงคุ์ในการเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ไม่พบการใช้มหาหิงคุ์ ในแง่มุมอื่น นอกจากการใช้ขับลม โดยในยาแผนปัจจุบัน มีเฉพาะการใช้มหาหิงคุ์ทิงเจอร์ ทาท้องเด็ก บรรเทาอาหารท้องขึ้น ท้องเฟ้อเท่านั้น ฤทธิ์อื่นๆไม่พบมีการใช้จริง อาจเนื่องจากรายงานวิจัยที่มียังไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างชัดเจน

มหาหิงคุ์ใช้กินได้หรือไม่

คำถามสำหรับแม่ที่ลูกยังเล็กมักถามว่า ที่ผู้ใหญ่บอกให้เอาทิงเจอร์มหาหิงคุ์หยดใส่น้ำ หรือ บางคนให้หยดใส้ผ้าผูกไว้ที่ข้อมือ ซึ่งบางครั้ง เด็กก็อาจกินเข้าไปด้วย ใช้ได้จริงหรือ อันตรายมั๊ย

ถึงแม้ว่า ไม่พบการใช้กินในยาแผนปัจจุบัน แต่ที่จริงในยาตำรับของไทย (สำหรับเด็กเล็ก) ที่บรรจุในยาสามัญประจำบ้าน และบัญชียาหลักแห่งชาติ เช่น ยาประสะกะเพรา ก็มีมหาหิงคุ์ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามขนาดรับประทาน ครั้งละ 100-200 มิลลิกรัม จะได้รับมหาหิงคุ์ ประมาณ 8.7-17 มิลลิกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าการหยดทิงเจอร์มหาหิงคุ์ในน้ำ 1-2 หยด แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่แนะนำให้ใช้ทิงเจอร์มหาหิงคุ์โดยวิธีหยดในน้ำ เนื่องจากในทิงเจอร์มหาหิงคุ์นั้นมีแอลกอฮอล์มาก อาจทำให้เด็กได้รับแอลกอฮอล์โดยไม่จำเป็น สำหรับการผูกข้อมือหรือทาท้อง ก็ควรทำในสถานที่อากาศโปร่ง ถ่ายเทสะดวก เพื่อให้แอลกอฮอล์ระเหยออกไป เจือจางในบรรยากาศ โดยเด็กไม่ได้สูดดม
บทความโดย

ภญ.ดร.นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

#RECAP : ปัญหาของเขื่อนต่อระบบนิเวศ และประชาชน สู่การรื้อเขื่อนในหลายประเทศ

เขื่อนถูกสร้างเพื่อกักเก็บน้ำ จากช่วงฤดูน้ำหลากและปล่อยน้ำใช้ในช่วงขาดแคลนน้ำ อีกทั้งยังเพื่อป้องกันน้ำท่วมฉับพลันในฤดูน้ำหลาก ชะลอความเร็วของน้ำ นอกจากนี้ เขื่อนบางเขื่อนก็มีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เขื่อนก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชนในบริเวณ หลายประเทศทั่วโลกตอนนี้เลยผุดโครงการรื้อถอนเขื่อนและฟื้นฟูแม่น้ำ
.
อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ก็เพิ่งอนุมัติแผนรื้อถอนเขื่อน 4 แห่งในแม่น้ำแห่ง Klamath ในแคลิฟอร์เนีย และเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา 17 ประเทศในยุโรปก็รื้อถอนเขื่อนและฝายชะลอน้ำออกอย่างน้อย 239 แห่ง
.
ว่าแต่ #ทำไมต้องรื้อเขื่อน #เขื่อนมีปัญหาอะไร?

1. ระบบนิเวศเปลี่ยนไป : เขื่อนบางแห่งสร้างขึ้นขวางแม่น้ำตามธรรมชาติ ดังนั้น เมื่ออยู่ ๆ มีสิ่งแปลกปลอมมาขวางไว้ การไหลของน้ำตามธรรมชาติเปลี่ยนไป ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่ต้องพึ่งพาพื้นที่นี้ เช่น การที่เขื่อนมา #ปิดกั้นทางน้ำเส้นทางอพยพของสัตว์ ทำให้ปลาบางชนิดไม่สามารถว่ายไปที่วางไข่ได้ ปริมาณของปลาลดน้อยลง

2. ตะกอนและกรวดถูกกักเก็บ : เกิดการกัดเซาะตลิ่ง พื้นที่ราบน้ำท่วม สิ่งปลูกสร้างพังทลาย จากการที่ ตะกอนและกรวดที่ไหลมากับน้ำถูกกักในเขื่อน อีกอย่าง แหล่งวางไข่ของปลาหลายชนิดที่พึ่งพากรวดก็หายไป เช่นเดียวกับความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ปลายน้ำเนื่องจากขาดตะกอน

3. ใช้พื้นที่ป่า : เขื่อนบางแห่งสร้างขึ้นทับพื้นที่ป่า อย่างในกรณีอ่างเก็บน้ำรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน พื้นที่ของเขื่อนเชี่ยวหลาน ก่อนหน้านี้เป็นป่าส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสกและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงจำนวนแสนกว่าไร่ ภายหลัง บริเวณที่เป็นเนินเขาต่อกันถูกตัด น้ำยกระดับเข้ามา ทำให้กลายเป็นทะเลสาบลึกเกือบ 100 มตร จนเป็นเกาะอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ เลยต้องมีโครงการอพยพสัตว์ทั้งเลียงผา สมเสร็จ ชะนี ค่าง เสือลายเมฆ ไปยังพื้นที่อื่นเพื่อหนีน้ำ ซึ่งบางชนิดก็หนีไม่ทัน หรือหนีไปติดค้างอยู่ตามที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นเคย

4. ผู้คนต้องย้ายที่อยู่อาศัย : พื้นที่แถวอ่างเก็บน้ำ น้ำจะท่วม พื้นที่เพาะปลูกก็ถูกน้ำท่วม ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพ หรือบางทีโครงการสร้างเขื่อนอาจต้องใช้พื้นที่ทำมาหากิน หรือพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ทำให้พวกเขาต้องอพยพออก

5. น้ำขึ้น-น้ำลงผิดจากเดิม : อย่างที่บอกว่าเขื่อนเข้ามาเปลี่ยนทิศทางของน้ำในธรรมชาติ มันอาจทำให้น้ำท่วม หรือน้ำไปไม่ถึงพื้นที่บางพื้นที่ ซึ่งสิ่งนี้เกิดคิดที่ #แม่น้ำโขง อย่างคาดเดาไม่ได้ เพราะในบริเวณแม่น้ำโขงมีโครงการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 11 แห่ง ที่อยู่ด้านบนของแม่น้ำ ทอดยาวลงมา ทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนต้องเผชิญกับ น้ำขึ้น-น้ำลงผิดฤดูกาล จากการปล่อยน้ำ กักน้ำของเขื่อนด้านบน ส่งผลต่อผู้คนที่ต้องอาศัยน้ำในการประกอบอาชีพ อยู่อาศัย และระบบนิเวศในบริเวณด้วย นี่ยังไม่รวมผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงที่ก็ทำให้แม่น้ำโขงเกิดภัยแล้งอีก
.
ที่ผ่านมา เมื่อมีการสร้างเขื่อน เลยมีการคัดค้าน หยุดสร้างเขื่อน และขอให้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานอื่น เช่น โซลาร์เซล พลังงานลม หรือชีวมวลแทน และก็มีการเรียกร้องให้ทุกการสร้างเขื่อน หรือแม้จะสร้างอะไรก็ตาม จำเป็นที่ต้องมีการทำ EIA (Environmental Impact Assessment) ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นระหว่าง และหลังการสร้างเขื่อน และหาทางป้องกัน แนวทางปฏิบัติทางสิ่งแวดล้อม ติดตามผล เพื่อให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ที่สำคัญ ต้องมีข้อมูลถูกต้องด้วย
.
อย่างไรก็ตาม การประเมิน EIA หลายครั้งเป็นที่พอใจของคนในพื้นที่ เพราะไม่ค่อยตอบโจทย์การแก้ปัญหาระยะยาว EIA มาแค่ประเมินส่งที่จะเกิดขึ้นและหาทางลดผลกระทบ และข้อมูลที่ใช้ประเมินอาจไม่ครบถ้วน และไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เป็นกลาง อย่างกรณีของเขื่อนเหมืองตะกั่วป่า จังหวัดพัทลุง ที่พบว่า รายงาน EIA ได้คัดลอกเนื้อหามาจากรายงาน EIA ของโครงการอื่นใน จ.เพชรบูรณ์ ปัจจุบัน เลยมีการเรียกร้องเพิ่มเติมให้บางโครงการ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) ที่ประเมิน “ตั้งแต่ต้น” ว่าพื้นที่นี้เหมาะหรือไม่ และประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมว่าจะเอาโครงการหรือไม่ได้
.
นอกจากนี้ เขื่อนที่สร้างแล้วก็ต้องมีความโปร่งใส เช่น ในลุ่มแม่น้ำโขง เขื่อนต้องบอกให้เพื่อนบ้านทราบว่าจะปล่อยน้ำเมื่อไหร่ และใช้ปริมาณน้ำเพื่อผลิตไฟเท่าไหร่ เพื่อให้ประเทศที่ใช้น้ำจากแม่น้ำโขงตอนกลางคำนวณได้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรอย่างทันท่วงที

ที่มา
https://wwfeu.awsassets.panda.org/downloads/130320_wwf_seven_sins_of_dams_building_lorez.pdf

https://damremoval.eu/about/

https://so03.tci-thaijo.org/index.php/eJHUSO/article/download/85871/68277





 

'ฮ่องกง' ส่อระทึก! เฮดจ์ฟันด์โลก วางเดิมพัน เลิกผูกติดค่าเงินกับดอลลาร์
.
“บิลล์ แอคแมน” เฮดจ์ฟันด์ชื่อดังระดับโลก ออกมาเตือนพร้อมวางเดิมพันว่า “ฮ่องกง” จะเผชิญความเสี่ยงครั้งใหญ่จากการผูกค่าเงินกับดอลลาร์ หลังระดับหนี้สูงขึ้นสวนทางเศรษฐกิจซบเซา ด้าน รมว.คลัง ฮ่องกง ย้ำชัดทุนสำรองยังสูง เพียงพอที่จะผูกติดค่าเงินกับดอลลาร์
.
บิลล์ แอคแมน ผู้ก่อตั้ง บริษัทเพอร์ชิ่ง สแควร์ แคปิตอล แมเนเมนต์ ลิมิเต็ด พาร์ตเนอร์ชิป ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ของโลก มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก สหรัฐ กล่าวว่า เขายังคงเดิมพันให้ดอลลาร์ฮ่องกงว่าจะเลิกผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งมองว่าฮ่องกงไม่ควรตรึงค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป เพราะหนี้ที่เพิ่มสูง ราคาสินทรัพย์ร่วง เศรษฐกิจซบเซา ถ้าฮ่องกงยังคงใช้รูปแบบการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป จะทำให้เกิดปัญหาได้
.
ทั้งนี้ สภาพคล่องในระบบธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางฮ่องกง ขณะนี้อยู่ที่ 1.03 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปี 2563
.
สภาพคล่องดังกล่าวลดลงเหลือ 1 ใน 4 ของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารกลางฮ่องกง ดูดซับเงินดอลลาร์ฮ่องกงออกจากตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินหลุดกรอบที่ตรึงไว้ที่ 7.75-7.85 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
ด้านนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างจับตาว่า สภาพคล่องในระบบธนาคารจะลดลงจนแตะ 1 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือไม่ ซึ่งถือเป็นระดับที่กดดันตลาด และผลกระทบจะสะท้อนผ่านอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ก่อน
.
ที่ผ่านมา นายพอล ชาน รัฐมนตรีคลังฮ่องกงเปิดเผยว่า ฮ่องกงมีเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมากถึงประมาณ 4.4 แสนล้านดอลลาร์ของฮ่องกง ซึ่งมากเพียงพอที่จะรักษาระบบการผูกติดค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับดอลลาร์สหรัฐต่อไป แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะนำไปสู่ภาวะเงินทุนไหลออกก็ตาม
.
นายชานเป็นเจ้าหน้าที่คนล่าสุดที่ออกมายืนยันสถานะอันแข็งแกร่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของฮ่องกง หลังนายไคล์ แบส จากบริษัทเฮย์แมน แคปิตอล เมเนจเมนต์ กล่าวผ่านทวิตเตอร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของฮ่องกงที่ใช้ในการปกป้องดอลลาร์สหรัฐเริ่มลดน้อยลง เพราะการเข้าแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้ โดยเขาอ้างว่าทุนเงินตราต่างประเทศของฮ่องกงอาจหมดลงภายในสิ้นเดือนหน้า
.
นายชาน ระบุว่า ฮ่องกงเผชิญภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอและเงินทุนไหลออกตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งในปีนี้ แต่สถานะด้านการเงินสาธารณะของฮ่องกงนั้นมีความแข็งแกร่ง และกลไกเฝ้าระวังความเสี่ยงของฮ่องกงมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับใช้รับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
.
“ฮ่องกงมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่าสูงกว่า 4.4 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 1.7 เท่าของฐานเงินของดอลลาร์ฮ่องกง นอกจากนี้ ระบบการเงินและธนาคารของฮ่องกงมีความคล่องตัว การดำเนินการของภาคธนาคารมีเสถียรภาพ และคุณภาพสินทรัพย์ก็อยู่ในเกณฑ์ดีเลิศ” นายชานกล่าว
.
“หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนได้เทขายดอลลาร์ฮ่องกงและเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรับผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เราคาดว่าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ก็จะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเงินทุนและทำให้ราคาสินทรัพย์ในตลาดฮ่องกงเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” รมว.คลังฮ่องกง กล่าว
.
ทั้งนี้ บิลล์ แอคแมน นับเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเขาสามารถสร้างกำไรมหาศาลหลักพันล้านดอลลาร์ในช่วงวิกฤตโควิดเมื่อปี 2563 แม้ว่าช่วงเวลานั้นตลาดหุ้นทั่วโลกจะตกต่ำอย่างรุนแรง และเขายังเป็นคนแรกๆ ที่เห็นความผิดปกติจากสินเชื่อซับไพร์มก่อนที่จะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2551
.
.
#กรุงเทพธุรกิจFinance #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Line: https://line.me/R/ti/p/@rvb8351i
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
Website : http://www.bangkokbiznews.com
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit : https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok : https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Soundcloud: https://soundcloud.com/njqvvip1pkff
Spotify: https://qrgo.page.link/CHpWR

 

“การตั้งท้อง” คือประสบการณ์ที่คุณแม่ทุกคนสัมผัสด้วยความตื่นเต้น และจากนั้นก็จะนำมาด้วยการหาอาหารดีๆ เพื่อบำรุงสุขภาพ แต่ถึงเช่นนั้น สารอาหารที่จำเป็นที่สุด ดีต่อคุณแม่และคุณลูก ทั้งยังเป็นสิ่งแรกๆที่สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์กำชับให้ต้องบริโภคคือ “กรดโฟลิก”
.
เราอาจได้ยินทั้งคำว่า “โฟลิก” และ “โฟเลต” ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า สารอาหารทั้ง 2 ชื่อแตกต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร?
.
คำตอบในเรื่องนี้คือ กรดโฟลิก (folic acid) และโฟเลต (Folate) เป็นวิตามินตัวเดียวกัน นั่นคือ “วิตามินบี 9” ที่สามารถละลายน้ำได้ แต่ที่เแตกต่างกัน คือ “กรดโฟลิก” เป็นชื่อเรียกของวิตามินบี 9 ที่ได้มาจากการสังเคราะห์ขึ้น ส่วน “โฟเลต” เป็นชื่อเรียกของวิตามินบี 9 ที่ได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ โดยสารอาหารที่มีโฟเลต และสามารถพบได้นั้น เช่น
.
• ผักสดใบเขียว ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก
• ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ ถั่วลันเตา หน่อไม้ฝรั่ง
• ยีสต์ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ อะโวคาโด
• เมล็ดทานตะวัน
• ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย แต่ในเนื้อสัตว์จะมีสารโฟเลตต่ำ
.
แผนการประเมินผลนโยบายและยุทธศาสตร์ การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้บรรจุเรื่องการส่งเสริมและแจกจ่าย “โฟลิก” (Folic Acid) ให้กับหญิงตั้งครรภ์ นั่นเพราะ โฟลิกจะสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อการเจริญของลูกในครรภ์และเตรียมสำรองเลือดเผื่อไว้ตอนคลอด
.
โฟลิกจะช่วยการสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมอง ช่วยลดความพิการแต่กำเนิด และยังช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร นั่นจึงเป็นสารอาหารที่จำเป็นมีบทบาทหน้าที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์ ในร่างกาย
.
สตรีทุกคนที่จะตั้งครรภ์ควรได้รับการเสริมกรดโฟลิค วันละ 400 ไมโครกรัม เป็นอย่างน้อยในเวลา 1-3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์และให้ต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก ซึ่งจะลดอัตราการเกิดความผิดปกติของท่อประสาทได้ 50-70% ช่วยลดอัตราการเกิดภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ รวมถึงความผิดปกติของหัวใจบางชนิดในลูกและป้องกันภาวะซีดจากการขาดกรดโฟลิคในแม่อีกด้วย
.
ที่มา : สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์, แผนการประเมินผลนโยบายและยุทธศาสตร์ การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2569)
.
.
#กรุงเทพธุรกิจHealth #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Line: https://line.me/R/ti/p/@rvb8351i
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
Website : http://www.bangkokbiznews.com
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit : https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok : https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Soundcloud: https://soundcloud.com/njqvvip1pkff
Spotify: https://qrgo.page.link/CHpWR