ตัดเสียงรบกวนขณะโทร samsung

หลังจากปล่อย Galaxy Buds Live ไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็มีเสียงตอบรับมากมายจากผู้ใช้หูฟัง True Wireless รุ่นนี้ มาในปีนี้ Samsung ได้ปล่อยหูฟังไร้สายออกมาอีกครั้ง โดยในคราวนี้เป็นรุ่นท็อปสุด ปรับปรุงข้อด้อยบางประการของรุ่น Live เปลี่ยนรูปแบบของหูฟัง และเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนและการกันน้ำ ในชื่อรุ่น Galaxy Buds Pro วางจำหน่ายสามสีด้วยกัน คือ สี Phantom Silver, Phantom Violet และ Phantom Black โดยสีที่เราได้มาในคราวนี้ เป็นสี Phantom Violet

At First Sight

        เมื่อแกะกล่อง Galaxy Buds Pro และเห็นเคสในแวบแรกนั้นก็ทำเราแปลกใจเล็กน้อยว่า มันต่างจากตัว Galaxy Buds Live ยังไง แต่พอเปิดฝาและพิจารณาตัวหูฟังแล้วพบว่าซัมซุงได้กลับไปใช้รูปทรงอินเอียร์แบบ Galaxy Buds และ Buds+ ไม่เป็นทรงถั่วแบบ Galaxy Buds Live แล้ว และส่วนที่แตะสัมผัสยังใช้วัสดุมันวาวดูหรูหราเช่นเคย แต่ก็แอบหวั่นนิดๆ ว่าจะเป็นรอยง่ายในระยะยาว

        พอปลดล็อกหน้าจอ Galaxy Note 20 ที่ใช้อยู่ประจำและกำลังจะเข้าแอพฯ มิวสิกสตรีมมิ่งเพื่อทดลองคุณภาพเสียง หน้าจอจะขึ้นป๊อปอัพว่าพบอุปกรณ์ใหม่ นั่นคือ Galaxy Buds Pro ให้เชื่อมต่อเลยไหม ซึ่งถือว่าฟังก์ชันนี้สะดวกสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ของซัมซุง ไม่รอช้า กดเชื่อมต่อ แล้วจับหูฟังสวมเข้าหูทันที ซึ่งปัญหาในเวลาต่อมาที่เราประสบเหมือน Galaxy Buds Live คือ มันต้องใส่หูฟังยังไง? พลิกไปทางไหน? ซึ่งทางซัมซุงคงทราบปัญหานี้ จึงแจ้ง วิธีการสวมหูฟัง ไว้ในเว็บไซต์ วิธีการก็ง่ายๆ คือ หยิบหูฟังขึ้นมา เห็นตัวอักษรที่สกรีนบอกข้างหูฟัง จับไว้ในแนวเดียวกับอักษรที่สกรีน แล้วยัดเข้าหู ขยับอีกเล็กน้อยให้พอดี เป็นอันเรียบร้อย หลังจากสวมใส่ก็พบว่าหูฟังเกาะยึดกับหูได้ดี สะบัดหัวแรงๆ ไม่หลุด ใช้ฟังตอนวิ่งก็ไม่หลุด แถมยังกันน้ำระดับ IPX7 ที่ซัมซุงเคลมว่าใส่ตอนว่ายน้ำได้ แต่สำหรับเราที่ไม่ได้ชอบว่ายน้ำไปฟังเพลงไป แค่กันละอองฝนกับกันน้ำสาดตอนสงกรานต์ได้ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว

        และหลังจากมีฟีดแบ็กจากผู้ใช้ Galaxy Buds Live ว่าพื้นที่สัมผัสด้านนอกนั้นกว้างและไวมาก จับนิดจับหน่อยหูฟังก็เข้าใจว่าต้องการหยุดเพลงหรือเปลี่ยนเพลง ซัมซุงจึงได้แก้ไขฟังก์ชันพื้นที่สัมผัสด้านนอกของ Galaxy Buds Pro ให้มีพื้นที่แคบและชัดเจนขึ้น (เฉพาะบริเวณตรงกลาง) ทำให้โอกาสที่มือจะไปโดนปุ่มสัมผัสแบบไม่ตั้งใจตอนขยับหูฟังก็ลดลงตามไปด้วย (แม้จะยังพลาดไปโดนบ้าง) แต่หากคุณไม่ชอบฟังก์ชันนี้ ก็สามารถตั้งปิดระบบสัมผัสบนแอพฯ Galaxy Wearable ได้

        ส่วนเคสนั้นก็ใช้วัสดุด้าน รองรับการชาร์จผ่าน USB-C และ Wireless Charging เช่นเคย จะเสียบสายหรือวางบนแท่นชาร์จไร้สายก็สะดวก ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง (หูฟัง 5 ชั่วโมง บวกกับแบตเตอรี่ในเคสอีก 13 ชั่วโมง) แม้ว่าแบตจะไม่อึดเท่ารุ่นก่อนหน้า แต่ฟังก์ชันชาร์จไว 5 นาที ฟังเพลงได้นาน 1 ชั่วโมง ก็หมดห่วงได้สำหรับคนใช้งานหนักหน่วง

Sound and Noise Canceling Quality

        Galaxy Buds Pro มาพร้อมกับลำโพงวูฟเฟอร์ของ AKG ขนาด 11 มม. และทวีตเตอร์ขนาด 6.5 มม. คุณภาพเสียงนั้นถือว่าปรับปรุงจากรุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเสียงเบสที่มาแน่นกว่าเดิม รวมไปถึงเสียงโทนสูงที่ใสขึ้น ส่วนไมโครโฟนก็มีระบบแยกเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้ใช้งานสนทนาผ่านหูฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพของเสียงพูดอยู่ในระดับดี

        นอกจากนี้ หากต้องการใช้ประสิทธิภาพของหูฟังให้อย่างเต็มที่ เราแนะนำให้ใช้ Galaxy Buds Pro ควบคู่ไปกับแอพฯ Galaxy Wearable ที่ให้คุณสามารถปรับตั้งค่าของหูฟัง รวมไปถึงอิควอไลเซอร์ได้ แต่สำหรับเราที่ไม่ได้หูทิพย์หูทอง แค่ตั้งไว้ที่ Normal เสียงก็ยังดีมากๆ จนน่าประทับใจแล้ว 

        แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดใน Galaxy Buds Pro คือฟังก์ชัน Active Noise Cancelling (ANC) ที่ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีมาก เราทดลองใช้ Galaxy Buds Pro ขณะใช้งานเครื่องดูดฝุ่น พบว่าเสียงจากเครื่องดูดฝุ่นหายไปประมาณ 2 ใน 3 อัตรารบกวนเสียงเพลงที่อยู่ในหูฟังนั้นน้อย แทบไม่ต้องเร่งเสียงหูฟังแข่งกับเครื่องดูดฝุ่นให้ปวดหู

        ส่วนอีกฟังก์ชันหนึ่งของหูฟังที่น่าสนใจคือ Voice Detect เมื่อเปิดฟังก์ชันนี้และเริ่มสนทนา ตัวหูฟังจะดึงเสียงจากภายนอกและลดเสียงในหูฟังให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาถอดหูฟังเข้าๆ ออกๆ ขณะกำลังสนทนากับคนรอบข้าง

Pros and Cons

        จากที่ใช้งาน Galaxy Buds Pro มาร่วมสัปดาห์ พบว่ามีการแก้ไขปรับปรุงจาก Galaxy Buds Live เพิ่มขึ้นเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะคุณภาพเสียงที่ถือว่าดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา สวมใส่ง่ายขึ้น ใส่นานๆ แล้วไม่เจ็บหู แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน มีระบบชาร์จไว กันน้ำได้ดีขึ้น รวมไปถึงระบบตัดเสียงรบกวนที่ใช้งานได้จริงๆ จังๆ สักที ถือว่างานนี้ซัมซุงแก้เกมมาดี ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นในเกือบทุกทาง

        แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่เราคิดว่ายังต้องปรับปรุงนั่นคือระบบสัมผัสที่ทำได้ดีขึ้น แต่บางครั้งก็ยังเผลอเอามือไปโดนปุ่มสัมผัสในบางครั้งตอนที่ขยับหูฟัง ฟังก์ชันระบบเสียง 360 องศา ที่หูฟังจะปรับระดับเสียงตามการขยับศีรษะเมื่อเบือนหน้าออกจากจอนั้นก็รู้สึกว่าระบบทำงานช้าไปนิด และระบบ Voice Detect จะเปิดการทำงานตอนที่เผลอฮัมเพลงและร้องเพลงตามทุกครั้งไป (ซึ่งอันหลังนี้ไม่น่าจะนับเป็นข้อที่ต้องปรับปรุง เพราะตัวหูฟังคงแยกเสียงพูดกับเสียงเพลงที่เราร้องตามไม่ออก)

        Galaxy Buds Pro วางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ในตลาด ราคาอาจจะแรงไปสักนิด แต่หากคุณต้องการใช้มากกว่าแค่หูฟังไร้สาย มีระบบตัดเสียงรบกวนและตรวจจับเสียงพูดเพื่อสนทนาแบบไม่ต้องถอดหูฟัง และระบบเสียง 360 องศา (ที่รองรับเฉพาะสมาร์ตโฟนซัมซุงรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น) ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป